Monday, 23 September 2013 08:39 |
ได้มากกว่าที่คาดคิด ผมบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกครับ จัดว่าเลวในระดับหนึ่งเลยทีเดียว คิดว่ามาวัดแล้วจะได้อะไรกลับไป พอมาถึงวัดวันแรกผมคิดถึงบ้านคิดถึงครอบครัว จิตใจไม่มีสมาธิเอาเสียเลย พอเข้าวันที่ 2 ก็เริ่มจะสวดมนต์ได้ดีขึ้นเพราะผมชอบสวดมนต์มากกว่ากิจกรรมอื่น วันที่ 3 ก็เริ่มทำสมาธิได้ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงผมจะทำได้ไม่ดีนัก แต่ผมก็ได้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและดำรงชีวิตหลายอย่างและมีประโยชน์มาก ทีแรกผมคิดว่าจะไม่ได้อะไรกลับไปแต่สุดท้ายก็ได้อย่างเต็มที่ทั้งบุญ ทั้งความรู้ ความมีวินัยในตนเอง และความสุขที่มากเหลือเกิน ขอบคุณวัดวะภูแก้วมาก ๆ ครับ ที่ทำให้ผมโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิมเยอะเลยนาย สมรักษ์ ทองอ่อน ชั้น ม.5/9 เลขที่ 7 โรงเรียนจักราชวิทยา เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556จดหมายของพ่อ การนั่งสมาธิวันสุดท้ายที่วัดวะภูแก้วทำให้ผมได้ระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมทำให้แม่เสียใจ และเรื่องต่างๆ ที่แม่ได้ทำให้ผมมาตลอดโดยที่ผมไม่เคยนึกถึงเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนเลย เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนผมอยู่ ม.4/5 โรงเรียนจักราชวิทยา ผมได้ไปค้นในตู้เพื่อหาเงินไปเล่นเกมส์ แต่ผมกลับไปพบจดหมายที่พ่อเขียนถึงแม่ มันมีหลายฉบับมาก มีอยู่สองฉบับที่ผมอ่านแล้วร้องไห้เพราะเป็นจดหมายที่พ่อถามแม่ว่า ผมเป็นอย่างไรบ้าง มีของเล่น มีขนมกินเหมือนลูกคนอื่นไหม ผมอ่านทั้งน้ำตา และผมก็นั่งสมาธิต่อไปเรื่อยๆ จนเห็นภาพที่ผมด่า พ่อ แม่ และทำลายข้าวของในบ้าน ซึ่งทำให้ผมสำนึกผิดขึ้นมาทันทีเลย ตอนที่อาจารย์ให้กราบแล้วนึกถึงพ่อแม่ ผมนึกถึงภาพพ่อ แม่ นั่งอยู่ต่อหน้าผมแล้วยิ้ม รอยยิ้มนั้นอบอุ่นมากและมันเป็นรอยยิ้มที่ผมมีความสุขมากนายธวัชชัย ตุ้มเมืองโคน ชั้น ม.5/5 โรงเรียนจักราชวิทยา เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556 หนูเพิ่งรู้ว่าทำดีง่ายกว่าทำชั่ว การมาอบรมครั้งนี้ทำให้หนูได้รู้ถึงการใช้ชีวิตที่ดีว่าควรทำอย่างไรและได้รู้ว่ามันทำง่ายกว่าการทำชั่ว ซึ่งแต่ก่อนเคยคิดเสมอว่าการทำความดีนั้นยากกว่าการทำชั่ว แต่พอ ดร.ดาราวรรณ ท่านได้มาพูดถึงการทำดีทำชั่วเป็นเช่นไรจึงทำให้หนูคิดได้ ถ้าหนูรู้ว่าการทำดีง่ายหนูทำตั้งนานแล้ว ในคืนของวันที่ 4 วิทยากรให้ดูหนังการคลอดของแม่ทำให้หนูหวนคิดกลับมาทันทีเลยว่าแม่เราเจ็บขนาดนี้ในวันที่คลอดเราออกมา ทำไมเราถึงทำกับแม่ได้แถมมาจัดงานวันเกิดเราในวันที่แม่เจ็บเจียนตาย และยังทำให้แม่เสียใจตั้งมากมาย แม่ของหนูเป็นช่างเย็บผ้า หนูไม่เคยถามท่านเลยว่าเหนื่อยไหม บางทีท่านบอกให้หนูช่วยหนูก็ทำแบบไม่ค่อยจะเต็มใจ แถมทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แม่ทำเพื่อหนูทุกอย่างแต่หนูไม่เคยนึกถึงบุญคุณของท่านเลย ท่านบอกให้หนูใช้เงินอย่างประหยัด หนูก็ใช้สิ้นเปลืองมาก ท่านบอกว่า พ่อก็อยู่ไกลต้องทำงานเหนื่อยเพื่อส่งเงินมาให้หนูใช้ ให้เห็นใจพ่อบ้าง แต่หนูก็ยังนิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ จนกระทั่งได้เข้ามา ณ วัดวะภูแก้ว สิ่งที่เคยคิดไม่ดี คิดไม่เป็น ก็เริ่มคิดได้ว่า สิ่งที่เราทำผิดแล้วคิดที่จะเริ่มต้นใหม่ คิดให้ดีกว่าเดิม พ่อ แม่คงให้อภัยเรา หนูจะช่วยแบ่งเบางานของท่าน จะถามท่านว่างานไหนพอจะช่วยท่านได้ก็จะช่วย และรู้จักการประหยัดอดออมไม่ใช้สิ้นเปลือง เผื่อวันข้างหน้าหากพ่อกับแม่ของหนูไม่มีเงินที่จะให้หนูแล้ว หนูก็จะนำเงินส่วนนั้นมาใช้
นางสาวเสาวภา ทินกระโทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/4 โรงเรียนจักราชวิทยา เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556
คนเจ้าทุกข์ ฉันเป็นคนเจ้าทุกข์ ชอบเก็บเรื่องทุกๆ เรื่องนำมาคิด จนทำให้เป็นคนคิดมาก ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากจะเป็นอย่างนั้น เรื่องที่ฉันเก็บมาคิดส่วนมากจะเป็นเรื่องคนในครอบครัวของฉันเอง มันเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่เกิดในชีวิตของฉันก็ว่าได้ พ่อกับแม่ของฉันได้ทะเลาะกัน จึงทำให้แม่ต้องหนีไปเพราะทนนิสัยแย่ ๆ ของพ่อไม่ได้ แม่จึงทิ้งให้ฉันอยู่กับพ่อสองคน ตอนนั้นฉันโกรธแม่มาก ๆ ที่ทิ้งฉันไป แม้แต่ “แม่” คำเดียวคำสั้น ๆ ฉันก็ไม่อยากจะเอ่ยคำนั้นออกมาจากปากของฉันเลย แต่เมื่อฉันได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว สถานที่อันศักดิ์สิทธ์แห่งนี้ มันก็ทำให้ฉันสำนึกผิดในหลาย ๆ เรื่องที่ฉันเคยทำไม่ดีกับพ่อและแม่ ฉันเคยทำให้ท่านทั้งสองเสียน้ำตามาแล้วนับไม่ถ้วน ตอนนี้ฉันได้รู้ถึงพระคุณของแม่ว่า แม่มีพระคุณมาก แม่ทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันได้มีทุกอย่างเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ แม่ยอมอดหลับอดนอนเพื่อที่จะได้นำเงินมาให้ฉัน ถ้าย้อนเวลาได้ ฉันก็จะไปกราบเท้าแม่ ขอโทษแม่ในทุก ๆเรื่องที่เคยทำผิด ฉันอยากกอดแม่มากๆ ฉันอยากจะขอบคุณทางโรงเรียนที่ได้จัดกิจกรรมแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ฉันคิดว่ากลับไปคราวนี้ฉันจะนำหลักธรรมมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันของฉันให้ได้มากที่สุด
สุดท้ายนี้ก็อยากให้ทุกคนสู้ ๆ กันนะคะ เมื่อมีความทุกข์ก็ขอให้คุณคิดว่า “ทุกคนต้องพบกับความทุกข์ แต่ใช่ว่าความทุกข์จะอยู่กับเราตลอดไป”นางสาวอาชัญญา ศรพระอินทร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนจักราชวิทยา เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556 เด็ก IQ สูง EQ ต่ำ หนูเกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ของดิฉันเป็นชาวนา เรียนจบแค่มัธยมต้นเพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีก็เลยได้เรียนแค่นี้ แม่เล่าให้ดิฉันฟังว่าตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่เฝ้าเลี้ยงดูดิฉันด้วยความยากลำบาก ดิฉันเป็นเด็กที่เลี้ยงยากมาก วันๆ เอาแต่ร้องไห้ กินก็ร้อง นอนก็ร้อง พ่อกับแม่เป็นห่วงฉันมากว่า ฉันจะไม่สบาย หรือจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฉัน ก็เลยได้พาไปให้พระท่านดู พระท่านบอกว่า ดิฉันไม่เป็นอะไร ร้องไห้ประสาเด็ก แต่ท่านบอกว่ากับพ่อแม่ว่าโตขึ้น ฉันจะเป็นลูกที่เลี้ยงพ่อแม่ พ่อกับแม่ก็เลยเลี้ยงดูดิฉันเป็นอย่างดีตลอดมา แต่อนิจจาชะตากลับแกล้งดิฉัน ทำให้ดิฉันต้องกลับกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ พ่อของดิฉันเสียชีวิตตั้งแต่ดิฉันอายุ 2 ขวบ แม่ต้องเป็นผู้ดูแลดิฉันเพียงคนเดียว แต่ไม่นานโชคชะตาก็เข้าข้างดิฉันทำให้ดิฉันมีพ่ออีกครั้ง แต่เป็นพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงและแม่ของฉันเฝ้าเลี้ยงดูแลดิฉันตลอดมาจนโต เมื่อพอดิฉันโตขึ้นตอนดิฉันอยู่ประถม 6 แม่ให้หัดซักผ้าเอง แต่ดิฉันไม่ยอมทำ แม่ก็ต้องทำให้ จนดิฉันอยู่ ม.1 จึงเริ่มทำเอง แม่ไม่เคยใช้งานดิฉัน แต่จะให้ฉันช่วยงานนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น ล้างถ้วยชาม ซักผ้าเอง กวาดบ้าน พ่อกับแม่เป็นชาวนา แต่ไม่เคยให้ดิฉันไปนาเพราะกลัวดิฉันจะตากแดดเหนื่อย ท่านให้ดิฉันอยู่บ้านอ่านหนังสือ เมื่อเรียนอย่างเดียว แต่ดิฉันอ่านหนังสือได้วันละไม่ถึงหนึ่งหน้า มีแต่เที่ยว บางครั้งดิฉันไปเที่ยวกับแฟน แล้วแม่จับได้ ก็โกหกแม่ว่าไปกับเพื่อน ฉันเป็นคนเรียนเก่งแต่ขี้เกียจอ่านหนังสือและมีพฤติกรรมที่แย่ แต่ก็ไม่เคยทิ้งการเรียน ดิฉันเป็นลูกที่แย่ทำให้พ่อแม่เสียใจ พ่อกับแม่เคยร้องไห้เพราะฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพราะพฤติกรรมอันย่ำแย่ของดิฉัน เวลาท่านสองคนสอนอะไรดิ ฉันก็มีแต่เถียงท่าน บางครั้งถึงกับด่าท่านจนท่านร้องไห้ ดิฉันเห็นหลายครั้งที่แม่ตีแล้ว ดิฉันไม่สนใจไม่ร้องไห้ แต่แม่ซึ่งเป็นผู้ตีกลับร้องไห้เหมือนถูกตีเสียเอง ดิฉันเป็นลูกที่ไม่เอาไหน วัน ๆ ก็ได้แต่เที่ยว กิน นอน คุยโทรศัพท์ แต่อย่างน้อยดิฉันก็ไม่เคยทิ้งการเรียน ดิฉันเคยกินเบียร์กินเหล้า แล้วถูกแม่ด่า แต่ดิฉันก็ไม่ฟัง ดิฉันไม่เคยทำงานช่วยแม่เลย ไม่เคยซักผ้าให้แม่ ไม่เคยทำอาหารให้แม่ มีแต่แม่ทำให้ตลอดมา
การมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้วได้ฝึกจิตฝึกสมาธิ ได้สำนึกมากขึ้นว่าตนเองทำบาปกับพ่อแม่ไว้มาก ดิฉันตั้งใจว่ากลับไปถึงบ้านแล้วจะหาพวงมาลัยไปกราบขอขมาท่านทั้ง 2 ในความผิดที่ทำลงไป และจะเป็นลูกที่ดีของท่าน
นางสาวพัชรี นีระพัฒน์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556 น้ำใจพ่อ วัดวะภูแก้วดีทุกอย่าง ข้าพเจ้าชอบมาก ชอบวิธีการสอนของวิทยากรแต่ละท่านโดยเฉพาะตอนที่ดร.ดาราวรรณ บรรยายเรื่อง “ตายแล้วไปไหน” ข้าพเจ้ามองเห็นบุญ บาป สวรรค์ นรก ได้อย่างชัดเจน กลัวจนร้องไห้รีบโทรไปหาแม่เลย เพราะข้าพเจ้าเคยทำบาปอย่างหนัก นั้นคือการตีพ่อบังเกิดเกล้าของตนเอง แต่ข้าพเจ้ามีเหตุผลที่ต้องกระทำอย่างนั้น เพราะพ่อของข้าพเจ้าทะเลาะกับแม่ พ่อข้าพเจ้ารักข้าพเจ้ามาก ตอนนั้นพ่อตีแม่เพราะพ่ออยากจะกลับไปหาย่า แต่แม่แย่งกุญแจรถไว้เพราะยังไม่อยากให้ไป อยากให้ไปพร้อมกัน พ่อโมโหมากจึงตีแม่ แม่ร้องอย่างเจ็บปวด ข้าพเจ้าทนดูไม่ได้จนต้องเข้าไปช่วยแม่ พ่อบอกกับข้าพเจ้าว่า “ตีพ่อเลยลูกแต่พ่อจะไป” พ่อเริ่มออกกำลังกับแม่มากขึ้นจนข้าพเจ้าต้องใช้ไม้กวาดทางมะพร้าวตีพ่ออย่างแรง แต่พ่อไม่ตอบโต้ข้าพเจ้าเลย ข้าพเจ้าเสียใจที่ทำอย่างนั้น ถึงเวลาจะผ่านมาหลายปีแต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยลืม ข้าพเจ้าเดินเข้าไปกราบพร้อมขันดอกไม้และเทียน เพื่อขอขมาพ่อ พ่อพูดกับข้าพเจ้าว่า “พ่อไม่เคยโกรธลูกหรอก” ข้าพเจ้าถึงกับร้องไห้โฮเพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าทำลงไปมันหนักหนาสาหัสมาก ข้าพเจ้าจึงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบาป เพราะฉะนั้นจึงตั้งใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันแรก การนั่งสมาธิเป็นไปได้ด้วยดี ข้าพเจ้าชอบทำวัตรเช้า-เย็นถึงแม้จะปวดขาและเจ็บคอก็ตาม วันต่อมาการนั่งสมาธิเป็นไปค่อนข้างลำบากเพราะขาเริ่มชา แต่ข้าพเจ้าก็อดทน บางครั้งก็มีแมลงมากวน ข้าพเจ้าก็อุทิศบุญให้ ข้าพเจ้าว่า 5 วันที่มามันคุ้มค่ามากและข้าพเจ้าจะกลับไปต่อยอดที่บ้าน ด้วยการนั่งสมาธิและสวดมนต์ก่อนนอน
นางสาวอรณิชา สาลีลาด ชันมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม เขียนเมื่อ 27 ส.ค. 2556
ลูกกำพร้าที่ไม่เคยขาดความอบอุ่น ฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่โตมาจากความรักของคน 2 คน พ่อฉันเสียตั้งแต่ฉันมีอายุ 7 ปี แม่ฉันแทบใจสลาย แม่ของฉันเลี้ยงฉันมาคนเดียวตลอด หลังพ่อเสีย แม่ก็ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ไปทำงานที่นั้น และฉันก็ได้เรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งค่าเทอมประมาณ 1 หมื่นบาท วันหนึ่งฉันปวดท้องมากแม่ฉันได้ให้ขึ้นหลังลงจากชั้น 5 ซึ่งไม่มีลิฟต์ พาฉันไปโรงพยาบาล พอฉันเรียนอยู่ ป.5 โรงเรียนยุบกะทันหัน แม่คิดอะไรไม่ออกเลยย้ายฉันหลับมาโคราช แต่แม่ยังคงทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ฉันเครียดและโกรธมาก ทำไมไม่ให้ฉันเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ฉันอยากเรียนต่อที่โรงเรียนเบญจมราชาลัยแม่ก็ไม่ให้เรียนฉันว่าแม่ตลอดจนแม่ร้องไห้และบอกว่า “แม่ผิดเองลูกที่แม่ให้ลูกเรียนโรงเรียนดี ๆ ไม่ได้” พอฉันเริ่มโตก็เข้าใจความรู้สึกของแม่มากขึ้น ฉันไม่เคยอยู่พร้อมพ่อแม่เหมือนคนอื่นเขา แต่ฉันก็ได้ทุกอย่างมากกว่าคนอื่นเพราะแม่ตามใจตลอด ไม่เคยบ่นไม่เคยว่า แต่พอทะเลาะกับแม่ที่ไร ฉันจะพูดว่า “ฉันมันลูกกำพร้าพ่อไม่มีไม่มีใครรัก” แม่ฉันเสียใจมากร้องไห้เสมอ แต่ทุกครั้งที่ฉันทำแบบนี้ฉันจะขอโทษแม่เสมอและก็พูดคำว่า “แม่ขาหนูไม่จำเป็นต้องมีครบแบบคนอื่นก็ได้ แม่คือทุกอย่างของหนูเพราะตั้งแต่ขาดพ่อไปหนูไม่เคยคิดว่าหนูไม่มีความอบอุ่นเลยค่ะ หนูรักแม่นะคะ” เมื่อวันเข้าพรรษาที่ผ่านมาฉันก็ขออโหสิจากแม่แล้ว และการมาวัดครั้งนี้ทำให้หนูรู้บาปบุญคุณโทษ และรู้ว่าทำผิดกับแม่ไว้เยอะกลับไปจะไปโทรหาแม่เพราะไม่ได้อยู่กับท่าน รักแม่มากเลยค่ะ
นางสาวธัญดารัตน์ กุยราพะเนา ชั้น/ห้อง ม.๕/๒ โรงเรียน จักราชวิทยา เขียนเมื่อ วันที่ 27 สิงหาคม 2556
|
Last Updated on Tuesday, 24 September 2013 06:52 |