Friday, 28 July 2017 04:00 |
ได้ทำ ได้พูด เมื่อสายไปเสียแล้ว เมื่อได้ยินข่าวจากมูลนิธิหลวงปู่บุญมี สิริธโร ให้นักศึกษาทุนไปเข้าค่ายพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้วนครราชสีมา อันดับแรกที่หนูทำคือ ค้นหาดูรูปวัดจาก Google เมื่อหนูเห็นภาพวัดแล้วหนูชอบสถานที่หนึ่งของวัดคือ ลานปฏิบัติธรรม ในชีวิตนี้หนูไม่เคยไปเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่ไหนเลย วัดวะภูแก้วเป็นสถานที่แรกในชีวิตของหนู
การเดินทางไกลจากอุดรฯ มาโคราช เต็มไปด้วยความยากลำบาก รู้หรือไม่ในระหว่างทางที่กลุ่มนักเรียนทุนเดินทางมาต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง เราไม่ได้นั่งรถบัสที่มีแอร์ เราไม่ได้นั่งรถที่สามารถกันแดด กันลม กันฝน ลมหนาวได้ เรานักเรียนทุนนั่งรถ 6 ล้อมา ในระหว่างทางนั้นไม่คิดว่าฝนจะตกก็ตก เจอฝุ่นเสื้อผ้าเต็มไปด้วยสีแดง เสื้อผ้ากระเป๋าพวกเราที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา 19 คน สภาพเปียกด้วยฝน เปื้อนด้วยฝุ่นละอองบนท้องถนน
ในแต่ละวันที่ปฏิบัติธรรมอยู่ ท่าน ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม ท่านสอนทั้งบุญ-บาป ทั้งสอนให้เป็นคนเก่ง แต่สิ่งที่น่ามากที่สุดคือ การเป็นคนดี เพราะท่านบอกว่า ท่านอยากสอนคนให้เป็นคนดีก่อน ค่อยไปสอนคนเก่ง ในขณะที่ท่านสอนเรื่องต่างๆ ให้กับเราผู้มาปฏิบัติธรรมทั้ง 277 คนฟังนั้น หนูกลับนึกถึงพ่อขึ้นมาทันที ตั้งแต่อดีตที่ได้เคยฟังแม่เล่าให้หนูฟังนั้น แม่บอกว่าพ่อรักหนูมาก ตั้งแต่แม่คลอดหนูมา พ่อก็ซื้อรถกระบะเพื่อต้อนรับสมาชิกคนที่สามของบ้าน พอจำความได้พ่อชอบอุ้มหนูนั่งบนบ่าพ่อ ชอบพาไปเที่ยว ชอบซื้อในสิ่งที่หนูอยากได้ทุกอย่าง พ่อตามใจหนูมากกว่าพี่ชายแต่ละคน พอหนูโตขึ้น เรียนประมาณชั้นประถมความผูกพันของหนูกับพ่อนั้นเริ่มห่างกัน ไม่สนิทสนมกันเหมือนตอนเด็กแล้ว รู้ไหมตั้งแต่เล็กจนโตปัจจุบันนี้ หนูไม่เคยได้กราบหรือไหว้พ่อเลย ถ้าถามว่าอยากทำไหมตอบว่า อยากทำนะ แต่เพราะความอาย ความไม่กล้าที่จะทำ เลยไม่ได้ทำ ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อ แต่แล้วโชคชะตาพลิกผัน ทำให้ชีวิตในครอบครัวของพวกเราเปลี่ยนไป ในวันที่ 7 กรกฏาคม (พ.ศ.จำไม่ได้) แต่ที่จำได้คือ หนูอยู่ ม.2 อายุ 14 ปี สิ่งที่ไม่เคยได้ทำและไม่คิดว่าจะได้ทำดีต้องทำ อะไรที่ไม่ได้พูดก็ต้องพูดไปแต่สิ่งที่กระทำไปนั้น ตอนนั้นท่านอาจจะไม่ได้รับรู้แล้ว เป็นครั้งแรกที่หนูกราบพ่อ เมื่อพ่อเสียชีวิตไปแล้ว พูดสิ่งที่อยู่ในใจกับพ่อเมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว เชื่อเถอะถึงจะทำไปพูดอะไรไป ตอนนั้นท่านไม่ได้ยินเราหรอก ท่านไม่อยู่กับเราแล้ว อยากฝากถึงทุกคนว่า... อย่าทำตัวเหมือนเมฆน้อยกับต้นไม้แก่..
สุดท้ายนี้ขอบคุณวัดวะภูแก้วที่สอนให้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ สอนให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ
ศิริลักษณ์ ถิ่นแก้ว (นักศึกษาทุนมูลนิธิพระมหาบุญมี สิริธโร) มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
ถ้ามาวัดวะภูแก้วก่อนแม่คงไม่ต้องเสียน้ำตา
ก่อนจะมาที่นี้ หนูอยากมาอยู่แล้วอยากรู้ว่าคนหน้ามึนแบบนี้จะทำสมาธิได้ไหม หนูเป็นคนที่ต้องทำงานแทบทุกวัน บ้านหนูทำขนมแซนวิชส่ง ใครๆ คิดว่าหนูอยู่แบบสุขสบายมีเงินฐานะดี แต่จริงๆ ต้องนอนดึก งานบ้านก็ต้องทำ และยังต้องทำขนมส่ง จนบางทีน้อยใจว่าทำไมต้องมาทำงานหนักกว่าเพื่อนคนอื่น ทำแซนวิสดูเหมือนมันง่ายงานไม่หนัก แต่หนูกับพี่ต้องทำขนมตั้งแต่เช้ายัน 2 ทุ่ม แล้วทำงานบ้านอีกกว่าจะเสร็จก็ปาไป 3 ทุ่มถึง 3 ทุ่มครึ่ง เวลาทำการบ้านมันน้อยนิด แม่ก็จะคอยสอนคอยบอกก็ชอบเถียงแม่ต่อปากต่อคำ
เคยมีครั้งหนึ่งหนูได้ไปดื่มเหล้าภายในค่ายลูกเสือ เพื่อนชวนเลยลอง ลองเหล้าแค่คำเดียวกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ครูรู้แล้วเรียกขึ้นฝ่ายปกครอง โดนรองทัณฑ์บนขั้นสูงสุดทั้งๆ ที่ไม่เคยขึ้นมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก ครูเชิญผู้ปกครอง รู้สึกมันแย่มาก แม่เห็นเราเดินไปหาพร้อมทำหน้านิ่งๆ ทั้งที่เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม่นั่งนิ่งและน้ำตาของแม่ก็เริ่มไหลรินออกมา หนูบอกแม่ว่า หนูไม่รู้จะทำยังไงหนูแค่อยากลอง แม่ไม่หันมามองหน้าแล้วเดินหนีไป รู้ได้ทันทีว่าแม่เสียใจมาก แม่พยายามเดินหนีไปสงบอารมณ์ วันที่มาที่โรงเรียน แม่หน้าแดงแม่ร้องไห้ไม่หยุด ใส่หน้ากากอนามัยเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าร้องไห้ หนูคิดว่าแม่คงอายในสิ่งที่เราทำไป อายที่มีเราเป็นลูก ครูให้กราบแม่ ความรู้สึกผิดทำให้หนูร้องไห้จนไม่รู้จะร้องอะไรออกมา แต่แม่คงเสียใจและร้องไห้หนักกว่าเรา ผ่านไป 3 วัน แม่ก็ให้อภัย ทั้งที่เราทำให้แม่เสียใจมาก ถ้ามาวัดวะภูแก้วก่อนหน้านี้หนูคงไม่คิดที่จะทำอะไรที่มันแย่แบบนี้ ต่อไปหนูจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น และจะกลับไปขอโทษแม่อย่างจริงใจ
ธันยพร จันทร์รอด ม.2/2 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา
เลวได้ก็ดีได้
ผมเป็นเด็กที่ไม่มีอะไรดีเลย เรียนก็ไม่ตั้งใจเรียน งานก็ไม่ช่วยพ่อแม่ ชอบทำให้พ่อแม่เสียใจอยู่บ่อยครั้ง แต่ผมไม่เคยสำนึกได้เลย ผมเป็นเด็กที่เลวก็ว่าได้ เวลาครูดุครูด่า ก็เถียงครู นินทาครูลับหลัง ไม่ส่งงานครู ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครู ผมเป็นนักเรียนที่แบบไม่ชอบครูคนไหนก็ไม่ส่งวิชาที่ครูคนนั้นสอน ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะเลวได้ขนาดนี้ ใครบอกอะไรก็ไม่ฟัง พ่อแม่บอกก็ไม่สน และยังเถียงอีกด้วย บางครั้งแอบเกลียดแอบโกรธพ่อแม่ แต่พอผมได้มาวัดแห่งนี้ ซึ่งที่จริงผมไม่อยากมาเลย เพราะคิดว่ามันน่าเบื่อมาก คิดว่าเราจะนั่งสมาธิกราบพระทำบุญไปทำไม แต่พอเริ่มได้ฝึกปฏิบัติผมก็รู้ว่ามันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิดและยังทำให้จิตใจเราสงบด้วย ทำให้ผมคิดได้ ทำให้รู้คุณค่าของบุญและทำให้รู้ว่ากรรมมีจริง ต่อจากนี้ผมจะเป็นคนดีของพ่อแม่ ครูทุกท่าน และขอขอบคุณโรงเรียนที่ทำให้ผมได้มาที่ดีๆ แบบนี้
ธนพล คำสะใบ ม.2/5 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา
เด็กมึนอยากกราบแม่ ก่อนวันที่ผมจะได้มาวัดวะภูแก้ว 2 วัน ผมได้นั่งทำใจเพราะผมไม่อยากมา พอผมบอกแม่ว่า “แม่ นายไม่อยากไปวัดวะภูแก้ว” แล้วทำหน้าตาแบบไม่พอใจ แต่แม่ก็บอกผมว่า “ไปเถอะ ไปหัดเข้าวัดเข้าวากับเขาบ้าง”
ตอนมาถึงผมก็รู้สึกเบื่อไม่มีอะไรทำนอกจากทำวัตรเช้า-เย็น นั่งสมาธิ พอมาถึงวันที่ 3 ดร.ดาราวรรณ ได้มาพูดถึงบุญ-บาป มีอยู่ประโยคหนึ่งที่ทำให้ผมได้สติและรู้สึกผิดคือการทำบาปต่อพ่อ-แม่ ดร.ดาราวรรณบอกว่าบาปที่ร้ายแรงที่สุดคือ การฆ่าแม่-พ่อ รวมทั้งการทำให้แม่เสียใจและร้องไห้ผมนึกได้เลยว่าผมทำให้แม่ร้องมานับไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่แม่ร้องไห้ ผมก็ไม่สะทกสะท้าน ตอนผมอยู่ ป.6 ผมดื้อมากเรียนก็ไม่เก่ง ทำอะไรก็ไม่เป็น และยังติดเพื่อนมากกว่าครอบครัวอีก ตอนนั้นเป็นเทอม 2 ผมแอบหนีแม่ไปเที่ยว แต่แล้วเวรกรรมก็มีจริง เกิดอุบัติเหตุรถล้มขาข้างขวาหัก พอแม่รู้แม่ร้องหนักมากแต่ผมก็ไม่สนใจอะไร ทุกวันที่อยู่โรงพยาบาลคนที่มาคอยดูแลผมก็คือแม่ แม่ของผมนำข้าว นำน้ำ อาบน้ำให้ทุกอย่าง วันนี้ผมรู้สึกสำนึกแล้ว ผมอยากกลับไปก้มลงกราบแม่สักครั้งแล้วผมจะพูดว่า ผมรักแม่
วุฒธิชัย เปลี่ยนกลาง ม.2/3 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา
แม่ ผู้ให้ชีวิตและทุกอย่าง ฉันอยู่กับย่าตั้งแต่แม่ของฉันคลอดฉันได้ 7 วัน ย่าไปรับฉันมาเพราะแม่ต้องทำงาน ฉันได้กินนมแม่ไม่ถึง 10 ครั้ง แม่ส่งเงินมาให้ฉันทุกเดือน มาวันหนึ่งฉันทะเลาะกับแม่ถึงขั้นตัดแม่ตัดลูก ฉันนั่งร้องไห้กังวลว่าฉันจะได้เรียนต่อหรือไม่ ย่าเดินมากอดฉัน น้ำตาของฉันกับย่าก็ไกลไม่หยุด ย่าบอกว่าเลี้ยงฉันมาตั้งแต่ 10 กว่าปีแล้ว เดี๋ยวย่าจะส่งฉันเรียนเอง ต่อจากนั้นฉันก็ไม่ได้คุยกับแม่เลย
วันนั้นปู่ของฉันเข้าโรงพยาบาล แม่มาดูปู่แล้วนอนพักอยู่บ้าน ฉันไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าแม่ ไม่คุยกับแม่เลย ย่าเดินมาบอกว่าไปคุยกับแม่หน่อยฉันก็ไม่ไปฉันบอกว่าฉันไม่รักแม่ แม่ได้ได้เลี้ยงฉันมา ย่าบอกว่าอย่าไปพูดแบบนั้นแม่เป็นคนให้กำเนิดเรามา ไม่มีใครรักเรามากกว่าพ่อกับแม่ ฉันก็ไม่ฟังคำที่ย่าพูดเลย จนมาถึงวันนี้ฉันไปปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ฉันได้ฟังวิทยากรพูดเกี่ยวกับเรื่องแม่และดูหนังแล้วฉันนั่งสมาธิแล้ว ฉันนึกถึงภาพแม่ แม่ส่งฉันเรียน แม่หาเงินให้ฉันใช้ แม่เป็นคนอุ้มท้องฉัน แม่คลอดฉันออกมาแม่ให้ฉันได้ทุกสิ่งแต่ฉันไม่เคยทดแทนบุญคุณของท่านเลย ฉันกลับจากวัดวะภูแก้วแล้วฉันจะไปกราบท่าน ฉันจะไปบอกท่านว่าฉันรักท่าน
หทัยชนก กบขุนทด ม.2/5 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา
เข้าใจแล้วว่าพ่อแม่มีเหตุผล
ก่อนที่จะมาวัดนี้หนูได้ทำให้แม่เสียใจ หนูขอเงินแม่มาซื้อโทรศัพท์แต่ท่านบอกว่าแม่ยังไม่มีเงินหรอกลูก เราก็คิดว่าทำไมขอแค่นี้ซื้อให้ไม่ได้หรือ ทำไมถึงซื้ออย่างอื่นให้น้องได้ แต่แม่ก็บอกว่าให้รอก่อนเดี๋ยวแม่มีเงินแล้วจะซื้อให้ แต่เราก็ยังเอาแต่ใจ บอกแม่ว่ารอก็ไม่ได้หนูอยากได้ไวๆ แล้วหนูรู้สึกน้อยใจแม่ ไม่คุย ไม่ติดต่อกับแม่หลายวัน จนมาวันหนึ่งแม่ติดต่อมาและท่านก็บอกว่า “แม่ขอโทษที่แม่มันจน” แต่เราก็ไม่ได้สนใจคำขอแม่เราก็คิดว่าแม่ไม่รักเรา แต่พอมาวัดวะภูแก้ว วิทยากรก็พูดว่าพระคุณอันยิ่งใหญ่ของเราคือพ่อแม่ เขาให้เราได้ทุกอย่างแต่บางอย่างที่เขาให้ไม่ได้เพราะเขามีเหตุผล เราควรเข้าใจท่าน ท่านรักเราเสมอ เราจะทำผิดยังไงท่านก็ให้อภัยเราเสมอไม่เคยด่าว่าเรา แต่เรายังไม่เคยตอบแทนอะไรให้ท่านเลย เราเอาแต่ใจเกินไป การที่มาวัดครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจพ่อแม่ และอยากจะขอบคุณวิทยากรทุท่านที่ให้ได้รู้ถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ กลับไปจะไปเป็นเด็กดี จะกลับไปขอโทษแม่ที่เคยทำผิด เอาแต่ใจ อยากขอโทษที่ทำให้ท่านเสียใจ
จุฑามาศ วันสูงเนิน ม.2/2 โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา
|
Last Updated on Friday, 28 July 2017 04:34 |