Home วัคซีนชีวิต ฉีดได้ที่ วัดวะภูแก้ว
เกร็ดชีวประวัติหลวงพ่อพุธ ฐานิโย (4) เห็นความตายในนิมิต PDF Print E-mail
Thursday, 12 January 2012 04:12


รวมรูปภาพ สไลด์โชว์ ของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย


เห็นความตายในนิมิต


           หลวงพ่อพุธสอนให้เราหัดตายเล่นๆ ก่อนที่จะถูกความตายจริง ๆ เข้ามาบีบบังคับให้ตาย   ปัญหาก็คือ  แม้  "ความตาย"  จะเป็นปรากฏการณ์สามัญของชีวิตที่ใครๆ ก็มองเห็นได้   แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า  ภายในปริศนาดำมืดของความตายนั้นมีรายละเอียดเป็นอย่างไร


          ต่อไปนี้คือคำตอบต่อคำถามในเรื่อง "ความตาย"  ที่หลวงพ่อพุธได้อธิบายไว้อย่างละเอียดลออ

 

          ...ในที่สุดวัณโรคมันก็หาย แต่เวลามันจะหายจริง ๆ นี้ มันก็มาอาศัยสมาธิของเรานี้แหละ ที่เราปฏิบัติกันอยู่


        คือว่าอยู่มาวันหนึ่ง จิตมันก็นึกขึ้นมาว่า เราป่วยเป็นวัณโรคนี้ ไหน ๆ เราก็จะตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ก่อนจะตาย เราควรจะรู้ก่อนว่า "ความตายคืออะไร"

 

           วันนั้นตั้งใจนั่งสมาธิดูความตายตั้งแต่ ๓ ทุ่ม จนกระทั่งถึงตี ๓  การปฏิบัติด้วยความอยากรู้ อยากเห็น อยากมี อยากเป็น กิเลสมันไปปิดบัง เราปฏิบัติด้วยความอยาก แม้แต่จิตสงบมันก็ไม่มี เมื่อจิตไม่สงบ มันก็ไม่รู้เห็นความตาย จนกระทั่งถึงตี ๓ รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยพอสมควร

 

         พอเรามาคิดว่า โอ๊ย! วันนี้ไม่ไหวแล้ว ก็ไปยึดลมหายใจไม่ลดละ มันตามลมออกตามลมเข้าอยู่อย่างนั้น จิตมันก็รู้เฉยอยู่ตามธรรมชาติของมัน ลมหายใจก็หายใจอยู่ตามธรรมชาติ     มันมองเห็นลมวิ่งออก วิ่งเข้าเป็นท่อยาวเกลียวเหมือนหลอดไฟนีออน มันวิ่งตั้งแต่ปลายจมูกลงมาถึงสะดือ มันวิ่งอยู่อย่างนี้ บางทีมันก็วิ่งออกข้างนอก แล้วก็วิ่งเข้ามาข้างในสลับกัน แล้วในที่สุด พอมันออกข้างนอก มันก็หมุนเป็นเกลียวสว่านขึ้นไปเบื้องบน ความสว่างไสวมันก็เกิดขึ้น พอไปถึงเบื้องบนแล้วมันก็ย้อนกลับมา คล้าย ๆ กับว่ามันจะไปข้างหน้า มันก็ห่วงหลัง จะอยู่หลังก็อยากไปข้างหน้า มันย้อนขึ้นย้อนลงอยู่อย่างนั้น ในที่สุด  มันก็ตัดสายสัมพันธ์ขาดไป แล้วหมุนเป็นเกลียวขึ้นไป แล้วสายสัมพันธ์นี้มันขาด

 

          พอขาดปั๊บร่างกายหายหมด ยังเหลือแต่จิตดวงเดียวนิ่งสว่างไสวอยู่ คล้าย ๆ กับว่าในจักรวาลนี้มีแต่จิตของเราดวงเดียวเท่านั้นสว่างอยู่

 

           สักพักหนึ่งมันก็ย้อนลงมามองดูร่างกายที่นอนอยู่ มองลงมาทีแรกมองเห็นสบง จีวร ห่อหุ้มอยู่อย่างดี


           เอ้า! ลำดับต่อไปจีวร สบง หายหมด มีแต่ร่างกายเปลือยเปล่า ยังเหลือแต่ชุดวันเกิด


          ในลำดับต่อไป ร่างกายมันก็ขึ้นอืด ตีนกาง มือกาง น้ำเหลืองไหล


        ลงผลสุดท้ายเนื้อหนังพังไปทีละชิ้นสองชิ้น จนกระทั่งยังเหลือแต่โครงกระดูก


          แล้วในที่สุดโครงกระดูกที่เป็นโครงสร้างมันก็ทรุดฮวบลงไป


         ในลำดับต่อไปชิ้นกระดูกหักเป็นท่อนน้อยท่อนใหญ่


          แล้วในที่สุดมันก็แหลกละเอียดมันเหมือนกับขี้เถ้าโปรยอยู่ในดินทราย


          แล้วในขณะจิตนั้นมันก็หายจมลงไปในผืนแผ่นดิน แล้วก็เกิดความว่างขึ้นมาอีก


          สักพักหนึ่งผืนแผ่นดินก็ปรากฏขึ้นมาอีก กระดูกที่มันหายจมไปในผืนแผ่นดิน มันก็โผล่ขึ้นมา มอง ๆ ดูแล้วมันยุบยิบเหมือนหนอนบ่อน


             พอมันโผล่ขึ้นมาเต็มที่แล้ว มันก็เกาะกันเป็นก้อนเป็นท่อน ก้อนเล็กก้อนน้อย แล้วก็จับกันเป็นแท่งกระดูกโดยสมบูรณ์


             แล้วพอมันประสานกันเป็นโครงสร้าง คือตอนที่มันวิ่งมาประสานกันนี้ กะโหลกศีรษะกระโดดมาปุ๊บ กระดูกคอ กระดูกสันหลังวิ่งเข้ามาต่อ กระดูกซี่โครงก็วิ่งเข้ามาประสาน   กระดูกแข้งกระดูกขา กระดูกมือกระโดดเข้าไปประจำที่ของใครของเรา แล้วก็ประสานกันเป็นโครงสร้างเสร็จ

  

          เนื้อมันเริ่มงอก มันเริ่มงอกระหว่างข้อต่อของกระดูก   งอกลามไปทั่วจนกระทั่งมันมีเนื้อเต็มสมบูรณ์เต็มที่

 

            แล้วเนื้อเป็นสีแดงที่เรามองเห็นเหมือนกับลอกหนังหมู มันค่อย ๆ แห้งกร้านเข้าไป กร้านเข้าไป เปลี่ยนจากแดงเป็นสีเหลือง จากเหลืองเป็นสีขาวแล้วก็เป็นผิวอย่างธรรมดา ผม ขน เล็บ มันก็บังเกิดขึ้นสมบูรณ์แบบ

 

             แล้วมันก็ย้อนกลับไปกลับมาอย่างนั้น จำได้ว่ามันเป็นอยู่ถึง ๓ ครั้ง

 

              ทีนี้พอมันจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมานี้ ความสว่างที่มันลอยเด่นมันไหลตัวแพ๊บ แล้วทรุดลงมาปะทะหน้าอกรู้สึกแผ่ว ๆ เหมือนอะไรมาสัมผัสแผ่ว ๆ แล้วหลังจากนั้นความรู้สึกในทางกายนี้มันซู่ซ่า วิ่งไปตามเส้นสาย มันเหมือนกับฉีดยาแคลเซียมเข้าเส้น ทีนี้จิตมันก็กำหนดรู้ของมันเองโดยธรรมชาติ ความตั้งใจอะไรต่าง ๆ ในขณะนั้นมันไม่มี แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเองหมด

 

              ทีนี้พอมันหยุดซู่ซ่าแล้ว จิตมันก็มีคำถามขึ้นมาว่า "นี่หรือคือความตาย" คำตอบก็ผุดขึ้นมารับว่า "ใช่แล้ว"

 

            พอหลังจากนั้นมันก็อธิบาย ฉอด ๆ ๆ ๆ ตายแล้วมันก็ขึ้นอืด น้ำเหลืองไหล เนื้อหนังพังไปเป็นของปฏิกูล เน่าเปื่อยโสโครก ยังเหลือแต่โครงกระดูก โครงกระดูกมันก็ทรุดลงไป แหลกละเอียดหายจมลงไปในผืนแผ่นดิน เพราะว่าร่างกายเรานี้มันก็คือธาตุ ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อมันยังมีชีวิตอยู่มันก็เป็นรูปเป็นร่าง เดินเหินไปมาได้ ทำอะไรได้ เมื่อมันตายลงไปแล้วมันก็กลับไปสู่ที่เก่าของมันคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

  

          ไหนเล่าสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขามีที่ไหน...

 

         แล้วทีนี้ก็ยังนึกสงสัยอยู่ว่า เอ๊! เราจะตายจริงหรือเปล่า ยกมือสองข้างมาคลำดูหน้าอก อ้อ! ยังอยู่ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มองดูนาฬิกา ๒ โมงเช้า ทีนี้พอเดินออกจากห้อง เมื่อก่อนนี้หลวงพ่อจำวัดนี่ไม่ปิดประตูหน้าต่างทั้งนั้นแหละ เปิดโล่งเอาไว้

 

               ทีนี้พอเสร็จแล้ว พอเดินออกมา โยมอุปัฏฐากที่ไปส่งจังหันตอนเช้า ยายแม่ชีพวงพอเห็น แกเห็นเดินออกมา พอเรามานั่ง แกเดินขึ้นมา

 

                ว้าย! ถ้าหากว่า ๒ โมง เลย ๒ โมงไปแล้วไม่ตื่นนี้ ดึงขาแน่ ๆ แกว่า

                นี่ยังสงสัยอยู่ว่า เอ๊! ไปแล้วหรือยัง หรือยังอยู่

               บางทีแกบอกว่า แกไปสังเกต สังเกตดู คนเราถ้านอนหงายอย่างนี้ หายใจ มันจะต้องมองเห็นที่มันพองขึ้น แล้วก็ต้องยุบลง แล้วก็มองเห็น แต่นี่แกบอกว่า

  

                เอ๊ะ! นอนอยู่นิ่ง ๆ ไม่เห็นหายใจ ชักสงสัยใหญ่ว่า นี่ ตายแล้วหรือยัง ถ้า ๒ โมงไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว กระชากขาแน่ ๆ
แกว่า

 

                 พอหลังจากนั้นมา ไอ้ความเจ็บป่วยมันก็หายวันหายคืน ความเหน็ดเหนื่อย หรือความอะไรต่าง ๆ ที่เคยเป็นอยู่ มันหายยังกับปลิดทิ้ง จนกระทั่งหายมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ วัณโรคไม่กลับมาเยี่ยมอีกเลย

ที่มาจาก  หนังสือ "วินาทีบรรลุธรรม  พระอรหันต์มีจริง" เล่ม 5


Last Updated on Thursday, 12 January 2012 04:29
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner