Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนภู่วิทยา และ โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 11 - 15 ส.ค. 2560
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนภู่วิทยา และ โรงเรียนบัวหลวงวิทยาคม ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 11 - 15 ส.ค. 2560
Monday, 28 August 2017 08:33

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

อภัยได้  ใจสุข

          ธรรมะ  ศีล  สติ  ช่วยให้ผมเห็นหนทางหนีจากโทสะ  ความโมโหง่ายของผม  เมื่อก่อนผมเป็นคนโมโหง่าย  มีเรื่องต่อยตีกันบ่อย  มีอริ  เอาคืนกันไปกันมา  โดดเรียนเกเร  มีความประมาทในชีวิต  ไม่วางแผน  ไม่มีจุดหมาย  ผมได้มาวัดวะภูแก้ว 2 ครั้ง  ครั้งแรกตอน   ม.2  ผมก็ได้ซึ้งอยู่หลายวัน  แต่สันดานหยาบก็กลับมาอีกครั้ง  จนได้มารอบ 2  แต่ตอนนี้ผมอยู่ ม.4  มันอาจเป็นกับวัยและความอิ่มตัวของผม  ผมจึงพอคิดได้ในอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต

  

          เมื่อก่อนเมื่อเพื่อนมีเรื่องมาบอกผมว่าโดนตี  โดนทำร้าย  ช่วยพาไปเอาคืนหน่อย  ผมก็จะไปเอาคืนให้ตลอด  แต่เมื่อวานมีเหตุการณ์ไม่เข้าใจของเพื่อนผมกับรุ่นพี่อีกโรงเรียน  เมื่อผมได้ยินอย่างนั้น  อาการแรกของผมก็เริ่มร้อนรนอยากไปเอาคืนให้เพื่อน  แต่พอผมคิดไตร่ตรองนึกถึงคำสอนของ ดร.ดาราวรรณ  สติผมก็เริ่มมา  ผมก็บอกเพื่อนให้มีสติรออยู่ในหอ  หลังจากนั้นคุณครูทั้ง 2 โรงเรียนก็ได้ปรับความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายและได้จบอย่างสงบให้อภัยซึ่งกันและกัน  ถ้าตอนนั้นผมขาดสติก็อาจเกิดเรื่องเหมือนทุกๆ ครั้ง  การให้อภัยกันซึ่งกันและกันมันรู้สึกดีต่อตัวผม  ซึ่งไม่เคยสัมผัสความรู้สึกนี้มาก่อน  ผมคิดว่าทุกปัญหาของชีวิตมีทางออกถ้าทุกคนมีสติคิดไตร่ตรองให้ดี  ว่าเหตุเกิดจากอะไร  ถ้ารู้เหตุและผลกระทบเราก็ควรแก้ที่เหตุ  ผลที่ตามมาก็ดีเอง

  


          ผมขอขอบคุณวัดวะภูแก้วที่สอนให้มีสติ  มีความคิดในการตัดสินใจ  ผมไม่คิดที่จะไปสวรรค์หรือเป็นอรหันต์  แต่ผมจะทำปัจจุบันให้ดีและเป็นเด็กดีของสังคม  และครอบครัว  แค่นี้ก็แสนภูมิใจแล้ว  หลังจากนี้ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีสติไม่ประมาท  เป็นเด็กดีของพ่อแม่  ของชาติ  ทำตนให้เป็นประโยชน์และไม่เบียนเบียนผู้อื่น


ศุภสัณฑ์  ศรีษะเกษ
ม.4/2  ร.ร.ภู่วิทยา

  

  

  

  

  

พ่อเกือบฆ่าตัวตายเพราะหนู


           หนูเคยทำไม่ดีกับพ่อแม่  เกือบทำให้พ่อฆ่าตัวตายเพราะคำพูดและการกระทำของหนู  ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว  หนูเคยมาวัดวะภูแก้ว 1 รอบ  แต่ก่อนที่จะมามันมีเรื่องเกิดขึ้นคือ  ทะเลาะกับพ่อและแม่เพราะหนูไม่กินข้าวไม่ไปโรงเรียน  ค่ำลงก็ออกไปหาเพื่อน  ตอนนั้นหนูเป็นคนเอาแต่ใจมาก  หนูบอกกับพ่อแม่ว่าหนูจะไม่เรียน  ถ้าพ่อกับแม่ไม่ให้เรียนโรงเรียนเอกชน  พ่อกับแม่ก็ได้ขายรถเพื่อให้หนูได้เรียนโรงเรียนเอกชน  แต่หนูก็ยังดื้อขี้เกียจไม่เรียน  ไม่ช่วยงาน  เล่นแต่โทรศัพท์  พ่อทนไม่ไหวก็เลยยึดโทรศัพท์  หนูโกรธพ่อมากก็เลยหนีออกจากบ้าน  พอตกค่ำพ่อและแม่ไม่เห็นหนูกลับบ้านก็เลยไปตามหาแต่ไม่เจอ  หนูได้หนีกลับมาหาเพื่อนคนหนึ่งเขาบอกหนูว่าให้กลับไปหาพ่อกับแม่  ป่านนี้พ่อแม่จะเป็นยังไง  หนูก็กลับบ้าน  พอหนูกลับถึงบ้านพ่อกับแม่ก็เข้ามากอดแล้วพูดว่าพ่อกับแม่ร้องไห้ใจแทบขาดเพราะกลัวลูกเกิดอันตราย  หลังจากนั้นหนูก็ขอโทษพ่อกับแม่แต่ไม่สำนึกเท่าไร  หลังจากนั้นหนูย้ายกลับมาเรียนโรงเรียนภู่วิทยาและก็ได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว  หนูได้อะไรกลับไปตั้งหลายอย่าง  หนูสำนึกได้ก็เลยกลับไปกราบพ่อกับแม่  ทุกวันนี้หนูได้ตั้งใจมากขึ้น  ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ  ขอบคุณท่านวิทยากรทุกท่านที่ทำให้หนูสำนึกได้


กัญญานัฐ  อาดมะดัน
ม.4  ร.ร.ภู่วิทยา

  

  

  

  

ถูกแล้วหรือที่ด่าว่า  โต้เถียงพ่อแม่


         ข้าพเจ้านั้นก็ไม่ได้เป็นเด็กดื้อหรือเกเรอะไร  และไม่ได้เป็นคนตั้งใจเรียนมากอะไรขนาดนั้น  แต่คุณพ่อคุณแม่  ผู้ปกครอง  และญาติๆ ต่างก็คาดหวังข้าพเจ้าไว้มาก  เพราะข้าพเจ้าเป็นบุตรคนโต  และฉลาดกว่าน้องคนอื่นๆ ด้วยความที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่  แต่อยู่กับปู่และย่ามาตั้งแต่เล็กๆ และพ่อแม่ของข้าพเจ้าก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันแยกกันทำงาน  จึงทำให้ช่องว่างระหว่างกันมีเยอะ ทำให้คุณพ่อนอกใจคุณแม่  คุณแม่เสียใจมาก  ข้าพเจ้าก็รู้สึกผิดหวังมากและหนทางที่จะกลับมามีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตาแบบเมื่อก่อนก็คงไม่มีโอกาสแล้ว  เงินก็ไม่ค่อยได้ส่งมา    มีเพียงคุณแม่และคุณอา  ส่วนคุณปู่  และคุณย่าก็ทำนาส่งเสียให้เรียนและดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของข้าพเจ้าและน้องอีกคน  ตั้งแต่เรื่องนี้เกิดขึ้นพ่อของข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน  แต่ข้าพเจ้าก็คุยกับพ่อเสมอ  เมื่อตอนที่ข้าพเจ้าทราบเรื่องนี้ใหม่ๆ ข้าพเจ้าทำใจไม่ได้  คุยกับพ่อทีไรก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น  แถมยังด่าสาปแช่งไว้สารพัดด้วยความโมโห  แต่พ่อของข้าพเจ้าไม่โกรธข้าพเจ้าเลย  บอกอีกว่า “พ่อขออโหสิกรรม”

  


          ก่อนที่จะมาวัดวะภูแก้วนี้  ข้าพเจ้าคิดเสมอว่าข้าพเจ้านั้นพูดถูก  ทำถูก  ที่โต้เถียงพ่อแม่  หรือทำอีกหลายสิ่งหลายอย่าง  มันคือสิ่งที่ทำให้ผู้มีพระคุณต้องเสียใจ  ถึงอย่างไรพ่อแม่ก็คือพ่อแม่  ก่อนเราจะโตมาท่านเลี้ยงดูเราอย่างทะนุถนอม  แต่พอเรามีกำลังเดินเองได้  พูดได้  ก็มาทำสิ่งที่ทำให้ท่านเสียใจ  ข้าพเจ้ารู้สึกผิดที่กระทำเช่นนั้น  ฉะนั้น  เราควรที่จะทำดีกับผู้มีพระคุณกับเราให้มากๆ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส


กนกพร  มือขุนทด
ม.4/1  ร.ร.ภู่วิทยา

  

  

  

  

  

เด็กคริสต์ก็ใจเปิดกว้าง


         ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งในค่ายนี้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแต่ก็มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้  ข้าพเจ้าไม่ได้เอาเหตุนี้มาอ้างในการไม่มา ข้าพเจ้านับถือศาสนาคริสต์  ข้าพเจ้ากลับมองว่าไปเรียนรู้  ไปหาประสบการณ์  ไปฝึกจิตให้สงบ  ข้าพเจ้าทำใจให้สบายๆ มองในหลายๆ มุมมอง  สามารถร่วมกิจกรรมในสิ่งที่ข้าพเจ้าทำได้โดยไม่มีเหตุขัดข้องใดๆ

  


         พอมาถึงวัดวะภูแก้ว  บรรยากาศโดยรวมถือว่าเหมาะกับการปฏิบัติธรรมเพราะเงียบสงบ  บรรยากาศดี  การอบรมก็ให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนา  ตระหนักถึงพระคุณพ่อแม่  ข้าพเจ้าเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเวลาไม่ปล่อยให้สูญเปล่า  ในขณะที่เพื่อนทำจิตสวดมนต์เราจะนั่งอยู่เฉยๆ ก็มีแต่จะง่วง  หยิบหนังสือที่มีอยู่เอามาอ่าน  ได้คิดวิเคราะห์ได้รู้ว่ามุมมองของพุทธศาสนาว่าคิดอย่างไร  ข้าพเจ้ามองความแตกต่างของคนเป็นเรื่องธรรมดา  ข้าพเจ้าเคารพในการนับถือของตัวบุคคลจะศาสนาไหนก็สอนให้เป็นคนดี  ข้าพเจ้ามองว่าการที่เป็นคนดีหรือคนชั่วไม่ได้ขึ้นกับเรานับถือศาสนาใด  แต่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าปฏิบัติตัวอย่างไรต่างหากเป็นตัวกำหนด  หลักธรรมคำสอนใดๆ ก็เป็นเพียงแนวทางปฏิบัติในทางที่ดีขึ้น  คำสัญญาร้อยพันแต่ไม่ได้ทำสักอย่าง  คำสัญญานั้นก็หาได้มีค่าใด  กระทำดีกว่าเอาแต่สัญญาไม่ยึดกับคำสัญญา  ทุกอย่างคือสิ่งไม่เที่ยง การที่คนบอกว่า “โลกวุ่นวายอยู่ยาก”  ข้าพเจ้ามองว่า  ไม่ใช่โลกหรอกที่ทำให้เป็นปัญหา  แต่คนต่างหากที่คุณธรรมด้านจิตใจต่ำลง  ทำความผิดไม่ละอายในบาป  เห็นได้จากข่าวที่ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ว่าขาดสติในการดำรงชีวิต  ในข่าวฆาตกรรมต่างๆ ข่าวยาเสพติด  เป็นต้น  การที่โรงเรียนได้พานักเรียนมาฝึกในโครงการอบรมพัฒนาจิตได้มาปฏิบัติกิจกรรมเป็นสิ่งที่ดี  เนื่องจากพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น  จากวันแรกจนถึงวันสุดท้ายในการเข้าร่วมอบรม  ฝึกความอดทน  มีวินัย  ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น


นิศารัตน์  ขันทอง
ม.5/1  ร.ร.บัวหลวงวิทยาคม








คนบาปได้สำนึก


          ในตอนแรกดิฉันรู้สึกว่าดิฉันไม่อยากมา  ไม่ชอบนั่งสมาธิ  วันแรกดิฉันปวดขามาก  ทรมานแต่พอได้เห็นบรรยากาศที่ดีมันน่าอยู่มาก  ตอนที่ขึ้นไปลานธรรมทั้งสวยทั้งบรรยากาศดี  ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันมีบุญค่ะ  เพราะว่าเพื่อนของดิฉัน 3 คนฟัง  แล้วเพื่อนก็อยากไปแต่เพื่อนไม่ได้ไปค่ะ  เพราะตั้งแต่เย็นวันเสาร์พายุเข้าค่ะ  ทำให้ไปปฏิบัติธรรมบนลานธรรมไม่ได้  วันแรกที่วิทยากรเล่าเรื่องต่างๆ รู้สึกเบื่อค่ะ  เพราะหนูไม่ชอบอะไรแบบนี้  แต่พอฟังไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองค่ะ  รู้สึกชอบขึ้นมา  เมื่อวันที่ 13-14 ส.ค. 2560 วิทยากรพูดถึงเรื่องแม่  หนูว่าหนูเป็นคนบาปหนามากเพราะเคยด่าพ่อแม่ ชอบทะเลาะเถียงพ่อแม่  เวลาไม่พอใจก็จะกระทืบเท้าใส่  ประชดใส่  แต่พอมาวัดวะภูแก้วดิฉันรู้แล้วว่า  สิ่งที่หนูทำมันผิด  มันไม่ดี  หนูเป็นคนบาปมากคนหนึ่งค่ะ  เคยทำให้แม่เสียน้ำตากับนิสัยของหนูถึง 2 ครั้ง  แล้วทุกครั้งหนูสำนึกผิดแต่หนูไม่กล้าแสดงออก  แม่จะบอกหนูตลอดว่ากว่าแม่จะคลอดหนูออกมา  แม่อุ้มท้องหนูตั้ง 9 เดือน  กว่าจะโตขนาดนี้  แม่เหนื่อยแค่ไหน  ทรมานแค่ไหน  แต่แม่ไม่เคยบ่น  แม่เคยขอหนู 2 อย่างค่ะ  แม่ขอหนูว่าเลิกเที่ยวกลางคืน  เลิกกินเหล้า  แล้วก็ตั้งใจเรียนให้แม่ได้ไหม  หนูบอกแม่ว่าได้ค่ะแม่  หนูจะทำให้แม่  เพราะช่วงนี้แม่หนูทำงานหนัก  หาเงินใช้หนี้  หาเงินส่งหนูเรียนสูงๆ ตอนที่หนูรถล้มคนแรกที่มาหาหนูเร็วที่สุดคือ “แม่”  ถึงแม่จะขับรถไม่เป็นแต่แม่ก็หาทางมาหาหนูจนได้  โดยจ้างรถพี่ข้างบ้านมาสิ่งแรกที่แม่ถามลูกเจ็บไหม  เป็นไรมากไหม  หิวข้าวไหม  เพราะตอนนั้นตอนที่หนูรถล้ม  หนูเมาค้างค่ะแล้วขับรถ  พอหนูบอกว่าหนูหิว    หนูเห็นแม่เข้าไปหาซื้อของมาให้หนูกิน  ก่อนออกจากบ้านแม่จะบอกว่าใส่หมวกกันน็อกด้วย ขับรถช้าๆ นะลูก  เลิกเรียนรีบกลับบ้านนะ  มีอยู่วันหนึ่งหนูกลับบ้านค่ำแม่โทรตาม  แม่ถามว่าอยู่ไหนเมื่อไหร่จะกลับบ้าน  หนูบอกแม่ว่า  จะโทรมาทำไมนักหนาทำธุระอยู่  ตอนเช้าแม่จะถามหนูตลอดว่ากินข้าวไหม  กินกับอะไร  หนูบอกแม่ว่า  ไม่กินไม่หิว  แม่ไปตลาดทุกครั้งสิ่งแรกที่แม่คิดถึงคือหนู  แม่จะซื้อของโปรดหนูมาให้ทุกครั้ง  แล้วหนูก็เป็นคนหนึ่งค่ะที่จะเห็นเพื่อนเห็นแฟนดีกว่าพ่อแม่  แต่หลังจากมาวัดวะภูแก้วครั้งนี้  หนูรู้แล้วค่ะว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต  ถึงหนูจะเป็นคนแบบนี้แต่ในใจหนูหนูกลัวตลอดเลยนะคะ  “หนูกลัวว่าแม่กับพ่อจะไม่อยู่กับหนูอีก”  ขอขอบคุณสำหรับการอบรมในครั้งนี้ค่ะ  ทำให้หนูรู้อะไรหลายๆ อย่างหลายๆ ด้าน  หลังจากกลับไปหนูจะพาแม่ไปกินสิ่งที่แม่อยากกิน  จะกลับไปขอขมากับสิ่งที่หนูเคยทำผิดไป  หนูทำผิด  คิดผิด  ตัดสินใจผิด  หลังจากนี้หนูจะตั้งมั่นกับตัวเองค่ะว่า  แม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตหนู


รติกร  ขวางรัมย์
ม.5/1  ร.ร.บัวหลวงวิทยาคม








เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย


         ก่อนที่จะมาวัดวะภูแก้ว  หนูต้องไปอบรมที่ปะคำ 3 วัน 2 คืน  ความรู้สึกคือ  แบบว่าไม่ได้พักเลย  มันเหนื่อย  มันเพลีย  มันเบื่อ  ตั้งแต่ออกจากค่ายอบรมจาก อ.ปะคำ  หนูได้มานอนบ้านหนึ่งคืน  มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรอใต้ถุนบ้าน  พอหนูเดินเข้าบ้านพ่อก็บอกว่าแม่เองค่ะ  กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยน่ะ  คิดถึงเองน่ะแบบ  ตอนนั้นหนูจะร้องไห้  แต่กลั้นไว้  เอามาร้องคนเดียวบนบ้าน  และก่อนที่จะมาวัดวะภูแก้ว  เช้าวันที่ 11  หนูได้กราบแม่  เห็นน้ำตาของแม่  มันตื้นตันพูดออกมาเป็นความรู้สึกไม่ได้

  


         ในการเดินทางมาวัดวะภูแก้ว  หนูไม่อยากมาเลย  คิดถึงบ้าน  คิดถึงพ่อคิดถึงแม่  คิดถึงมันน่าเบื่อแน่เลย  นั่งสมาธิ  สวดมนต์  ตื่นเช้า  หนูคิดแบบนี้มาตลอดการเดินทาง  แต่พอมาถึงวัดเท่านั้นแหละ  มันสงบมากค่ะ  แต่พอได้ขึ้นมานั่งบนศาลามันรู้สึกเย็น  ยังไงไม่รู้วันแรก  ตอนนั่งสมาธิ มันปวด  เหนื่อย  เจ็บมาก  อยากจะร้องไห้  ง่วงนอน  กว่าจะสวดมนต์เสร็จก็นาน  พอมาถึงวันที่สอง  ตอนที่นั่งสมาธิรู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้  มีแสงวาปๆ ออกมาเป็นระยะๆ การมาวัดครั้งนี้มันทำให้หนูเปลี่ยนความคิด  ปรับทัศนคติ  เปลี่ยนเป็นคนละคน  ทำให้รู้ว่า  สิ่งเล็กๆ ที่พ่อแม่ทำให้เรามองข้ามปล่อยปละละเลยท่าน  ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับแม่กับพ่อเลย  ชอบเถียงเวลาแม่สอน  ชอบทำตัวประชดประชันใส่ท่าน  ทำหน้าทำตาใส่  พอได้ฟังธรรมเรื่องพระคุณแม่  ทำให้หนูได้สำนึกว่าที่เราทำไปนั้น  เท่ากับทำพระอรหันต์ในบ้านเลยนะ  หนูอยากขอโทษที่ก่อนจะมาได้ทำให้แม่เสียน้ำตาเสียใจ  อยากขอโทษอยากกอด  อยากบอกรัก  ขอขอบคุณที่พ่อกับแม่ทำให้หนูได้มาถึงทุกวันนี้  ขอบคุณที่ถึงลูกคนนี้เป็นคนไม่ดี  ทำผิดอย่างไร  ก็ยังอยู่เคียงข้างลูกคนนี้เสมอ  ขอขอบคุณครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนให้คนเป็นคนดีมีความรู้  และขอขอบคุณวัดวะภูแก้วที่เปลี่ยนคนคนหนึ่งได้  เปลี่ยนทัศนคติจากที่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีความอดทน  อยู่นิ่งไม่เป็น  ไม่ค่อยมีสติมีสมาธิ  แต่กลับมาดูตอนนี้  จิตหนูนิ่งขึ้น  และทำให้สงบและปล่อยวางมีความสุขมากขึ้นค่ะ


วรรณวรี  สุขล้อม
ม.5/1  ร.ร.บัวหลวงวิทยาคม

  

  

  

  

  

  

ได้จิตสำนึกและความรู้เกินคำบรรยาย


         ตอนผมเข้ามาครั้งแรก  น่าเบื่อ แต่พออบรมไปทุกวันๆ มันทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อเลย  มันมีสาระแบบไม่มีคำบรรยาย  ขอขอบคุณครูทุกคนที่มาอบรมพวกเราในครั้งนี้  ทำให้ผมรู้สำนึกได้หลายอย่าง  ผมรู้สึกคิดถึงแม่  ได้ความรู้หลายอย่างกลับไป  ทำให้ผมอยากกลับตัวกลับใจไปทำความดีกับพ่อ แม่  ที่นี่สอนให้คนที่ไม่ดี  มีความกตัญญูต่อพ่อแม่  ตอนนั่งสมาธิผมก็คิดถึงแม่  ผมคิดถึงสิ่งที่ผมเคยทำผิด  มันทำให้ผมอยากกลับไปกราบแม่  และหอมแก้มแม่  จะบอกแม่ว่าผมรักแม่มากครับ  ขอบคุณที่ท่านสั่งสอนให้ผมเป็นคนดี  ผมเข้ามาวัดนี้  รู้สึกสบายกายสบายใจ   รู้สึกได้บุญกลับไปฝากพ่อและแม่  บุญครั้งนี้เป็นบุญใหญ่ก่อนที่ผมจะนำไปให้พ่อแม่  ปู่ย่า  ตายาย  ของผม  ผมขอขอบคุณมากครับที่แนะนำผมไปในแนวทางที่ดี

อานนท์  ยิ่งวงค์
ม.5/6  ร.ร.บัวหลวงวิทยาคม


Last Updated on Tuesday, 29 August 2017 04:14
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner