Monday, 21 September 2015 09:04 |
คลายสงสัยในทุกเรื่อง
ข้าพเจ้านับถือศาสนาพุทธโดยกำเนิด ตั้งแต่เล็กจนโตยังนึกสงสัยว่านับถือศาสนาทำไม เพื่ออะไร ข้าพเจ้ายอมรับว่าตัวเองเป็นคนหัวแข็ง เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองสูง เป็นคนหัวสมัยใหม่ แต่ชอบไปวัดนะคะ ปกติก็จะไปวัดเป็นประจำทุกวันพระ นำข้าวปลาอาหารไปถวายพระ ใส่บาตรทุกครั้งที่มีโอกาส เวียนเทียนทุกวันสำคัญ ข้าพเจ้าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ดีควรปฏิบัติ แม่ข้าพเจ้าจะเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ แต่ข้าพเจ้าเองยังไม่ค่อยเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ ทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่ว่า นรก-สวรรค์ นั้นมีจริงหรือ จริงหรือที่เขาบอกว่าตายไปตกนรกลงกระทะทองแดง มันเป็นเพียงเรื่องที่ผู้ใหญ่หลอกเด็กให้กลัวเพื่อไม่ให้เด็กทำชั่วเฉยๆ หรือเปล่า ทำไมต้องเชื่อ ต้องงมงายขนาดนั้นในเมื่อเรามองไม่เห็น ศาสนาพุทธปลูกฝังให้เรางมงายเกินไปหรือเปล่า แล้วชาวต่างชาติล่ะ พวกที่เขาไม่นับถือศาสนาพุทธล่ะ เขาจะเกรงกลัวการทำบาปไหม เขาไม่ได้เข้าวัดทำบุญเหมือนเรา เขาจะได้บุญอย่างไร แล้วเขาตายไปจะตกนรกเหมือนคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธหรือเปล่า หนักกว่านั้น ข้าพเจ้ายังสงสัยอีกว่า ทำไมเราต้องมาทนนั่งปวดขา ปวดหลังท่องบทบาลียาว ๆ ซึ่งความหมายเราก็ไม่รู้ สวดมนต์ภาวนา ทำวัตรเช้าเย็น ทำไปเพื่ออะไร ทั้งหมดทั้งสิ้นมันมีผลต่อตัวเราจริงหรือ? .....
24 ส.ค. 2558 ข้าพเจ้ามีโอกาสมาปฏิบัติธรรม ณ วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ก้าวแรกลงจากรถ ประทับใจสถานที่อันร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างยิ่ง สถานที่แห่งนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถึงเวลาปฏิบัติธรรมจริงๆ น่าแปลก... ที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ทำให้ข้าพเจ้าคลายสงสัยในทุกอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ทำให้ข้าพเจ้าเชื่อเรื่องบาปเรื่องบุญ และที่สำคัญทำให้ข้าพเจ้านั่งสมาธิได้นานที่สุดในชีวิต รู้สึกสบายมากที่สุดในชีวิต
ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเคยได้รับคำสั่งให้ไปอบรมธรรมะที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา เป็นเวลา 5 วัน 4 คืน แต่ข้าพเจ้าปฏิบัติไม่ได้เช่นมาปฏิบัติที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ แย่กว่านั้น คือ ข้าพเจ้าอยู่ปฏิบัติธรรมได้ไม่ถึง 5 วัน ปฏิบัติได้เพียง 2 วัน ข้าพเจ้าก็ขออนุญาตกลับด้วยจิตใจที่ไม่สงบ เพราะไม่อยากมาแล้วรู้ตัวว่าปฏิบัติไม่ได้ ตอนนั้นกับตอนนี้ ความรู้สึกช่างแตกต่างกันนัก ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากปฏิบัติธรรมต่อไป อยากนั่งสมาธิให้ได้ทุกวัน อยากฝึกจิตให้สงบเช่นตอนปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ข้าพเจ้าประทับใจวัดวะภูแก้วมาก ทั้งสถานที่ วิทยากร ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองมีบุญวาสนามากที่ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว
คุณครูหูเหล่าซือ สพม. 32 บุรีรัมย์ แจ่มแจ้งขึ้น ดิฉันเคยเข้าอบรมคุณธรรมหลายครั้งตอนสมัยยังเรียนอยู่ ทุกๆ ที่ที่ดิฉันไปอบรม ดิฉันรู้สึกว่าที่นี่ วัดวะภูแก้ว เป็นสถานที่แรกที่ทำให้ดิฉันเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้มากที่สุด ทำให้ดิฉันมีสติ มีสมาธิ มีจิตใจที่สงบขึ้น ที่นี่สอนให้ดิฉันรู้และเข้าใจเกี่ยวกับพลังจิตของมนุษย์ ดิฉันเคยเข้าใจว่า สมองของคนเราสั่งการทุกอย่างที่เรากระทำ แต่เมื่อมาเข้าอบรมที่นี่ มันทำให้ฉันเข้าใจว่า จิตต่างหากที่ควบคุมทุกอย่างในตัวเรา ดิฉันเข้าใจในเรื่องของเวรกรรมมากขึ้น ดิฉันเชื่อเสมอมาว่าเวรกรรมมีจริง แต่ไม่เคยคิดเอ่ะใจว่าเราต้องทำความดี รักษาศีล 5 เพื่อให้พลังบุญของเรามีมากกว่าพลังบาปที่เราเคยกระทำมาในอดีต
ดิฉันจะนำความรู้และหลักธรรมที่ได้ปฏิบัติมาทั้งตลอด 3 วัน 2 คืนนี้ ไปอบรมสั่งสอนนักเรียน นำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และจะตั้งใจนั่งสมาธิและรักษาศีล 5 ให้เคร่งครัดคุณครูพัชรี โล่ห์สุวรรณ โรงเรียนคูเมืองวิทยาคม อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ ปลาเน่าตัวเดียว อย่าเหมารวม เมื่อได้ทราบว่ามีชื่อเข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม ก็รีบบอกพี่ที่สนิทว่า หนูไม่เคยเข้าวัดเลยนะคะพี่ หนูเกลียดพระ สาเหตุมาจากพระเก็บมือถือที่หนูทำตกได้ ตอนที่หมาโดนรถชนแล้วหนูวิ่งไปช่วย แล้วมือถือดันตก ไปขอคืน ท่านก็ไม่ให้คืน เราก็ยืนเถียงกับท่านว่าเป็นพระทำไมนิสัยเป็นแบบนี้ พระท่านก็ด่าเราว่า โกรธจน…(คำหยาบมาก)สั่นเลยนะ หนูก็ยิ่งโกรธยิ่งเกลียดเพราะนอกจากจะขโมยมือถือแล้ว วาจายังไม่สำรวมอีก ถึงบ้านจะอยู่หน้าวัด พระเดินบิณฑบาตผ่านมาทุกวัน แต่ไม่เคยใส่บาตรเลย
แต่พอได้มาปฏิบัติธรรม ท่าน ดร.ดาราวรรณ บอกว่า ปลาเน่าตัวเดียวอย่าเหมารวม ซึ่งทำให้ฉุกคิดได้ว่า คนเราก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันไป และในสังคมของพระก็คงเช่นกัน พระองค์เดียวที่ทำผิดอย่าเหมารวมว่าพระองค์อื่นๆ จะไม่ดีตามไปด้วย ได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ทำให้รู้ว่ายังมีพระที่ปฏิบัติดี มุ่งทางธรรมมากกว่า ไม่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากเงินบริจาค หนูสัญญาว่า กลับจากปฏิบัติธรรมในวันนี้ จะสร้างแต่คุณงามความดี ทำบุญกับคนที่มีบารมีจะมีอานิสงส์สูงสุด และอย่าลืมทำบุญกับพระอรหันต์ในบ้านสำคัญที่สุด เคยคิดว่าพระไม่ดี แย่จนอยากเปลี่ยนศาสนา แต่วันนี้ล้มเลิกความคิดแล้วคุณครูสุภัทรา นาถัง โรงเรียนหนองหงส์พิทยาคม อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์
ที่นี่คือ Hub ของพุทธศาสนา การอบรมพัฒนาจิตครั้งนี้ ณ วัดวะภูแก้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของผม ครั้งแรกมาเมื่อปี 2542 ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 1 มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ประสบการณ์ครั้งนั้นยังจำได้ดีแม้จะผ่านมานานมากแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ กลับมาทั้งที่คงคิดว่าจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่ผมพูดถึงการอบรมธรรมะ ผมจะพูดถึงการปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วเสมอ เพราะที่นี่ของจริง เน้นการปฏิบัติที่ถูกต้องและทำให้มีสมาธิมากขึ้น
ครั้งนี้ได้มาเพราะผมสอบโอนย้ายมาจากโรงเรียนกีฬาอุบลฯ นี้อาจจะเป็นบุญของผมที่จะได้เอาบุญใส่ตัวครั้งใหม่ มาถึงบรรยากาศยังคงร่มรื่น เย็นสบาย สงบ ยังไม่ปฏิบัติภาวนาใจก็ยังสงบลงแล้ว เลยตั้งใจทำทุกกิจกรรมเต็มที่ เต็มความสามารถ อย่างแรกที่ได้คือทำให้เราได้มองปลายเท้าตัวเอง คือได้สำรวจตัวเอง อยู่กับตัวเอง เพราะที่ผ่านมา เราทำงานเพื่อคนอื่น อยู่กับคนอื่นไม่เคยได้อยู่กับตัวเอง อย่างที่สองที่ผมได้คือการเอาชนะตัวเอง การปฏิบัติวันนี้ต่างจากวันนั้นมากเพราะครั้งนี้ตั้งใจมากเพื่อตัวเอง ก็อย่างที่อาจารย์ว่า ชนะอะไรก็ไม่สู้ชนะใจตัวเอง สิ่งที่ผมได้นำเอาไปใช้คือก่อนสอนผมจะให้นักเรียนนั่งสมาธิก่อน 5 นาทีเสมอ เพื่อให้นักเรียนได้มีสติและสมาธิพร้อมในการเรียน เด็กก็น่าจะเรียนดีขึ้นและอดทนในการเรียนรู้มากขึ้น ที่นี่เป็น Hub ของพระพุทธศาสนาของเราจริง ๆคุณครูก้อง ประชุมแดง โรงเรียนสมเสม็ดวิทยา อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ หัวใจได้รับยาวิเศษ ดิฉันเป็นครูประจำตำบลในโรงเรียนมัธยมซึ่งมีเด็กนักเรียนประมาณ 400 คน วันนี้ทางสำนักงานเขตฯ ได้จัดให้ครูผู้ช่วยมาอบรมธรรมมะที่วัดวะภูแก้ว ดิฉันรู้สึกไม่อยากมาเพราะเหนื่อยจากการเป็นวิทยากรค่ายต้นกล้าประชาธิปไตยที่ทางเขตฯ จัดขึ้น แต่ก็ต้องมาเพราะหน้าที่ สภาพจิตใจของดิฉันตอนนี้ เหมือนได้รับการกระตุ้นอีกครั้ง เหมือนคนที่กำลังจะตายสนิท แล้วโดนเครื่องชอร์ตไฟฟ้าให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เมื่อก่อนสมัยเรียนระดับประถม มัธยม ฉันเรียนเก่งมาก ได้ที่หนึ่งตลอด เป็นหัวหน้าห้อง เป็นเด็กกิจกรรม มีเป้าหมายในชีวิต สอบติดมหาวิทยาลัยดี ๆ หลายที่ และได้รับทุนเพชรราชภัฏ เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ ได้รับคัดเลือกเป็นประธานสาขาภาษาไทย เป็นหัวหน้าค่าย ตั้งใจเรียนจนได้รับทุนครูมืออาชีพรุ่นแรก เรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1 โดยได้เป็นผู้นำบัณฑิตกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระบรมโอรสสาฯ ชีวิตมาผกผันช่วงฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ฉันมีแฟน แต่ห่างกัน เขาทำงานที่กองบัญชาการกองทัพบกที่ กทม. ช่วงที่ห่างกัน เขาไปคบกับคนอื่น พอดิฉันจับได้ ฉันเสียสติ เสียใจ โมโห ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก ไม่คิดว่าจะถูกหักหลังได้ ทั้งเจ็บทั้งอายญาติพี่น้องผองเพื่อนและเกือบไม่จบการศึกษา แต่เพื่อนและครูก็ช่วยเหลือไว้ หลังจากนั้นจนเดี๋ยวนี้ กลายเป็นคนเลื่อนลอย ทำงานไม่มีสมาธิ จัดระเบียบชีวิตไม่ได้ งานไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ท้อแท้ในชีวิตจังเลย จนกระทั่งได้มาอบรมธรรมมะที่วัดวะภูแก้ว มารับข้อคิดดี ๆ คำแนะนำเป็นหลักในการดำเนินชีวิตจากแม่ครู ดร.ดาราวรรณ เหมือนหัวใจได้รับยาวิเศษ มีแนวคิดใหม่ สติเกิดขึ้น มองเห็นความจริง มองเห็นเป้าหมายในชีวิต รู้แล้วว่าอะไรสำคัญกับชีวิต จะตั้งใจเป็นครูที่ดี เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นนักปราชญ์ที่พร้อมเผยแผ่ความรู้แก่ศิษย์ทั้งหลาย ไม่มัวมาเสียเวลากับความผิดพลาดเล็กน้อย ชีวิตที่ขาดธรรมมะช่างวุ่นวายเหลือเกิน ธรรมมะนี้แหละดี เป็นหลัก เป็นที่พึ่งให้ชีวิตมนุษย์เราได้ ขอบพระคุณ ครูบาอาจารย์ทุกท่าน โดยเฉพาะแม่ครู ดร.ดาราวรรณ ที่ปลุกจิตวิญญาณครูคนนี้คุณครูอมรรัตน์ ทูลคำรักษ์ โรงเรียนกลันทาพิทยาคม อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เปลี่ยนความคิด..เจริญด้วยธรรม จากการที่ข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังมาจากข่าวและเล่าต่อกันมาว่าที่วัดวะภูแก้ว คือ สถานที่ปฏิบัติธรรมที่มีชื่อเสียงระดับประเทศนั้น แต่ก่อนข้าพเจ้าไม่เข้าใจ จนวันที่ทางสพม. 32 มีหนังสือแจ้งให้ครูที่บรรจุใหม่เข้าอบรมธรรมที่วัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้ายังคิดเลยว่าทำไมต้องไปปฏิบัติธรรมไกลถึงโคราชเพราะก่อนนี้ข้าพเจ้าก็เคยอบรมที่บุรีรัมย์ แต่เมื่อได้เดินทางมาถึงวันแรก ความคิดข้าพเจ้าก็เปลี่ยนเพราะเป็นวัดที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่เงียบสงบ น่าปฏิบัติธรรมจริง ๆ และการปฏิบัติธรรมที่นี่ก็มีรูปแบบขั้นตอนที่ดีมาก ทำให้ข้าพเจ้ารู้ซึ้งถึงธรรมอย่างมาก ข้าพเจ้ายอมรับว่าข้าพเจ้าไม่ค่อยมีเวลาได้ทำบุญใส่บาตรนัก เมื่อข้าพเจ้ามาปฏิบัติธรรมที่นี่จึงรู้ว่าบุญสามารถทำได้ทุกที่ ซึ่งแต่ก่อนข้าพเจ้าเข้าใจว่าการทำบุญจะต้องทำกับพระเท่านั้น แต่เมื่อมาที่นี่ ข้าพเจ้าจึงรู้วิธีการทำบุญมากขึ้น และจากวันแรกหลังจากที่ข้าพเจ้าได้ฝึกนั่งสมาธิรู้สึกว่าข้าพเจ้าจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่วนเข้ามารบกวนในจิตใจ จะคิดถึงแต่เรื่องธรรมมะเท่านั้น ก็แปลกดีนะ ที่อยู่ดี ๆ ตลอดเวลา 3 วัน ข้าพเจ้าไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย
คุณครูกฤตติชัย ไกรสร โรงเรียนลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
ก่อนจะเป็นครูที่ดีต้องเป็นลูกที่ดีก่อน หลาย ๆ คน คิดว่าชีวิตของครูจะเรียบง่าย แต่สำหรับฉันไม่ง่ายอย่างที่คิด ฉันเกิดขึ้นในครอบครัวที่มีฐานะพอมีพอกิน พ่อแม่ของฉันตั้งใจทำงาน ขยันทำงาน ฉันมีพี่สาว 1 คน ฉันเป็นลูกคนเล็ก ชีวิตครอบครัวของฉันมีความสุขดี ฐานะก็ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้วยเวรกรรมหรืออะไรก็ตาม ขณะนั้นฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น ส่วนพี่สาวเรียนวิทยาลัยอาชีวะเอกชนแห่งหนึ่ง ฉันเป็นคนช้า แต่พี่ฉันเป็นคนเก่ง จึงเกิดการเปรียบเทียบกันมาโดยตลอด ฉันลืมบอกไป พ่อของฉันเป็นผู้ใหญ่บ้านที่มีน้ำใจยุติธรรม เป็นที่รักของชาวบ้าน ท่านเป็นคนดีมาก แต่วันหนึ่งพี่สาวซึ่งเป็นความหวังของบ้าน ได้ทำให้พ่อผิดหวังอย่างหนักเพราะเรียนไม่จบ พ่อฉันเสียใจ ไม่ใช่แต่พ่อคนเดียวสิ ทุกคนที่คาดหวังกับพี่ก็เสียใจ นับตั้งแต่นั้นมาพ่อของฉันก็เริ่มหมดแรงใจในการทำงาน พ่อเริ่มขายที่ทำกิน เมื่อฉันจบ ม.6 ฉันอยากเรียนต่อมาก แต่ทุก ๆ คนในบ้าน โดยเฉพาะพ่อจะไม่ให้ส่งฉันเรียนต่อ แม่เป็นคนเดียวที่ขัดแย้ง ฉันรู้สึกเสียใจ น้อยใจที่ทุกคนไม่ให้โอกาสฉัน “ฉันทำผิดอะไร” แม่นำเรื่องที่ฉันอยากเรียนไปเล่าให้ชาวบ้านฟัง จนชาวบ้านมาพูดว่า “ลูกฉันไม่อยากเรียน ฉันยังพยายามส่งให้มันเรียนเลย แล้วลูกผู้ใหญ่อยากเรียนทำไมไม่ให้เรียน” สุดท้ายจากความพยายามของแม่ทำให้ฉันได้เรียนต่อในระดับปริญญาตรี แต่ด้วยกรรมของฉัน พ่อแม่ที่รักกันอยู่ดีๆ ก็เริ่มมีปัญหากัน สุดท้ายวันที่ฉันต้องจบปริญญาตรีวันสุดท้าย พ่อแม่ฉันตกลงหย่ากัน พ่อเปลี่ยนเป็นคนละคน ขายทรัพย์สิน หลงอบายมุข ฉันจากที่มีชีวิตสบายมีครบทุกอย่าง ครอบครัวที่อบอุ่น ทรัพย์สินที่มีมากมาย ฉันพยายามคิดว่าฉันเสียบางสิ่งบางอย่างไป ฉันก็ได้บางสิ่งบางอย่างมาแทน คือ ได้บรรจุเป็นครู ฉันตั้งใจสอน เป็นครูที่ดี แต่ฉันไม่ใช่ลูกที่ดีเลย ในใจฉันลึกๆ ฉันคิดมาตลอดว่าเพราะพ่อ ทำให้ฉันมีภาระมากมายในวันนี้ ทำให้ฉันไม่มีโน่นนี่เหมือนคนอื่น
แต่จากการมาอบรมที่นี่ ฉันได้นึกทบทวนตัวเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีก็ล้วนแล้วแต่พ่อแม่ให้มาทั้งสิ้น เมื่อก่อนพ่อจะถามเสมอว่าไปเรียนมีเงินใช้ไหม ให้โดยไม่สนใจเลยว่าฉันนำเงินไปทำไม แต่วันนี้สิ่งที่ฉันจะให้พ่อแค่นี้ ฉันกับคิดว่าเป็นภาระมากมาย ฉันเสียดายที่จะให้เงินพ่อ เพราะพ่อนำไปใช้ในทางอบายมุข ฉันกลัวที่จะให้ แต่ฉันลืมไปว่าพ่อไม่เคยคิดว่าลำบากที่จะให้ฉันเลยสักครั้ง กลับไปนี้ฉันจะปฏิบัติตัวใหม่ เงินทองไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่พ่อแม่ของฉัน ฉันเกิดมามีได้แค่คนเดียว ฉันอยากให้ทุกคนจำเอาไว้ “ถ้าไม่มีพ่อแม่ เราก็ไม่มีทางมีวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม”
คุณครูสุชาดา ศรีพูล โรงเรียนห้วยหินพิทยาคม อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ อย่ารักศิษย์ให้ผิดทาง ก่อนมาคิดว่า คงเป็นการอบรมที่เหมือนๆ กับที่ครูพาเด็กไปอบรมตามสถานที่ปฏิบัติธรรมทั่วไป แต่เมื่อข้าพเจ้าได้สัมผัสแล้วกลับรู้สึกว่า ศูนย์พัฒนาจิตแห่งนี้ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ที่อื่นไม่มี เช่น การสอนให้คนปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามากกว่าไปเน้นทางด้านวัตถุ การเจริญสติภาวนาที่ไม่ใช่แค่การนั่งสมาธิแล้วก็จบ แต่ยังแฝงไปด้วยคุณค่าและความหมายของการนั่งสมาธิที่แท้จริง และสิ่งที่ข้าพเจ้าได้กลับมาคิดทบทวนมากที่สุด คือ ความรักลูกแบบผิดๆ ข้าพเจ้าเป็นครูที่ค่อนข้างไม่ชอบบังคับ ไม่เข้มงวดต่อลูกศิษย์มาก จนบางครั้งทำให้ลูกศิษย์ขาดความรับผิดชอบในการเรียน และส่งผลทำให้ลูกศิษย์ไม่ตั้งใจเรียนเท่าที่ควร บัดนี้ ข้าพเจ้าเล็งเห็นแล้วว่าการที่ครูนิ่งเฉยต่อปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อาจส่งผลที่ยิ่งใหญ่ต่อลูกศิษย์ในอนาคต ข้าพเจ้าจะใช้ข้อคิดข้อนี้กลับไปพัฒนาลูกศิษย์เพื่อเป็นคนดีของประเทศชาติต่อไป
อีกเรื่องที่ข้าพเจ้าได้คิด คือ พระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ โดยปกติแล้วข้าพเจ้าเป็นลูกที่ดี ไม่เคยก่อความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับพ่อแม่ ข้าพเจ้าจะให้เงินพ่อแม่ใช้ทุกเดือน และมักจะถามท่านเสมอว่า พ่อ แม่ ลูกเคยทำให้แม่หรือพ่อเสียใจหรือเปล่า คำตอบของท่านมักจะตอบว่า ลูกเป็นคนดีแล้ว พ่อแม่ไม่เคยผิดหวัง เสียใจในตัวลูกเลยจนกระทั่งข้าพเจ้าได้มาบรรจุที่ สพม. 32 งานที่นี่อยู่ไกลบ้านพอสมควร และงานค่อนข้างเยอะเนื่องจากเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เวลาที่เคยมีให้พ่อแม่ก็น้อยลง ทำให้ไม่ค่อยได้ติดต่อท่านเท่าที่ควร เมื่อได้ฟังคำบรรยายธรรมจาก ดร.วิทยากร ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าที่แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้ายังทำหน้าที่ลูกได้ไม่ดีเท่าที่ควร ต่อไปนี้ข้าพเจ้าจะดูแลพ่อแม่ให้มากกว่านี้ เพื่อตอบแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านทำให้เราได้เกิดมาจนกระทั่งมีหน้าที่การงาน คุณครูเฉลิมศักดิ์ อนันมา โรงเรียนตาจงพิทยาสรรค์ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
โชคดีที่ได้เป็นครู
ดิฉันรับราชการครู เป็นเวลา 7 เดือน และเป็นครูอัตราจ้างตั้งแต่เรียนจบมาใหม่ๆ รู้สึกดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาเข้าค่ายปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว เนื่องจากการทำงานในสายนี้ ชีวิตจะอยู่กับเด็กนักเรียนเป็นซะส่วนใหญ่ เสาร์-อาทิตย์ก็ทำงานบ้าน มีความรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย ใจไม่สงบ ไม่ได้ให้อาหารใจตัวเองเลย เพราะความเป็น “ครู” ที่ต้องสอนหนังสือและสอนการใช้ชีวิตให้เด็ก ทำให้เราต้องรับรู้ทุกข์ของเด็กนักเรียน ต้องเจอสารพัดปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กหนีเรียน เด็กขาดเรียน เด็กตีกัน เด็กท้องในวัยเรียน จึงรู้สึกเครียดไปกับเด็กเพราะในชีวิตส่วนตัวเราเป็นคนดีมาตลอด ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ จึงเกิดความรู้สึกว่าทำไมเด็กเป็นอย่างนี้ รู้สึกหดหู่ใจ ทำให้เกิดความทุกข์
แต่เมื่อได้มาปฏิบัติธรรม ได้เกิดทางออกในความทุกข์นี้ จาก ดร.ดาราวรรณ ในเรื่องพรหมวิหาร 4 ครูรักเมตตากรุณาเด็กได้ เป็นครูที่ไม่เบียดเบียน แต่ระวังอย่าเอาความทุกข์มาคิด อย่าเอาใจเราเข้าไปยึด เราจะทุกข์มาก ซึ้งเลยค่ะ เพราะทุกครั้งที่นั่งสมาธิจะคิดเสมอว่า วันนี้ท็อป (เด็กในที่ปรึกษา) จะเข้าเรียนไหม แอ๊ปจะมาโรงเรียนรึเปล่า จะมีใครไปเช็กแถวไหม เด็ก ๆ จะมองหาเราไหม ถ้าเด็กที่ปรึกษามาพบ หรือมาปรึกษาอะไร จะไม่เจอเรา จะทำยังไง มันทำให้เกิดความไม่สบายใจ
ต้องขอบพระคุณทาง สพม.32 โดยเฉพาะท่าน ผอ.เขตที่ได้เห็นความสำคัญของการอบรมคุณธรรมครูใหม่ในครั้งนี้ ทำให้รู้สึกว่า มีหลายๆ อย่างที่เราขาดหาย หรือยังทำไม่เต็มที่ในความเป็นครู โดยเฉพาะการเป็นครูด้วยใจ อย่าคิดว่าจับพลัดจับผลูมาเป็นครู! ให้คิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นครู ได้เป็นผู้ให้ และได้บุญมากมายนัก
คุณครูปทุมวดี สุขจันดี โรงเรียนตาจงพิทยาสรรค์ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ รู้แล้วทั้งนั้น แต่มั่นใจมากขึ้น
ข้าพเจ้าชอบเรื่องธรรมะนะ รู้ว่ามีประโยชน์ดี เป็นสิ่งที่ได้สร้างบุญ แต่เวลาในแต่ละวันที่เราทำงาน เราก็ไม่มีเวลาได้สร้างบุญเท่าไรนัก ขนาดสวดมนต์ก่อนนอน ยังสวดบ้าง ไม่สวดบ้าง เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์, Facebook, Line, ดูนั่นโน่นนี้ เยอะแยะไปหมด
พอได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว แรกๆ ก็ไม่รู้เราจะได้อะไรดีๆ แค่ไหนกลับไป แต่ข้าพเจ้าก็พยายามทำตามทุกอย่างที่วิทยากรให้ทำ เมื่อได้ฟังบรรยาย รู้สึกได้สิ่งที่มีประโยชน์นำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ได้ข้อคิดมากมาย ขออธิบายคร่าวๆ ดังนี้ จากที่ข้าพเจ้านั่งสมาธิไม่ได้เลย นั่งไม่รู้มันเป็นอย่างไร ที่นี่ข้าพเจ้านั่งได้และอยากนั่งต่อไปอีกเรื่อยๆ มันรู้สึกอย่างนี้ คือนั่งแล้วมันเกิดอย่างนี้และเราชอบนะ มันสงบๆ ได้จริงๆ และยิ่งได้รู้การสะสมบุญทำได้ไม่ยาก มี ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ศีล เราก็รักษาศีล 5 เป็นปกติ จัดเวลานั่งสมาธิและภาวนา อันที่จริงเราก็พอรู้อยู่ก่อนนะเรื่องนี้ แต่มาที่นี่ มันเพิ่มความมั่นใจขึ้นมากที่สุด ทำให้เรามีกำลังใจในการนำไปปฏิบัติและนำไปสั่งสอนบอกกล่าวคนที่เรารัก เช่น พ่อ แม่ นักเรียน ว่าเราได้รับสิ่งดีๆ อะไรบ้าง การบอกต่อสิ่งที่ดีๆ ก็เป็นการสร้างบุญอีกอย่างนึงเหมือนกัน ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าอยากขอบคุณ สพม.32 ที่จัดกิจกรรมดีๆ อย่างนี้ และเลือกที่โดนใจอย่างวัดวะภูแก้วนี้ ขอบคุณทีมวิทยากรทุกท่าน ที่มอบธรรมทานนี้ให้แก่ข้าพเจ้า ขอบอกว่าเป็นประโยชน์มากที่สุดที่ชีวิตได้เจอตอนนี้ค่ะคุณครูก้อย เสาวนีย์ โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ Change !
หลังจากได้รับหนังสือราชการให้เข้าร่วมอบรม รู้สึกเซ็งเพราะปกติมีการอบรมเรื่องอื่นๆ เยอะแยะมาก ๆ งานก็เยอะ หน้าที่ๆ ต้องรับผิดชอบก็มากมาย โดยประธานเจ้าหน้าที่งดในการเข้าร่วมเนื่องจากติดสอบ QE…PHD. ข้าพเจ้าใช้เวลาตัดสินใจ... ว่าต้องมา และมาก่อนวันอบรม 2 วัน สังเกตบรรยากาศ พบเด็กตัวเล็กๆ เข้าอบรมมากมาย มีผู้หญิงหนึ่งคนนั่งเก้าอี้พูดปรามเด็กส่งเสียงดัง จึงสงสัย พร้อมตั้งคำถามว่าเขาคือใคร พระวิทยากรไปไหน... แล้วออกจากวัดไป กทม. เพื่อสอบ QE
2 วันต่อมาข้าพเจ้ากลับมาถึงวัดวะภูแก้ว เวลา 22.00 น. ก่อนอบรม 1 วัน นึกในใจ น่ากลัวมาก เงียบมาก วังเวงมาก จึงตัดสินใจออกไปนอนข้างนอก.. ประสบการณ์ในการเข้าอบรม ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พูดสั้นๆ ว่า Change เปลี่ยนระบบการคิด เปลี่ยนแนวปฏิบัติและดำเนินชีวิตข้าพเจ้าอย่างสิ้นเชิง และเฉลยสิ่งที่สงสัยในวันนั้นว่าเขาคือใคร เขาคืออาจารย์แม่ผู้เป็นปราชญ์ ผู้รู้ ผู้ให้ ผู้สร้าง ให้ลูกศิษย์ยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ข้าพเจ้าจะนำสิ่งที่ได้รับพัฒนาตน พัฒนางาน พัฒนาชีวิตคุณครูอภิชาติ ประสิทธิ์นอก โรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ไม่แข่งกับใคร ขอแค่ชนะใจตัวเอง
ถ้าพูดถึงการปฏิบัติธรรม สำหรับข้าพเจ้าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ เพราะข้าพเจ้าเคยมีประสบการณ์เข้าฝึกปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เมื่อสมัยที่ข้าพเจ้าไปเรียนที่ ม.ขอนแก่น คณะศึกษาศาสตร์ เป็นระยะเวลา 5 วัน ข้าพเจ้าไม่สามารถปฏิบัติได้เลย ไม่ว่าจะเป็น การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการฝึกปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องยากที่สุด และถ้าฝึกไม่ได้ก็จะเป็นการสร้างบาปให้กับตนเองเพิ่ม
เมื่อข้าพเจ้าได้บรรจุเป็นข้าราชการครู ข้าพเจ้าก็ได้มีโอกาสได้เข้ามาฝึกปฏิบัติธรรมเหมือนครั้งสมัยเรียน ข้าพเจ้าคิดในใจว่าคงไปสร้างบาปอีกแล้ว เพราะคิดว่าคงไม่สามารถฝึกปฏิบัติได้แน่นอน เมื่อข้าพเจ้าได้สัมผัสการฝึกปฏิบัติธรรมในสถานที่แห่งนี้ ข้าพเจ้ากลับรู้สึกผ่อนคลาย เพราะกิจกรรมการฝึกไม่ได้เร่งรัดและบังคับให้ปฏิบัติได้เลยในครั้งเดียว แต่เป็นการฝึกปฏิบัติที่ให้โอกาสเอาชนะตนเอง และข้าพเจ้าสามารถเอาชนะใจตนเองได้ในระดับที่ข้าพเจ้าพอใจ และสุดท้าย ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า ข้าพเจ้าชอบฟังเรื่องราวต่างๆ ที่ท่านวิทยากรได้เล่ายกตัวอย่างเหตุการณ์ประกอบคำบรรยายในเนื้อหาธรรมะด้วย เรื่องราวทุกเรื่องสามารถนำมาใช้เป็นคติเตือนใจให้ข้าพเจ้าเตือนสติตนเอง และพยายามปรับปรุงตนให้ดียิ่งขึ้นค่ะคุณครูบรรจุใหม่ โรงเรียนละหานทรายรัชดาภิเษก อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ แม่พิมพ์ที่สมบูรณ์แบบ การเข้าวัดในครั้งนี้ของข้าพเจ้าได้ประโยชน์มาก ทำให้มองชีวิตอย่างมีธรรมะ มองโลกอย่างมีเหตุผลมากขึ้น และเข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนามากขึ้น ไม่ปักใจเชื่อสิ่งต่างๆ โดยไร้เหตุผล แต่ให้ใช้ปัญญาในการพิสูจน์ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า “ท่านจงมาดูเถิด” คือการบอกให้เราเข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง ประโยชน์ทางด้านการสอนและการปฏิบัติงาน จะใช้ธรรมะในการควบคุมจิตใจ ไม่โมโห พยายามใช้สติ ใช้ปัญญาให้มากขึ้น ทั้งยังพยายามหาทางทำสมาธิตามสถานการณ์ เพื่อสร้างความสงบในจิตใจ ได้รับเทคนิคการสอนต่างๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้ ได้ทราบถึงหน้าที่ของครูที่แท้จริง มิใช่เป็นครูโจร เป็นครูกรรมกร เป็นครูขอทาน แต่ต้องเป็นครูที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นพ่อพิมพ์ของชาติ “จะหล่อแก้ว จะต้องใช้แม่พิมพ์ที่ไม่มีรูรั่ว หากแม่พิมพ์มีรูรั่ว แก้วที่ได้ออกมา จะมีรูรั่วทุกชิ้น” คุณครูสันติสุข สมพร โรงเรียนกู่สวนแตงพิทยาคม อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์
|
Last Updated on Wednesday, 23 September 2015 03:14 |