Home วัคซีนชีวิต ฉีดได้ที่ วัดวะภูแก้ว
เกร็ดชีวประวัติหลวงพ่อพุธ ฐานิโย (6) พบหลวงตามหาบัว... พบมิติแห่งจิต PDF Print E-mail
Thursday, 12 January 2012 04:44


รวมรูปภาพ สไลด์โชว์ ของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย


พบหลวงตามหาบัว... พบมิติแห่งจิต


          อุดรธานี ปี 2518  เป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อพุธได้พบกับ "หลวงตามหาบัว"    ภาพที่จับใจหลวงพ่อพุธก็คือ   การที่ท่านได้มีโอกาสสนทนาธรรมเพื่อขอคำชี้แนะจากหลวงตามหาบัว

  

          วันนั้นหลวงพ่อพุธได้ถามถึงเรื่อง "จิต"  ซึ่งคำตอบของหลวงตามหาบัวก็ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในจิตของหลวงพ่อพุธ ...

  

“หลวงตา จิตเมื่อมันเข้าสมาธิที่ถึงขนาดที่ร่างกายตัวตนหายไปหมด มันสามารถรู้เห็นอะไรได้ไหม ?”


“ไม่ตอบ”


“ไม่ตอบก็แสดงว่าหลวงตายอมรับ”


หลวงตามหาบัวไม่ตอบ   สิ่งที่ท่านใช้แทนคำตอบก็คือ ...


“สมัยที่เราอยู่ปรนนิบัติหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านจะเทศน์อะไรเราไม่สนใจ เรากำหนดจิตรู้จิตของเราอย่างเดียว เรามีหูท่านเทศน์ เราก็ได้ยิน จิตเราก็รู้”

  

           คำพูดประโยคสั้น ๆ  เพียงไม่กี่คำของหลวงตามหาบัวทำให้หลวงพ่อพุธฉุกคิดแล้วย้อนกลับมาพิจารณา  "ธรรมชาติของจิต"  ในรายละเอียดอีกครั้ง


           ที่สุดท่านก็พบว่า   การทำงานของจิตนั้นแบ่งออกเป็น 3 มิติ มิติแรกคือ  "จิตทำหน้าที่คิด"  มิติต่อมาคือ "จิตที่ทำหน้าที่เฝ้าดู"    มิติสุดท้ายคือ  "จิตที่ทำหน้าที่วางเฉย"  ...

 

           "... ในขณะจิตของเรามันเกิดความคิด ถ้าเราไม่ฝืน ปล่อยให้ไปตามธรรมชาติของมัน ถ้าความคิดที่มันเกิดขึ้นมาเองนี้ ความรู้ตัวนี่เราไม่ได้ตั้งใจ มันจะรู้พร้อม ๆ ๆ ๆ กันไป

 

          ทีนี้ถ้าหากว่าสมาธิมีพลังงาน ในขณะนั้นความคิดมันจะแยกออกไปอีกส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งคล้าย ๆ กับว่ามีผู้เฝ้าดูงาน ถ้ากายกับจิตยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ เราจะรู้สึกว่าจิตส่วนหนึ่งมันเข้ามานิ่งอยู่ในท่ามกลางของร่างกาย มันกลายเป็นสามมิติ มิติหนึ่งคิดไม่หยุด อีกมิติหนึ่งเฝ้าดู อีกมิติหนึ่งมานิ่งเฉยอยู่

          ตัวที่นิ่งเฉยอยู่นั้น เป็นจิตใต้สำนึก ตัวคอยเก็บผลงาน ตัวที่มันคิดไม่หยุดยั้งแล้วก็รั้งไม่อยู่ในตัวนั้นเป็นจิตเหนือสำนึก ซึ่งมันเกิดขึ้นมาเองโดยพลังของสมาธิ นี่...  ธรรมชาติของจิตเมื่อมันเกิดมีปัญญาแล้ว    มันจะเป็นอย่างนี้

 

        อย่างบางทีนี่เราตั้งใจพิจารณากายคตาสติ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ความตั้งใจในการพิจารณาของเราก็รู้สึกว่ามีอยู่ สติก็รู้สึกว่าเรารู้พร้อมอยู่ ทั้ง ๆ ที่จิตยังไม่สงบถึงขนาดความเป็นเองโดยอัตโนมัติ บางครั้งมันก็มีการแยกส่วนของมัน ไอ้ตัวที่มานั่งอยู่ในท่ามกลางก็มีอยู่ ตัวที่พิจารณาก็พิจารณาไป ตัวที่เฝ้าดูงานก็เฝ้าดูไป มันจะเป็นของมันอย่างนี้

 

       ทีนี้ปัญหาที่ว่า เราจะแยกจิตจากอารมณ์ ให้อารมณ์ก็เป็นส่วนหนึ่ง จิตก็เป็นส่วนหนึ่ง เราจะทำอย่างไร

 

      ไม่มีทางที่จะทำได้ นอกจากว่า   เรามีสติรู้อารมณ์จิตอยู่ในปัจจุบัน พอถึงขั้นตอนแล้วจิตเขาจะแยกของเขาเอง เราจะไปตั้งใจแยกมันไม่มีทาง ต้องให้มันเกิดสมาธิถึงขนาดที่เป็นอัตโนมัติโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ    ทุกสิ่งทุกอย่างมันพร้อมปฏิวัติตัวไปเองโดยอัตโนมัติ นั่นแหละมันจึงจะแยก

 

       "ฐีติภูตัง" ของ หลวงปู่มั่น นั่นแหละคือจุดที่จิตกับอารมณ์แยกจากกัน ในลักษณะอย่างที่ว่านี้ จิตสงบ นิ่ง เด่น สว่างไสวอยู่ สิ่งรู้ของจิตทั้งหลายนี้มันมาวนรอบจิตอยู่ แต่พอมาถึงความสว่างของจิตแล้วมันตกไป ๆ เหมือนแมลงบินเข้ากองไฟ

ที่มาจาก  หนังสือ "วินาทีบรรลุธรรม  พระอรหันต์มีจริง" เล่ม 5


 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner