Tuesday, 24 September 2013 02:21 |
สวรรค์ชัดๆ เมื่อวันแรกที่มาถึงวัดบรรยากาศร่มรื่น พอเข้ามาในศาลาก็คิดว่าจะสบายพอนั่งไปนาน ๆ นี่นรกชัด ๆ ซึ่งมันทำให้ฉันไม่มีความสุขและฉันก็อยากกลับบ้าน ทั้งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ทั้งโดนอาจารย์ดุ ฉันหมดกำลังใจ แต่วันต่อมาก็รู้สึกดีขึ้นได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างจาก ดร.ดาราวรรณ เกี่ยวกับธรรมดี ธรรมชั่ว มันทำให้ฉันคิดได้ว่าเคยสร้างกรรมอะไรมาบ้าง รู้วิธีแก้กรรมด้วยการสร้างกรรมดีหนีกรรมชั่วรู้หนทางที่ทำให้ใจเราสงบไม่คิดฟุ้งซ่าน
วันสุดท้ายได้ไปนั่งสมาธิที่ลานธรรม ทำให้จิตใจนั้นสงบขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวจากที่ฟุ้งซ่านมานานก็สงบลงได้แบบไม่มีเหตุผลจากที่เคยคิดว่าเป็นนรกคิดไปคิดมานี่สวรรค์ชัด ๆ ฉันภูมิใจที่ครั้งหนึ่งของชีวิตได้มาสัมผัสอะไรอย่างนี้หากใครไม่ได้มาวัดวะภูแก้วก็ไม่รู้หรอกนรก-สวรรค์มันมีจริง แล้วฉันเองก็เชื่อด้วยว่า วัดวะภูแก้วนี่สวรรค์ชัด ๆ แถมยังได้บุญอันใหญ่หลวงอีก
นางสาวสุธาทิพย์ ไวยสูงเนิน โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/1 เลขที่ 35 เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 จาก “เบื่อ” เป็น “บุญ” ย่างก้าวแรกที่ได้สัมผัสวัดวะภูแก้วหนูก็ท่องไว้เลยว่าหนักแน่นอนเลยเพราะชีวิตทั้งชีวิต หนูไม่เคยมานั่งสมาธิ มาสวดมนต์ มาเดินจงกรมนาน ๆ แบบนี้ คำแรกที่หนูอุทานออกมาคือ “เบื่อหน่าย” นี่คือคำพูดครั้งแรกที่สะท้อนอยู่ในจิตใจตลอดเวลา แต่พอหนูได้ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกของศาลาปฏิบัติธรรมคือ “ร่มเย็น ชุ่มชื่น สงบ” คนแรกที่หนูเห็นมานั่งอยู่ตรงหน้าของหนูและเด็กโรงเรียนขามสะแกแสงอีกกว่า 200 คนที่มาพูดชี้แจงเด็กดื้อ ๆ ทั้งหลาย คือ ดร.ดาราวรรณ ตอนแรกหนูนั่งฟังท่านพูดอะไรก็ไม่รู้ให้จัดเบาะเตรียมหนังสืออะไรหลายอย่างเยอะแยะไปหมด อะไรจะละเอียดขนาดนั้น เบาะต้องตรง ต้องทำอะไรให้มีระเบียบ วุ่นวาย น่าเบื่อ ต้องมานั่งสวดมนต์ ยาว ๆ เป็นกิโล ต้องมานั่งสมาธิตั้งเกือบชั่วโมง ต้องมานั่งทำอะไรจำเจอยู่อย่างนี้ตั้ง 5 วัน ทั้งทำวัตรเช้า-ทำวัตรเย็นทุก ๆ วัน ซึ่งวันแรกน่าเบื่อมาก ท้อหมดแรงปฏิบัติ ตัวหนูเองไม่เคยมานั่งสมาธินาน ๆ สวดมนต์นาน ๆ แบบนี้ แต่พอหนูได้ยินคำพูดของดร.ดาราวรรณที่ว่า “อุทิศบุญ ทำสมาธิ” หนูก็ตั้งใจทำมาเรื่อยๆเป็นเพราะบรรยากาศของในวัดที่เอื้ออำนวยจึงทำให้หนูมีสมาธิ จิตนิ่งมากขึ้นทำอะไรอย่างมีสติมากขึ้นและมีวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆที่ทำให้หนูคิดได้หลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “บาป-บุญ” เรื่อง “สมาธิ-ปัญญา” และได้ปฏิบัติธรรมบนลานธรรมอีกด้วย หนูรู้สึกได้บุญใหญ่กลับบ้าน และหนูอยากจะทำสมาธินานๆ และนำไปปฏิบัติที่บ้าน และจะสะสมบุญกุศลให้มาก ๆ คะ
นางสาวปาลิดา หว่างกลาง โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/4 เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบว่าทางโรงเรียนขามสะแกแสงจะนำนักเรียนชั้นม.4 ทุกห้องมาเข้าค่ายอบรมปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ถอนหายใจเลยว่าไม่อยากไป “ไปทำไม ไปก็ได้แต่นั่งสมาธิ สวดมนต์” ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายมาก แต่พอข้าพเจ้าได้มาถึงที่วัดก็รู้สึกประทับใจกับสถานที่อบรม แต่อีกใจก็คิดว่ามางั้น ๆ แหละกลัวไม่ผ่านกิจกรรม ครูก็ชอบบังคับ ข้าพเจ้าเข้าอบรมวันแรกถึงวันที่สามน่าเบื่อมากนั่งสมาธิก็เมื่อยมากแต่พอ ดร.ดาราวรรณ อบรมเรื่องแม่ก็ทำให้ข้าพเจ้านั้นตั้งใจขึ้นมาโดยมิได้ตั้งตัวเลย และสองวันที่เหลือข้าพเจ้าตั้งใจสุดชีวิตนึกภาวนาถึงแต่บิดามารดา แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นน่าอัศจรรย์ข้าพเจ้าทำสำเร็จ มันทำให้ข้าพเจ้ามีแรงใจทุ่มเทให้กับการปฏิบัติมากขึ้นอย่างกับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเลยทีเดียว ข้าพเจ้าเริ่มชอบการปฏิบัติแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าอบรม ณ วัดวะภูแก้วจะทำให้ข้าพเจ้าสำนึกดีและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ไม่มีที่อบรมใดทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงได้เลยแต่ที่นี่ทำได้ ขอให้ทุคนที่เคยทำผิดพลาดในชีวิตท้อแท้หมดกำลังใจลองมาปฏิบัติดูนะคะ ขอขอบพระคุณที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ได้คนใหม่ให้คิดดี ทำดี จริงๆ คะ นางสาวเสาวรส หอมสันเทียะ โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/3 เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556 นับถือศาสนาไหนก็เข้าถึงธรรมได้ วันแรกที่มาถึงคณะวิทยากรก็ได้พาสวดมนต์ และวิทยากรได้ถามว่าใครบ้างที่นับถือศาสนาอื่น ซึ่งตัวฉันนับถือศาสนาคริสต์แต่ฉันไม่กล้ายกมือเพราะฉันอายเพื่อน ๆ ฉันเลยคิดว่าลองมาปฏิบัติของศาสนาพุทธดูว่ามันจะทำให้เรามีสมาธิมากกว่าเดิมได้ไหม วันแรกฉันนั่งสมาธิไม่ค่อยได้พอจะนั่งได้ก็รู้สึกปวดหัวข้างซ้ายขึ้นมา พอฉันฝืนมันก็ยิ่งปวด ฉันก็เลยตัดสินใจไม่ทำสมาธิต่อ และวันที่ 2 ฉันลองนั่งสมาธิใหม่ ฉันลองฝืนใหม่แล้วลองทำตามที่ดร.ดาราวรรณ บอกให้ภาวนาจิตดี ๆ แล้ว ฉันก็เลยลองทำสุดท้ายมันก็ทำได้ ความรู้สึกปวดหัวก็หาย แล้ววันที่ 4 ดร.ดาราวรรณได้ให้เราทุกคนทำสมาธิให้ระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ฉันคิดได้ว่าเมื่อก่อนเราเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ เคยทำให้แม่ต้องเจ็บตัว เคยทำให้แม่เสียใจจนแม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะพ่อฉันเคยสอนว่าถึงจะเจ็บถึงจะโดนคนอื่นเขาว่าเขาด่า เราก็อย่าร้องไห้ให้ใครเข้าเห็น อย่าให้ใครรู้ว่าเราอ่อนแอเพราะว่าถ้าไม่มีพ่อแม่อยู่แล้วเดี๋ยวคนอื่นเขาจะมาเอาเปรียบเรา เขาจะมาซ้ำเติมเราได้ หลังจากที่อบรมเสร็จฉันจะช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างที่ฉันทำได้และช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ และสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะทำคือ ฉันจะกลับไปล้างเท้าพ่อกับแม่ และขอขมาพ่อแม่ ฉันขอบคุณโรงเรียนที่ได้พาฉันมาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ขอขอบพระคุณคณะวิทยากรทุกท่านที่ทำให้ฉันกล้าที่จะทำสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน ก่อนที่มันจะสายไปเสียก่อน
นางสาววันนา สมบัติวงศ์ โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้นม.4/1 เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556
บาปต่อแม่ที่ลูกไม่ลืม...
เมื่อ วันที่ 5 มิถุนายน 2556 ลูกได้ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ ทำให้แม่เสียใจเสียน้ำตา ในวันนั้นฉันได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกลับดึกมาก แม่ก็เป็นห่วงเห็นว่าเราไม่กลับมาสักที จึงโทรไปตามเรารับสาย แต่เราไม่ฟังแม่พูดอะไร ได้แต่บอกแม่ไปว่าอยู่บ้านเพื่อนไม่ต้องเป็นห่วง แล้วจึงตัดสายแม่ทิ้ง แล้วแม่ก็โทรมาแล้วโทรมาเล่า ฉันรำคาญจึงตัดสายแม่ทิ้งแล้วปิดเครื่อง โดยที่ไม่รู้ว่าแม่รู้สึกยังไงในตอนนั้นประมาณเที่ยงคืนจึงกลับเข้าบ้าน เรานึกว่าแม่หลับไปแล้ว แต่พอเปิดประตูจึงเห็นแม่นั่งอยู่กับโซฟา แม่หน้าแดงตาแดงและลุกมาถามเราว่า ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้ ไปไหนมา ไปกับใคร ด้วยความรำคาญ เราจึงบอกแม่ว่าไม่ต้องรู้หรอก แม่ว่า นี่เป็นแม่แกนะ เราก็ว่า นี่ก็รู้แล้วยังไงพูดจบ แม่ก็น้ำตาไหล แล้วถามว่า ยังเป็นแม่แกอยู่ไหม เราไม่สนใจเดินหนีไป เปิดประตูเข้าห้องนอนโดยที่ไม่สนใจแม่ ปล่อยให้แม่ยืนเสียใจอยู่คนเดียว มาวันหนึ่งอาจารย์บอกว่าจะพาไปอบรมปฏิบัติธรรม เราก็มา พอวันแรกยังเฉย ๆ พอวันที่ท่าน ดร. พูดเรื่องพระคุณอันยิ่งใหญ่จึงทำให้เราได้สำนึก และกลับไปเราจะไปกราบขอโทษแม่ในทุก ๆ เรื่อง ทุก ๆ อย่างที่ไม่ดี
นางสาวอภิญญา ภักดีสอน โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 10 กันยายน 2556 ทำดีง่ายนิดเดียว ทันทีที่มาถึงวัดวะภูแก้ว สถานที่ที่เคยพูดว่า “ไม่อยากไป” กลับรู้สึกตรงกันข้ามเลย หนูชอบการนั่งสมาธิ เพราะฝึกความอดทนให้ตนเอง ชอบการบรรยาย เรื่อง “ตายแล้วไปไหน” มากที่สุด คงเป็นนิสัยที่ติดมาแต่ชาติปางก่อนล่ะมั้งคะ หนูถึงปากดี เถียงเก่ง พูดเลย โดนแม่ตีบ่อย พ่อดุบ่อย
อีกเรื่อง “พลังบุญ – พลังบาป” หนูชอบนะคำพูดที่ว่า ทำบุญล้างบาปไม่ได้ แต่หนีบาปได้ ก่อนมาคิดนะว่าใส่บาตรทุกวัน ล้างบาปที่เคยฆ่าสัตว์ เถียงพ่อแม่ได้ กรรมดีนั้นทำง่ายแต่บางคนคิดว่ามันยาก แค่สวัสดีพ่อแม่ก่อนมาโรงเรียนก็เป็นบุญแล้ว นางสาวภควดี เชยด่านกลาง ชั้น ม.4/1 โรงเรียนขามสะแกแสง เขียนไว้ ณ วันที่ 10 กันยายน 2556
|
Last Updated on Monday, 07 October 2013 07:04 |