Monday, 23 September 2013 11:10 |
ทำเพื่อแม่ที่จากไป พอคุณครูบอกว่าจะพามาวัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้าดีใจมาก เพราะอยากจะมาทำสมาธิ จนเกิดสติ และเกิดบุญจะได้แผ่บุญให้กับมารดาของข้าพเจ้าผู้จากไป ข้าพเจ้ามีความรู้สึกในใจว่า “ดีจังได้ทำสมาธิแผ่บุญให้กับแม่ของเรา” ท่านผู้ซึ่งเป็นพระพรหมสูงสุดของลูกทุกคน การมาวัดวะภูแก้ว 5 วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกดีปลื้มปีติใจมาก วันแรกนั้นยังไม่เกิดสมาธิเพราะว่าจิตใจยังคิดวุ่นวาย ยังไม่สงบ พอวันที่สองจิตใจเริ่มสงบ บริกรรมว่า “พ่อ-แม่” นึกถึงหน้าพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้มีพระคุณ ทำให้จิตใจของข้าพเจ้าสงบมากขึ้น พอวันที่ 3-4 ข้าพเจ้านั่งสมาธิได้นานขึ้น ภายในร่างกายของข้าพเจ้าสงบและนั่งมีแสงสว่างสีส้ม ขาวเล็กน้อย ตัวโยก กลางหน้าผากเหมือนมีอะไรมาดูดไว้ ตัวเบา เหมือนไม่มีแขน แต่เจ็บที่ขา แต่ข้าพเจ้าก็อดทนท่อง พุท-โธ สักพักอาการเหล่านั้นก็หายไป พอลืมตาขึ้นปรากฏว่าข้าพเจ้านั่งนานกว่าผู้อื่น ตกใจมากที่ข้าพเจ้านั่งได้นานขนาดนี้ ร่างกาย จิตใจของข้าพเจ้าตอนนั้นกับตอนนี้แตกต่างกันมาก มีสติคิดได้ เขาก็ทำได้ เราก็ทำได้!
นางสาวสุมาลี ฉวยสูงเนิน โรงเรียนเริงรมย์วิทยาคม ม.6/1 เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556 สู้ความง่วง การทำสมาธิตั้งแต่ยกแรก ฉันเอาแต่นั่งหลับ จนถึงเย็นวันที่ 2 อีกปรากฏว่าฉันนั่งได้นานอยู่พอสมควร ในใจฉันได้แต่ท่องในใจว่า “ห้ามหลับ” ติดต่อกันยาวเป็นวายาวจนไม่มีที่ว่าง แต่ฉันไม่หวังที่จะไปเอารางวัลข้างหน้าหรอก เพราะฉันคิดว่าการนั่งสมาธิของฉันนั้น ฉันเพียงแค่อยากเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะใจตัวเอง เอาชนะกิเลสเฉย ๆ ไม่หวังที่จะเอาชนะเพื่อน ฉันขอขอบพระคุณอาจารย์ทุก ๆ ท่าน และขอขอบพระคุณอาจารย์วิทยากร ที่ทำให้ฉันจิตใจสงบและขอฝากเพื่อน ๆ ทุกคนไว้ว่า
“สติมา ปัญญาดี กิเลสนี้จะไม่ครอบงำ”นางสาวกัญญารัตน์ นิดกระโทก โรงเรียนเฉลียงพิทยาคม ชั้น ม.4/2 เขียนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ปฏิบัติธรรมดีอย่างนี้นี่เอง ดิฉันว่าการนั่งสมาธิ น่าเบื่อมากเพราะว่า นั่งไปแล้ว ไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา แต่พอได้รับการอบรมก็เปลี่ยนความคิด ดิฉันจึงคิดว่า ถ้ามันดีอย่างนี้ ดิฉันเข้าวัดปฏิบัติกับแม่ไปตั้งนานแล้ว ดิฉันได้เรียนรู้ธรรมะ และพระพุทธศาสนามากขึ้นกว่าที่เรียนให้ห้องเรียนอีก แต่ในห้องไม่ต้องสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ที่นี่ต้องทำทุกอย่าง เช่น นั่งสมาธิ สวดมนต์ แผ่เมตตา เดินจงกรม ทำอะไรอีกหลายอย่าง ดิฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงชอบปฏิบัติธรรม เพราะทำแล้วสบายไม่ต้องคิดอะไรมาก มีสติ, สงบ, ไม่วุ่นวาย
ถ้าดิฉันได้มีโอกาสที่จะได้มาอีกก็จะดี เพราะจะมีความอดทนมากขึ้น มีสติมากขึ้น ดิฉันชอบที่นี่นะคะ และอยากจะมาใหม่อีกรอบ ด.ญ.วารินทร์ บุตรศรีภูมิ โรงเรียนบ้านห้วยบง ชั้น ม.3 เขียนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556
ผมอ่านออก – เขียนได้ดีขึ้น แต่ก่อนผมเขียนหนังสือไม่ได้ อ่านไม่ออกแต่พออยู่วัดวะภูแก้ว คุณครูสอนให้ทำสมาธิ สอนให้จดงาน ผมรู้สึกว่าเขียนหนังสือได้สวยขึ้นจริง ๆ อ่านหนังสือสวดมนต์ได้ดีขึ้น คงเป็นเพราะตั้งใจอ่าน และมีสมาธิจดจ่อในการอ่านหนังสือ จะทำอะไรก็ทำอย่างมีสมาธิ ได้บุญก้อมากเลยเพราะมีสมาธิและมีความอดทนด.ช.ธนกฤษ ในสูงเนิน โรงเรียนกุดจิกวิทยา ชั้น ม.2/1 เขียนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556 ประสบการณ์จากการอบรมพัฒนาจิต เมื่อได้ฟังธรรมเรื่องกรรมเรื่องนรก บุญ และบาปทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจฟังมากและอยากรู้ถึงผลกรรมนั้นๆ เมื่อฟังธรรมแล้วทำให้นึกกลัวขึ้นมาทันทีกลัวการทำบาป ข้าพเจ้ารู้สึกว่ายิ่งฟังยิ่งน่าสนใจมากขึ้นและอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกด้านเลยและเมื่อได้ฟังเรื่องพระคุณของพ่อแม่ ข้าพเจ้านึกถึงภาพเก่าๆที่ข้าพเจ้าเคยทำให้ท่านเสียใจไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจาที่เคยด่าท่าน เถียงท่าน ตะคอกท่านและเคยบอกให้ท่านตัดขาดความเป็นแม่และลูกเลยรำคาญมากที่ท่านบ่นและไม่ให้ไปเที่ยว แต่ข้าพเจ้าก็ไปไม่เคยฟังคำพูดของท่านเลยท่านจึงลงโทษโดยการตบบ้าง ตีบ้าง แต่ข้าพเจ้าก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ท่านร้องไห้ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าเป็นลูกที่ดื้อและบอกไม่ฟัง ข้าพเจ้าไม่เคยสนใจความรู้สึกท่านเลย เมื่อข้าพเจ้าได้มาปฏิบัติธรรมและได้รับฟังธรรมในเรื่องต่างๆ จึงทำให้ข้าพเจ้าเริ่มกลับมาคิดและทบทวนสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำลงไปและร้องไห้เมื่อได้ยินเรื่องแม่ทำให้ข้าพเจ้าคิดและอยากที่จะกลับตัวกลับใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำลงไป การที่ข้าพเจ้าได้มาวัดนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รู้ว่า การมาวัดไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดและมีประโยชน์แก่ตัวข้าพเจ้ามากกว่า ทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนแปลงความคิดและรักพ่อแม่มากยิ่งขึ้นและจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกตั้งแต่นี้และตลอดไป
นางสาวสุพัตรา รั้งกระโทก โรงเรียนเฉลียงพิทยาคม ชั้น ม.6/2 เขียนเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2556 ประสบการณ์จากการอบรมพัฒนาจิต ก่อนที่ผมจะมา ณ วัดวะภูแก้ว ผมเป็นคนดื้อมาก พ่อแม่บอกอะไรก็ไม่ค่อยฟัง คอยแต่จะโกรธ แต่จะโมโห อารมณ์ร้อนมาก ขี้หงุดหงิดง่าย และขี้โมโห ผมเป็นคนที่ติดเที่ยวมาก ตอนเช้าถ้าไม่ได้ไปโรงเรียนก็จะโทรหาเพื่อนเพื่อชวนกันออกไปเที่ยว พอกลับมาถึงบ้านก็ประมาณ 4 ถึง 5 โมงเย็น กลับมาถึงบ้านก็ไม่ได้ทำงานบ้านงานเรือน กลับมาก็กินข้าวอาบน้ำนอนเลย พอประมาณ 2 ทุ่ม ก็ออกไปเที่ยวนอกบ้านอีก กลับมาก็ประมาณเที่ยงคืน ตี 1 ตี 2 พ่อก็ด่า แต่เราก็ไม่สนใจ รู้สึกเฉย ๆ เพราะชิน
ครอบครัวผมไม่ค่อยจะสมบูรณ์ พ่อแม่ก็เลิกกัน ตอนนี้เราอยู่กัน 3 คน มีพ่อ น้อง และผม ตอนพ่อแม่หย่าร้างกัน ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย เอาแต่จะร้องไห้ จะทำอะไรก็คิดแต่เรื่องครอบครัว เคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ก็คิดได้ว่าถ้าเราตาย พ่อ – แม่ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ท่านจะเสียใจแค่ไหน และถึงเราจะตาย พ่อแม่จะกลับมาคืนดีกันไหม ทำไมเราคิดแต่จะหนีปัญหา ทำไมเราไม่รู้เกิดมาทั้งทีต้องสู้สิ เราก็เริ่มมีกำลังใจขึ้น เริ่มทำใจได้ ถึงแม่จะไม่ได้อยู่กับเรา แต่เราก็ยังมีพ่อซึ่งคอยดูแล สั่งสอนให้เราเป็นคนดีเสมอ คอยหาเงินส่งเราเรียนเพื่อเราจะได้มีอนาคต ท่านคอยดูแลเอาใจใส่ ถึงเราจะทำให้ท่านร้องไห้กี่ครั้ง ท่านก็ไม่เคยโกรธเราเลย ส่วนแม่ถึงท่านจะไม่ได้อยู่กับเรา แต่ท่านก็คอยมาหาเราเสมอ ส่งเงินมาให้เราใช้ แต่เราก็ไม่อยากได้เพราะอยากให้แม่มาอยู่กับเรามากกว่า แม่สอนเราว่าถึงแม่จะไม่อยู่กับลูก ลูกก็ต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณพ่อ
วันที่ 16 สิงหาคม 2556 เราก็ได้มาปฏิบัติธรรม ณ วัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้ารู้สึกเบื่อมากแต่ต่อมา ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าดีขึ้น เห็นแสงสีเหลือง ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ข้าพเจ้าทำแบบเนียน ๆ เช้าวันสุดท้ายข้าพเจ้ารู้สึกคิดถึงพ่อแม่และน้ำตาก็ไหลออกมาเอง
นายธีระวุฒิ เหงี่ยมครบุรี โรงเรียนเฉลียงพิทยาคม ชั้น ม.4/1 เขียนเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2556
|
Last Updated on Tuesday, 24 September 2013 07:06 |