Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนขามสะแกแสง ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 6 - 10 ก.ย. 2556
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนขามสะแกแสง ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 6 - 10 ก.ย. 2556
Tuesday, 24 September 2013 02:21

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 

สวรรค์ชัดๆ

           เมื่อวันแรกที่มาถึงวัดบรรยากาศร่มรื่น พอเข้ามาในศาลาก็คิดว่าจะสบายพอนั่งไปนาน ๆ นี่นรกชัด ๆ ซึ่งมันทำให้ฉันไม่มีความสุขและฉันก็อยากกลับบ้าน ทั้งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ทั้งโดนอาจารย์ดุ ฉันหมดกำลังใจ


           แต่วันต่อมาก็รู้สึกดีขึ้นได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างจาก ดร.ดาราวรรณ เกี่ยวกับธรรมดี ธรรมชั่ว มันทำให้ฉันคิดได้ว่าเคยสร้างกรรมอะไรมาบ้าง รู้วิธีแก้กรรมด้วยการสร้างกรรมดีหนีกรรมชั่วรู้หนทางที่ทำให้ใจเราสงบไม่คิดฟุ้งซ่าน


           วันสุดท้ายได้ไปนั่งสมาธิที่ลานธรรม ทำให้จิตใจนั้นสงบขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวจากที่ฟุ้งซ่านมานานก็สงบลงได้แบบไม่มีเหตุผลจากที่เคยคิดว่าเป็นนรกคิดไปคิดมานี่สวรรค์ชัด ๆ   ฉันภูมิใจที่ครั้งหนึ่งของชีวิตได้มาสัมผัสอะไรอย่างนี้หากใครไม่ได้มาวัดวะภูแก้วก็ไม่รู้หรอกนรก-สวรรค์มันมีจริง แล้วฉันเองก็เชื่อด้วยว่า วัดวะภูแก้วนี่สวรรค์ชัด ๆ แถมยังได้บุญอันใหญ่หลวงอีก

นางสาวสุธาทิพย์ ไวยสูงเนิน
โรงเรียนขามสะแกแสง
ชั้น ม.4/1 เลขที่ 35
เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556

 

 

 

จาก “เบื่อ” เป็น “บุญ”

          ย่างก้าวแรกที่ได้สัมผัสวัดวะภูแก้วหนูก็ท่องไว้เลยว่าหนักแน่นอนเลยเพราะชีวิตทั้งชีวิต  หนูไม่เคยมานั่งสมาธิ มาสวดมนต์ มาเดินจงกรมนาน ๆ แบบนี้   คำแรกที่หนูอุทานออกมาคือ “เบื่อหน่าย” นี่คือคำพูดครั้งแรกที่สะท้อนอยู่ในจิตใจตลอดเวลา แต่พอหนูได้ก้าวขึ้นบันไดขั้นแรกของศาลาปฏิบัติธรรมคือ “ร่มเย็น ชุ่มชื่น สงบ” คนแรกที่หนูเห็นมานั่งอยู่ตรงหน้าของหนูและเด็กโรงเรียนขามสะแกแสงอีกกว่า 200 คนที่มาพูดชี้แจงเด็กดื้อ ๆ ทั้งหลาย คือ ดร.ดาราวรรณ   ตอนแรกหนูนั่งฟังท่านพูดอะไรก็ไม่รู้ให้จัดเบาะเตรียมหนังสืออะไรหลายอย่างเยอะแยะไปหมด  อะไรจะละเอียดขนาดนั้น เบาะต้องตรง ต้องทำอะไรให้มีระเบียบ วุ่นวาย น่าเบื่อ ต้องมานั่งสวดมนต์ ยาว ๆ เป็นกิโล ต้องมานั่งสมาธิตั้งเกือบชั่วโมง ต้องมานั่งทำอะไรจำเจอยู่อย่างนี้ตั้ง 5 วัน ทั้งทำวัตรเช้า-ทำวัตรเย็นทุก ๆ วัน ซึ่งวันแรกน่าเบื่อมาก ท้อหมดแรงปฏิบัติ ตัวหนูเองไม่เคยมานั่งสมาธินาน ๆ  สวดมนต์นาน ๆ แบบนี้    แต่พอหนูได้ยินคำพูดของดร.ดาราวรรณที่ว่า “อุทิศบุญ ทำสมาธิ” หนูก็ตั้งใจทำมาเรื่อยๆเป็นเพราะบรรยากาศของในวัดที่เอื้ออำนวยจึงทำให้หนูมีสมาธิ จิตนิ่งมากขึ้นทำอะไรอย่างมีสติมากขึ้นและมีวิทยากรมาบรรยายเรื่องราวต่างๆที่ทำให้หนูคิดได้หลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “บาป-บุญ” เรื่อง “สมาธิ-ปัญญา” และได้ปฏิบัติธรรมบนลานธรรมอีกด้วย หนูรู้สึกได้บุญใหญ่กลับบ้าน


          และหนูอยากจะทำสมาธินานๆ และนำไปปฏิบัติที่บ้าน และจะสะสมบุญกุศลให้มาก ๆ คะ


นางสาวปาลิดา หว่างกลาง
โรงเรียนขามสะแกแสง
ชั้น ม.4/4
เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556

 

 

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

         เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบว่าทางโรงเรียนขามสะแกแสงจะนำนักเรียนชั้นม.4 ทุกห้องมาเข้าค่ายอบรมปฏิบัติธรรม ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่ถอนหายใจเลยว่าไม่อยากไป “ไปทำไม ไปก็ได้แต่นั่งสมาธิ สวดมนต์” ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อหน่ายมาก แต่พอข้าพเจ้าได้มาถึงที่วัดก็รู้สึกประทับใจกับสถานที่อบรม  แต่อีกใจก็คิดว่ามางั้น ๆ แหละกลัวไม่ผ่านกิจกรรม ครูก็ชอบบังคับ ข้าพเจ้าเข้าอบรมวันแรกถึงวันที่สามน่าเบื่อมากนั่งสมาธิก็เมื่อยมากแต่พอ       ดร.ดาราวรรณ อบรมเรื่องแม่ก็ทำให้ข้าพเจ้านั้นตั้งใจขึ้นมาโดยมิได้ตั้งตัวเลย และสองวันที่เหลือข้าพเจ้าตั้งใจสุดชีวิตนึกภาวนาถึงแต่บิดามารดา แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นน่าอัศจรรย์ข้าพเจ้าทำสำเร็จ  มันทำให้ข้าพเจ้ามีแรงใจทุ่มเทให้กับการปฏิบัติมากขึ้นอย่างกับพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเลยทีเดียว ข้าพเจ้าเริ่มชอบการปฏิบัติแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยคิดว่าอบรม ณ วัดวะภูแก้วจะทำให้ข้าพเจ้าสำนึกดีและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้  ไม่มีที่อบรมใดทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงได้เลยแต่ที่นี่ทำได้ ขอให้ทุคนที่เคยทำผิดพลาดในชีวิตท้อแท้หมดกำลังใจลองมาปฏิบัติดูนะคะ ขอขอบพระคุณที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  ได้คนใหม่ให้คิดดี ทำดี จริงๆ คะ

  

นางสาวเสาวรส หอมสันเทียะ
โรงเรียนขามสะแกแสง
ชั้น ม.4/3
เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556

 

 

 

นับถือศาสนาไหนก็เข้าถึงธรรมได้

           วันแรกที่มาถึงคณะวิทยากรก็ได้พาสวดมนต์ และวิทยากรได้ถามว่าใครบ้างที่นับถือศาสนาอื่น ซึ่งตัวฉันนับถือศาสนาคริสต์แต่ฉันไม่กล้ายกมือเพราะฉันอายเพื่อน ๆ ฉันเลยคิดว่าลองมาปฏิบัติของศาสนาพุทธดูว่ามันจะทำให้เรามีสมาธิมากกว่าเดิมได้ไหม วันแรกฉันนั่งสมาธิไม่ค่อยได้พอจะนั่งได้ก็รู้สึกปวดหัวข้างซ้ายขึ้นมา   พอฉันฝืนมันก็ยิ่งปวด ฉันก็เลยตัดสินใจไม่ทำสมาธิต่อ และวันที่ 2 ฉันลองนั่งสมาธิใหม่ ฉันลองฝืนใหม่แล้วลองทำตามที่ดร.ดาราวรรณ บอกให้ภาวนาจิตดี ๆ แล้ว   ฉันก็เลยลองทำสุดท้ายมันก็ทำได้ ความรู้สึกปวดหัวก็หาย  แล้ววันที่ 4 ดร.ดาราวรรณได้ให้เราทุกคนทำสมาธิให้ระลึกถึงพระคุณของพ่อแม่ ฉันคิดได้ว่าเมื่อก่อนเราเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ  เคยทำให้แม่ต้องเจ็บตัว เคยทำให้แม่เสียใจจนแม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะพ่อฉันเคยสอนว่าถึงจะเจ็บถึงจะโดนคนอื่นเขาว่าเขาด่า เราก็อย่าร้องไห้ให้ใครเข้าเห็น   อย่าให้ใครรู้ว่าเราอ่อนแอเพราะว่าถ้าไม่มีพ่อแม่อยู่แล้วเดี๋ยวคนอื่นเขาจะมาเอาเปรียบเรา เขาจะมาซ้ำเติมเราได้

  


           หลังจากที่อบรมเสร็จฉันจะช่วยพ่อแม่ทำงานทุกอย่างที่ฉันทำได้และช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ และสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากจะทำคือ ฉันจะกลับไปล้างเท้าพ่อกับแม่ และขอขมาพ่อแม่ ฉันขอบคุณโรงเรียนที่ได้พาฉันมาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ขอขอบพระคุณคณะวิทยากรทุกท่านที่ทำให้ฉันกล้าที่จะทำสิ่งที่ฉันอยากทำมานาน ก่อนที่มันจะสายไปเสียก่อน


นางสาววันนา สมบัติวงศ์
โรงเรียนขามสะแกแสง
ชั้นม.4/1
เขียนเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2556

 

 


บาปต่อแม่ที่ลูกไม่ลืม...

           เมื่อ  วันที่  5  มิถุนายน  2556  ลูกได้ทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ  ทำให้แม่เสียใจเสียน้ำตา  ในวันนั้นฉันได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วกลับดึกมาก      แม่ก็เป็นห่วงเห็นว่าเราไม่กลับมาสักที  จึงโทรไปตามเรารับสาย  แต่เราไม่ฟังแม่พูดอะไร  ได้แต่บอกแม่ไปว่าอยู่บ้านเพื่อนไม่ต้องเป็นห่วง  แล้วจึงตัดสายแม่ทิ้ง  แล้วแม่ก็โทรมาแล้วโทรมาเล่า  ฉันรำคาญจึงตัดสายแม่ทิ้งแล้วปิดเครื่อง  โดยที่ไม่รู้ว่าแม่รู้สึกยังไงในตอนนั้นประมาณเที่ยงคืนจึงกลับเข้าบ้าน  เรานึกว่าแม่หลับไปแล้ว  แต่พอเปิดประตูจึงเห็นแม่นั่งอยู่กับโซฟา  แม่หน้าแดงตาแดงและลุกมาถามเราว่า  ทำไมเพิ่งกลับมาตอนนี้  ไปไหนมา  ไปกับใคร  ด้วยความรำคาญ  เราจึงบอกแม่ว่าไม่ต้องรู้หรอก  แม่ว่า  นี่เป็นแม่แกนะ  เราก็ว่า  นี่ก็รู้แล้วยังไงพูดจบ  แม่ก็น้ำตาไหล  แล้วถามว่า  ยังเป็นแม่แกอยู่ไหม  เราไม่สนใจเดินหนีไป  เปิดประตูเข้าห้องนอนโดยที่ไม่สนใจแม่  ปล่อยให้แม่ยืนเสียใจอยู่คนเดียว


          มาวันหนึ่งอาจารย์บอกว่าจะพาไปอบรมปฏิบัติธรรม  เราก็มา  พอวันแรกยังเฉย ๆ  พอวันที่ท่าน ดร. พูดเรื่องพระคุณอันยิ่งใหญ่จึงทำให้เราได้สำนึก  และกลับไปเราจะไปกราบขอโทษแม่ในทุก ๆ  เรื่อง  ทุก ๆ  อย่างที่ไม่ดี 

นางสาวอภิญญา  ภักดีสอน
โรงเรียนขามสะแกแสง  ชั้น  ม.4/1 
เขียนไว้ ณ วันที่ 10 กันยายน 2556

 

 

 

 

ทำดีง่ายนิดเดียว

           ทันทีที่มาถึงวัดวะภูแก้ว  สถานที่ที่เคยพูดว่า  “ไม่อยากไป”  กลับรู้สึกตรงกันข้ามเลย     หนูชอบการนั่งสมาธิ  เพราะฝึกความอดทนให้ตนเอง  ชอบการบรรยาย  เรื่อง  “ตายแล้วไปไหน”  มากที่สุด  คงเป็นนิสัยที่ติดมาแต่ชาติปางก่อนล่ะมั้งคะ  หนูถึงปากดี  เถียงเก่ง  พูดเลย  โดนแม่ตีบ่อย  พ่อดุบ่อย

  

           อีกเรื่อง  “พลังบุญ – พลังบาป”  หนูชอบนะคำพูดที่ว่า  ทำบุญล้างบาปไม่ได้  แต่หนีบาปได้  ก่อนมาคิดนะว่าใส่บาตรทุกวัน  ล้างบาปที่เคยฆ่าสัตว์  เถียงพ่อแม่ได้  กรรมดีนั้นทำง่ายแต่บางคนคิดว่ามันยาก  แค่สวัสดีพ่อแม่ก่อนมาโรงเรียนก็เป็นบุญแล้ว 

 

นางสาวภควดี  เชยด่านกลาง ชั้น ม.4/1
โรงเรียนขามสะแกแสง
เขียนไว้ ณ วันที่ 10 กันยายน 2556


Last Updated on Monday, 07 October 2013 07:04
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner