Sunday, 27 September 2015 07:50 |
อบรมที่วัดน่าจะดีกว่าที่โรงเรียนนะ ก่อนจะมาค่ายอบรมในครั้งนี้ ในใจคิดว่าอีกแล้วหรือ จะได้นั่งสมาธิอีกแล้ว เพราะผมเคยมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ผิดหวัง และมาครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังอีกเช่นกัน ทางโรงเรียนแจ้งว่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วที่จะมาปฏิบัติธรรมที่นี่ เพราะ ผอ.จะจัดอบรมที่โรงเรียน เราก็ไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร เพราะการมาอบรมที่วัดวะภูแก้ว อบรมกันทุกเรื่อง เช่น เรื่องวินัย และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องจิต มาที่วัดเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ทำให้มีสติมากขึ้นเลย มีระเบียบวินัยมากขึ้น เพราะเรามาวัด เราก็ต้องสำรวมทั้งกาย วาจา และใจ เพราะวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีเทพคอยปกปักรักษา ดร.ดาราวรรณ สอนพวกเราหลายเรื่องด้วยกัน เช่น เคล็ดลับเรียนเก่ง (หากเราปฏิบัติตามผลการเรียนคงดีขึ้นเยอะเลย) เรื่องการสร้างพลังจิต และอีกหลายๆ เรื่อง สิ่งที่เราไม่รู้ก็ได้รู้ เชื่อเถอะว่า คนที่มีโอกาสเหมือนพวกผมจะมีโอกาสเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนเป็นคนที่ดีกว่าเดิม เป็นคนดีของสังคม เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ วัดนี้เป็นวัดที่ทำให้คนเป็นคนและเห็นคุณค่าของตนเองมากขึ้น ผมกล้าพูดเลยว่า ธรรมะเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆ ผมเห็นตอนทุกคนนั่งสมาธิ บุคลิกของทุกคนเปลี่ยนไป สง่างามขึ้น กลับบ้านไปทุกคนคงได้บุญเยอะแน่ๆ ผมก็มีบุญไปฝากพ่อแม่ สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณวิทยากรทุกๆ ท่านที่มาให้ความรู้แก่พวกเรา ถึงจะนอนดึกตื่นเช้าแต่ทุกอย่างก็มีเหตุผล
นายวรศักดิ์ ภิรมย์ใจ โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น ม.4/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558
ยิ่งมาบ่อย ยิ่งรู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง
ข้าพเจ้าได้มาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกมาจนถึงครั้งนี้ มีทั้งความรู้สึกที่เหมือนและแตกต่างกัน ความรู้สึกที่เหมือนกันก็คือบรรยากาศภายในวัด ที่มีต้นไม้ร่มรื่น ทำให้ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ามาถึงก็รู้สึกสงบ ผ่อนคลายทุกครั้งไป ส่วนความรู้สึกที่แตกต่างคือ ตั้งแต่ครั้งแรกมาจนถึงครั้งนี้ ก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความตั้งใจที่มีมากขึ้นเช่นกัน เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วแล้ว ก็ตั้งใจที่จะมาสั่งสมบุญเพื่อตนเองและพ่อแม่ด้วย วัดวะภูแก้วทำให้ข้าพเจ้าพัฒนาจิตตนเองได้ดีขึ้น ที่เห็นได้ชัด คือการนั่งสมาธิ จากครั้งแรกๆ ที่อาจมีปวดขาบ้าง ไม่มีสมาธิบ้าง แต่ครั้งต่อๆ มาข้าพเจ้าก็ลองอดทนตั้งใจนั่งสมาธิ อาการปวดขาก็บรรเทาลงเป็นระยะๆ พอยกสุดท้ายข้าพเจ้าก็แทบจะไม่รู้สึกปวดขาเลย พอออกจากสมาธิก็ไม่รู้สึกปวดเมื่อยเลยสักนิด กลับรู้สึกสบายขึ้นอีกต่างหาก ที่ข้าพเจ้าประทับใจอีกอย่างก็คือ บริเวณลานธรรม รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ไปสวดมนต์และนั่งสมาธิ เวลาข้าพเจ้านั่งสมาธิที่ลานธรรมรู้สึกสงบ มีสมาธิมากอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเป็นที่ที่ประทับใจมาก
ขอขอบคุณวัดวะภูแก้ว ที่สอนอะไรให้ข้าพเจ้าได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าชีวิตเราเกิดมาทั้งที ต้องรีบสั่งสมบุญ และทำความดี เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำดีตอนไหน
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ จะตายทั้งที ฝากดีเอาไว้ นส. ปุณยาพร อินทวี โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น ม.5 เขียนไว้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 รู้แล้วว่ามาวัดได้อะไร วันที่ผมรู้ว่าผมจะต้องไปวัด ผมเสียใจมาก เสียใจมากจริงๆ ขนาดวัดอยู่หน้าบ้าน ผมยังไม่เคยเข้าเลย ผมคิดว่าจะให้ผมมาเพื่ออะไร ให้ผมไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก ผมคิดว่าจะหนีไม่มาวัดด้วยซ้ำ
พอผมมาถึงที่นี่ ผมรู้สึกท้อมาก อีกตั้ง 3 วัน กว่าจะได้กลับบ้าน มาวันแรกผมรู้สึกเบื่อ และเมื่อยขามากๆ พอวันต่อมาผมรู้สึกว่าการทำสมาธิเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย เริ่มมีความสุข ก่อนหน้านี้ผมคิดว่านั่งสมาธิมันไม่ได้อะไรกลับมาหรอก แต่มาวันนี้ผมคิดว่าผมได้หลายอย่างกลับบ้าน เช่น สติ, มีสมาธิ, จิตใจดี, จิตใจปลอดโปล่ง, แถมได้บุญเก็บไว้ด้วย ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้ผมรู้ว่าการนั่งสมาธิมีอานุภาพและพลังขนาดนี้
นายยศธรรม ศิริวัฒน์ โรงเรียนเกียรติคุณวิทยา ชั้น ม.5/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558
|
Last Updated on Sunday, 27 September 2015 08:00 |