Home วัคซีนชีวิต ฉีดได้ที่ วัดวะภูแก้ว
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนสูงเนิน และ โรงเรียนคลองไผ่วิทยา ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 6 - 10 มิ.ย. 2557 PDF Print E-mail
Friday, 20 June 2014 07:15

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 


พ้นจากหลุมดำของชีวิต

          ผมคิดว่าการปฏิบัติธรรมมีผลดีต่อผมเพราะว่า  ก่อนที่จะมาที่นี่  ผมได้สร้างสิ่งชั่ว ๆ  มาตั้งหลายอย่าง  ไม่ว่าจะเสพยา  การพนัน  กินเหล้า  เที่ยวเตร่  จนผมโดนจับมาแล้ว  3  ครั้ง  ทั้งทำบาปกับแม่มาตั้งนานกว่า  1  ปี  ทั้งโวยวาย  เถียงแม่  เถียงยาย  ขอตังค์ไม่ได้ก็โวยวาย  ทุบบ้านทุบของทุบข้าวของในบ้าน  เพราะอาการติดยาผมเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วครับ  ได้ตังค์ไปก็ไปซื้อยาเสพไปวัน ๆ  จนวันหนึ่งผมถูกจับจนไปอยู่ในคุกตั้ง  22  วัน  ลองคิดดูนะครับว่านกที่อยู่ในกรงมันทรมานใจขนาดไหน


          เพราะความรักลูก  แม่จึงดัดนิสัยผมโดยไม่ประกันตัวผม  ครบกำหนดผมก็ออกมา  แม่ดีใจนึกว่าผมคิดได้  แต่ผมกลับเป็นเหมือนเดิมอีก  รอบนี้หนักกว่าเดิมอีกผมจมลึกไปจนถึงขั้นขายเอง 


          ตอนนั้นไม่ได้เรียนในโรงเรียน  แต่เรียน กศน.แทน  ผมเห็นน้องสาวผมไปโรงเรียน  แต่งชุดนักเรียน  ผมรู้สึกอาย  ผมเลยมาสมัครเรียนที่โรงเรียนสูงเนินกับน้องผมจนได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว  ดร.  ได้สอนอะไรหลายอย่างจนผมคิดว่าผมจะเลิกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อแม่ของผม  และจะเป็นคนดีของแม่และสังคม    ขอขอบคุณคุณครูโรงเรียนสูงเนินที่พาผมมาอบรมครับ  กลับไปผมจะไม่ไปยุ่งกับยาเสพติดอีกครับ

เด็กก้นหลุม
โรงเรียนสูงเนิน  ชั้น ม.4
เขียนไว้  ณ  วันที่  10  มิถุนายน  พ.ศ.2557  

  


ความห่วงของพ่อแม่แม้ลูกจะผิดเพศ

          แต่ก่อนหนูเคยเป็นคนที่ชอบเถียงพ่อแม่  เวลาอยู่บ้านพ่อกับแม่ชอบสอน  ชอบอบรม  ชอบแนะนำ  เวลาทำอะไรผิดพ่อแม่ก็จะสอน  จะแนะนำชี้ทางที่ถูกที่ควร  แต่ความคิดตอนนั้นคือ  ทำไมพ่อแม่ชอบบ่น  ชอบพูดมาก  บอกนิดบอกหน่อยก็น่าจะพอแล้ว  ทุกครั้งที่พ่อแม่สอน  หนูมักจะเถียงด้วยอารมณ์ที่รู้สึกรำคาญ  แล้วก็ทำอาการโมโหฉุนเฉียว  ทำอารมณ์ร้าย  กระทืบเท้าเสียงดัง  ประชดประชัน  ถอนหายใจแรง ๆ  ขว้างของบ้าง  วิ่งหนีเข้าห้องนอนปิดประตูเสียงดัง  บางทีก็วิ่งหนีออกจากบ้าน  หนูไม่เคยคิดว่าการที่ทำอย่างนั้นพ่อแม่จะรู้สึกยังไง


          อีกหนึ่งเรื่องคือเรื่องการเรียน  หนูมีความสามารถทางด้านการเรียนค่อนข้างดี  เกรด/ผลการเรียนไม่เคยตกจาก  3.5  ทำระดับผลการเรียนของตัวเองได้ค่อนข้างดีมาตลอด  แต่อย่างที่กล่าวมา  คือหนูเป็นคนอารมณ์ร้าย  เวลาหนูออกอาการนี้จะมีประโยคหลังที่พ่อมักจะพูดเสมอคือ  “ถ้าเรียนเก่งแต่เป็นคนนิสัยไม่ดีก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จหรอก”  แต่หนูก็ยังคงหัวแข็งไม่เชื่อฟัง 


          อีกอย่างหนึ่ง  คือ  เรื่องสุดท้ายที่เป็นเรื่องติดตัวหนูมาตั้งแต่เกิด  คือ  อาการอยากเป็นผู้หญิง  หนูไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันแต่มันไม่สำคัญ  มันสำคัญตรงที่ว่า  ที่หนูเป็นอย่างนี้หนูรู้ว่าพ่อกับแม่คิดมากในเรื่องนี้  ไม่ใช่ว่าพ่อแม่จะอายกลัวคนอื่นนินทาว่ามีลูกเป็นคนผิดเพศ  เป็นกระเทย  แต่พ่อแม่กลัวว่าหนูจะอยู่ในสังคมนี้ยังไง  แม่กลัวหนูถูกหลอกลวงผู้ชายที่หมายเพียงเงิน  พ่อห่วงว่าถ้าลูกเป็นแบบนี้แก่เฒ่าไปจะมีใครดูแลในเมื่อไม่มีลูก  ตอนนั้นหนูสับสนมากได้แต่คิดว่า  นั้นจะพิสูจน์ว่าฉันอยู่ได้  จากนั้นก็ได้มาอบรมพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้ว  ทำให้หนูรู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ที่เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่  หนูร้องไห้และบอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจ  จะไม่เถียงแม่เถียงพ่ออีก  จะเป็นลูกกตัญญู  และทำให้พ่อแม่ภูมิใจ  หนูอยากขอบพระคุณการอบรมพัฒนาจิตวัดวะภูแก้ว  ที่ทำให้หนูได้เป็นลูกกตัญญูอย่างสมบูรณ์แบบ  กลับไปบ้านหนูจะเป็นลูกที่ดีของพ่อของแม่  และหมั่นเจริญจิตภาวนาตลอดไป

นายชัยสิทธิ์  สุวรรณ 
โรงเรียนสูงเนิน  ชั้น ม.4/1  เลขที่ 1
เขียนไว้  ณ  วันที่  10  มิถุนายน  พ.ศ.2557  

  


ทำดี...ตอนนี้คงไม่สาย

          ตอนแรกที่รู้ว่าจะมาที่นี่ก็ท้อใจแล้ว  เพราะการที่เด็กอายุ  16-17  ที่จะเข้าวัดมันเป็นเรื่องยากมาก  นี่รู้ว่าจะมา  5  วัน  4  คืน  เด็กที่ไหนมันจะอยากมา  ถ้าครูไม่บังคับจริงมั้ย?  อาสามาเองคงจะมีน้อยมาก  พอมาถึง  ป๊าด!!  สวยมาก  นี่วัดหรืออุทยานท่องเที่ยวล่ะเนี่ย  สวยมากอ่ะ  สวยจริง ๆ  แถมอากาศบริสุทธิ์ผุดผ่องเย็นสบายไม่ร้อนเหมือนที่บ้าน  เอาเหอะ!!  มาแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติละกัน


          วันแรกนั่งสมาธิ  รู้สึกว่าปากแห้ง  กลืนน้ำไม่ลง  อยากจะอาเจียน  พอถอนจากสมาธิกลับเป็นปกติทั้งร่างกาย


          วันที่ 2-5  ก็เป็นเหมือนกันเป็นหนักขึ้น ๆ  เรื่อย ๆ  เป็นมาก ๆ  เข้าก็ตอนสวดมนต์ขนลุกทั้งตัวเฮ้อ!!  ทำไมถึงแปลกอย่างนี้นะ  บางครั้งนั่งสมาธิอยู่ก็มีคนเอาผมมาตีแขน  บางทีก็มีคนเอามือมาลูบที่หัวเบา ๆ  หนักสุดมีคนถีบตกหน้าผาหรือมีคนเอาเท้าถีบที่หน้าแล้วหลุดจากสมาธิ  ไม่กล้านั่งต่อเพราะกลัว  ตั้งสติได้เมื่อนึกถึงคำพูดของท่าน  ดร.ดาราวรรณ  ท่านกล่าวว่า  “มันเป็นเพียงภาพนิมิต  ไม่ต้องเอาจิตไปจดจ่อกับมัน  ให้เอาจิตร้อยอยู่ที่จิต”  พอนั่งไปสักพักตัวก็เย็นมาจากข้างในราวกับมีน้ำแข็งอยู่ในร่างกายเป็นสิบถุง  ใจจึงนึกขึ้นมาว่า

          ความดีก็เหมือนสายน้ำ                ถ้าหมั่นทำสายน้ำก็ไม่มีวันลดหรือแห้งไป
          หากหยุดกระทำเมื่อใดนั้น            สายน้ำอาจจะแห้งเหือดไปได้
          รู้อย่างนี้แล้วยังจะช้าอยู่ทำไม       มาร่วมใจกันทำความดีตอนนี้ก็คงไม่สายหรอกนะ


นางสาวหัทยา   จันทา 
โรงเรียนสูงเนิน  ชั้น ม.4/4  เลขที่ 1
เขียนไว้  ณ  วันที่  10  มิถุนายน  พ.ศ.2557  

  

 

บุญใหญ่อย่างนี้จะมีอีกเมื่อไรก็ไม่รู้

          ขอขอบคุณ  ดร.ดาราวรรณ  ที่ได้ทำให้หนูมีสติมากขึ้น  ชีวิตความคิด  อารมณ์ของหนูตอนนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก  ก่อนที่จะมาที่นี่  ความคิดของหนูก็ไม่อยากมา  แต่มันเป็นกิจกรรมของโรงเรียน  แต่ก่อน  แม่สอนอะไร  หนูก็ชอบเถียงท่าน  ชอบขึ้นเสียงใส่ท่าน  พอท่านจะใช้อะไร  หนูก็ทำท่าไม่พอใจ  คิดว่าจะใช้เราอะไรกันนักหนา  พี่ชายก็นั่งอยู่ทำไมไม่ใช่  งานบ้านหนูก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง  แล้วแต่อารมณ์  พอมาคิดได้ตอนนี้ความดีเรามีน้อยมาก  ความทุกข์ของแม่เยอะกว่ามากนัก  หนูมีแม่เพียงคนเดียว  พ่อเสียชีวิตตั้งแต่หนูได้  5  เดือน  มีเพียงแม่เท่านั้นที่หาเลี้ยงหนูและพี่ชาย  แม่ลำบากมาก  แต่พอได้อบรมที่วัดวะภูแก้วทำให้หนูคิดได้ว่าหนูอยากขอโทษท่าน  ทำให้หนูได้รู้ถึงความเจ็บปวดของท่าน  ทำให้หนูอารมณ์เย็นขึ้น  มีสมาธิ  สติ  ได้ฝึกความอดทน  ใช้สติเอาชนะใจตัวเอง


          วันนี้วันที่  5  ของการอบรม  มันช่างแตกต่างกับวันแรกนัก  วันแรกรู้สึกเหนื่อย  ความอดทนก็ไม่มี  มีแต่อยากกลับบ้าน  อยากพัก  แต่พอมาเรื่อย ๆ  ความเหนื่อยก็เริ่มหมดไป  เริ่มรู้ว่าใจของตัวเองดีขึ้น  พอถึงวันสุดท้ายรู้สึกแค่อยากกลับไปบ้าน  เพียงเพื่อกลับไปกราบเท้าแม่  ดร.ดาราวรรณทำให้หนูรู้ว่า  แม่ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดหรอก  ตัวเราก็เหมือนกันจะอยู่จนถึงวันพรุ่งนี้หรือเปล่า   ก็ไม่รู้  ส่วนตัวหนูบุญใหญ่อย่างนี้จะได้ทำอีกเมื่อไหร่  ก็ไม่รู้นาน ๆ  จะได้มาครั้ง  รีบเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไว้เยอะ ๆ ดีที่สุด  ตายไปเราเอาอะไรไปไม่ได้หรอก  นอกจากบุญกับบาป  ขอขอบคุณ  ดร.ดาราวรรณอย่างยิ่งที่ทำให้หนูเป็นคนใหม่ได้  ประสบการณ์ครั้งนี้จะจำไม่เคยลืม  ดีใจอย่างยิ่งที่มีโอกาสมาที่นี้  วัดวะภูแก้ว


นางสาวกาญจนา   มาลาไธสง 
โรงเรียนสูงเนิน  ชั้น ม.4  เลขที่ 36
เขียนไว้  ณ  วันที่  10  มิถุนายน  พ.ศ.2557  

 

 


แล้วผมจะกลับมาอีก

          ยอมรับเลยว่าตอนแรกผมกับเพื่อนอยากมามากครับ  แต่ว่าพอมาถึงกลับเบื่อที่ต้องมานั่งสมาธิ  นั่งสวดมนต์ทั้งวี่ทั้งวัน  ถึงแม้ว่าจะชอบทำบุญชอบเข้าวัด  ผมเคยได้ยินที่วัดพูดถึงวัดวะภูแก้ว  ว่าเป็นที่ปฏิบัติธรรมที่ดีมีอากาศร่มรื่น  แต่วันแรกที่ผมมารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ  ผมปวดเมื่อยมากครับที่จะต้องมานั่งสมาธิ  นั่งทำวัตรเช้า – เย็น  นอนก็ดึก  ตื่นก็เช้ามาก 


          พอผ่านไปได้  2-3  วัน  ผมก็รู้สึกว่า  นั่งสมาธิได้  และมีความสุขสนุกมาก  มีวิทยากรที่อารมณ์ดีตลกและมีสาระ  และ ดร.ดาราวรรณ  สอนเรื่อง  พระคุณพ่อแม่  ทำให้ผมคิดได้  และสำนึกอย่างที่ว่า  ทำดีกับท่านซะก่อนที่ท่านจะไม่อยู่ให้ทำอีกต่อไป  ทำให้ผมมีสติและคิดได้ว่าไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับพ่อแม่  ผมรู้สึกอยากมาอีกครับ  ผมว่าตอนผมขึ้น ม.3  น่าจะได้มาอีก  ผมสัญญาว่า  ต่อไปนี้จะทำดีกับพ่อแม่  ครูอาจารย์  ผมจะทำบุญให้มากกว่าบาป  หลังจากที่ฟังแล้วกลัวบาปมากครับ  เพราะตอนเด็กผมทำบาปไว้เยอะมาก  ผมมีความศรัทธาต่อวัดวะภูแก้วมากครับ  และผมจะกลับมาทำบุญอีกครั้ง  ผมเชื่อแล้วว่าบุญบาปมีจริง...

เด็กชายธีระชัย  ทิมจำลอง 
โรงเรียนคลองไผ่วิทยา  ชั้น ม.2/1 
เขียนไว้  ณ  วันที่  10  มิถุนายน  พ.ศ.2557


 
Last Updated on Friday, 20 June 2014 07:43
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner