Sunday, 10 September 2017 09:37 |
พิสูจน์เองแจ้งว่าดีเหมือนพี่บอก ก่อนจะมาเข้าค่าย ดิฉันรู้สึกดีใจมาก เพราะพี่ชายของดิฉันเคยเรียนที่ บณ. และพี่ชายดิฉันก็ได้มาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว เมื่อพี่ชายดิฉันกลับมาจากวัดวะภูแก้ว อยู่ดีๆ พี่ชายดิฉันก็พาดิฉันกราบเท้าพ่อแม่ ซึ่งดิฉันตกใจมาก พ่อแม่ดิฉันก็เช่นกัน เพราะปกติพี่ชายดิฉันจะเป็นคนขี้อายมาก จะกราบเท้าพ่อแม่ก็ตรงกับวันแม่ 12 สิงหาของทุกปี วันปกติไม่เคยกราบเท้าพ่อแม่เลย แม่ดิฉันจึงถามพี่ชายดิฉันว่า “เป็นอะไร” พี่ชายดิฉันจึงพูดให้ฟัง “ที่วัดวะภูแก้วอบรมดีมาก บรรยากาศดี เป็นธรรมชาติ” จึงทำให้ดิฉันรู้สึกอยากมามาก และในที่สุดดิฉันก็ได้มา ดิฉันเป็นคนมีนิสัยที่ชอบลุยๆ ชอบลอง เป็นคนไม่ชอบเชื่ออะไรที่ไม่ได้เจอด้วยตนเอง ช่วงคืนที่ 2 อาจารย์ได้ให้ดูวีดิโอเกี่ยวกับความรักของพ่อแม่ ความกตัญญู ทำให้ดิฉันเกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ที่วัดวะภูแก้ว อบรมดีมาก ทั้งๆ ที่ทุกปีดิฉันก็ไปอบรมเข้าค่ายที่วัดอื่นๆ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรเหมือนที่นี่เลย พอวันที่ 3 วันสุดท้ายของการเข้าค่าย ดิฉันจึงตั้งใจเป็นพิเศษไม่ว่าจะนั่งสมาธิ สวดมนต์ พอมาถึงช่วงสุดท้าย อาจารย์ได้ให้นั่งสมาธิและเปิดคำบรรยายเกี่ยวกับแม่ให้ฟัง จึงทำให้ดิฉันรู้สึกนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ และทำให้ดิฉันเกรงกลัวต่อบาป
กรณษา สอนศรี ม.4/1 ร.ร.บำเหน็จณรงค์วิทยาคม
ภูมิใจได้บวชใจถวายใน ร.9
ตอนแรกหนูก็ไม่อยากมาที่นี่ เหมือนกับใครหลายๆ คน แต่พอหนูได้รู้ว่าการมาครั้งนี้ เป็นการบวขใจถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภุมิพลอดุลยเดช ก็ทำให้หนูเปลี่ยนความคิดจากที่ไม่อยากมา กลับเป็นดีใจ ภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสทำความดีถวายพระองค์ท่าน และทำหนูคิดว่าจะตั้งใจปฏิบัติธรรมให้ดีที่สุด
วันแรกในการปฏิบัติธรรมหนูก็ต้องปรับนิสัยของตนเองหลายอย่าง หรืออาจจะทุกอย่างเลยก็ได้ คือ เวลาตื่นนอน การนั่งสมาธิ การสวดมนต์ และอาบน้ำ แม้กระทั่งการรับประทานอาหาร การมาค่าย 3 วัน 2 คืน ในครั้งนี้ ทำให้หนูและเพื่อนๆ ทุกคนได้รับบทเรียนและข้อคิดที่ดี ในการนำไปปรับใช้ในชีวิต หน้าที่ และเป็นหลักในการดำเนินชีวิต คือ สอนให้รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ทุกสถานการณ์ได้ การทำหน้าที่ลูก และเรียนอย่างเต็มที่ และมีการทำใบสัญญาใจ ให้กับผู้ปกครองและคณะคุณครู ในการมาเข้าค่ายที่วัดในครั้งนี้ทำให้ได้รับข้อคิดที่ดีหลายอย่าง และทำให้หนูเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนามากขึ้น
วัดแห่งนี้ทำให้หนูคิดที่จะทำความดี และตั้งใจที่จะทำในเรื่องที่ดี ทำให้สำนึกในคุณของผู้มีพระคุณ และหนูรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรม และหนูจะทำความรู้ที่ได้มาปรับใช้ในชีวิตต่อไป
ศุภาวรรณ ศิริวัฒนโชติกุล ม.4/1 ร.ร.บำเหน็จณรงค์วิทยาคม
ได้ปรับทัศนคติ
ตอนอาจารย์บอกจะพาไปวัดนี้ แรกๆ ก็คิดว่าวัดนี้ให้นั่งแต่สมาธิ นั่งแล้วก็ปวดขา ทรมาน ทำไมต้องไปแต่วัดนี้ พอวันที่ 2 ก็ได้ฟังบรรยายต่างๆ ก็สำนึกได้ว่า การเปิดใจและรับฟัง สิ่งที่อาจารย์แต่ละท่านบอก ตักเตือน เพราะท่านล้วนแต่หวังดีกับเรา อยากให้เราเป็นคนดี มีคุณธรรม หลังจากนั้น หนูก็ตั้งใจทำสมาธิ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดี ให้ดีกว่าเดิม ตั้งใจฟัง ตั้งใจสวดมนต์ภาวนา เมื่อกลับบ้านไปหนูก็ได้อะไรดีๆ กลับไปหลายอย่าง เหมือนที่เด็กคนอื่นๆ ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่หนูได้แต่เด็กคนอื่นไม่ได้คือ ทัศนคติที่มีต่อวัดวะภูแก้ว จากด้านลบ กลับกลายเป็นด้านบวก แล้วบวกขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้หนูกลับบ้านพร้อมกับความทรงจำดีๆ ที่ไม่มีวันลืมไปอีกนาน
วันเพ็ญ เชดนอก ม.4/5 ร.ร.บำเหน็จณรงค์วิทยาคม
ขอบคุณที่ทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดได้
ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม เพราะมันน่าเบื่อ ทั้งๆ ที่นับถือศาสนาพุทธ ทำบุญก็ไม่ค่อยทำ เพราะเพียงคิดว่าบุญมันไม่จำเป็น แต่ก่อนฉันเป็นเด็กดื้อเงียบ เคยขโมยของ เคยด่าพ่อแม่ หรือแม้กระทั่งเกลียดพ่อแม่ตัวเอง ฉันเคยโดดเรียน นินทาคุณครูจนบางครั้งพ่อแม่ทนพฤติกรรมฉันไม่ไหว ก็มาไล่ มาด่า มาแช่งฉัน จนฉันเครียดกลายเป็นคนคิดมากไม่รู้หนทาง บางครั้งก็อยากหาที่ระบาย จนฉันได้ไปอบรมธรรมะ ที่วัดวะภูแก้ว ครั้งแรกที่ได้มาเห็นก็รู้สึกถึงความสงบ ร่มรื่นมาก ตั้งแต่ฉันได้มาปฏิบัติธรรม ดร.ดาราวรรณ และคณะวิทยากรคนอื่นๆ ได้ให้ข้อคิดฉันเป็นอย่างมาก ทั้งการนั่งสมาธิ วิทยากรก็คอยช่วยให้กำลังใจเสมอ จึงทำให้ฉันสามารถนั่งสมาธิได้ ทั้งๆ ที่ 2 ยกแรก ฉันไม่สามารถทำได้เลย สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และสิ่งสุดท้ายก็คือให้ข้อคิดเกี่ยวกับบุญคุณโทษ ทำให้ฉันรู้สึกสำนึกผิดต่อพ่อแม่เป็นอย่างมาก แล้วฉันก็สำนึกได้ว่าตัวเองบาปแค่ไหน อยากจะขอโทษพ่อแม่ทุกๆ สิ่งที่ได้กระทำผิดไป ต้องขอบคุณ ดร.ดาราวรรณ ที่ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงความคิดหลายๆ อย่าง
ณัฐฑริกา เลาหนาดี ม.4/5 ร.ร.บำเหน็จณรงค์วิทยาคม
|
Last Updated on Sunday, 10 September 2017 09:56 |