Tuesday, 21 July 2015 03:58 |
ลืมอดีต มาสร้างอนาคตดีกว่า
ครั้งแรกที่มา รู้สึกว่าบรรยากาศดีมาก สงบ เงียบ พอวันแรกที่สวดมนต์ นั่งสมาธิ หนูคิดเลยว่าทรมานว่ะ ปวดขา ปวดหลัง เมื่อยมาก แต่พอมาวันที่ 2 หนูเริ่มรู้สึกสบายตัวเวลานั่ง วันที่ 2-3 หนูเริ่มนั่งได้ อาจจะมีนั่งหลับบ้าง พอครู ดร. บรรยายเรื่องแม่ ให้ดูวิดีโอ ให้รู้จักการที่แม่กว่าจะคลอดเรามาลำบากแค่ไหน หนูคิดว่าแม่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยเลี้ยงหนู ไม่เคยส่งเงินมาให้ หนูเกลียดแม่มาก แม่ไม่เคยโทรหาหนู ไม่เคยถามหนูว่าเป็นไงบ้าง ไม่สนใจหนูเลย แม่หายไปไม่ติดต่อมาหาหนูเลยประมาณ 2-3 ปี แม่ติดต่อแต่หายายหาน้อง หนูอยู่กับปู่กับย่า ทุกคนบอกหนูว่ามีบุญนะที่ได้เกิดมาสุขสบายอยากได้อะไรก็ได้ หนูก็ไม่เข้าใจว่าสุขสบายตรงไหน หนูรู้ว่าหนูอยากได้อะไรก็ได้ คนอื่นบอกว่าดีขนาดไหนที่ได้เกิดมามีปู่เป็น ผอ. มีป้ามีลุงเป็นครู อยากได้อะไรเขาก็ซื้อให้ แต่สิ่งที่หนูอยากได้มาตลอดคือ อ้อมกอดแม่ อยากนอนกับแม่สักครั้ง ย่าขัดขวางไม่ให้ไปหาแม่ ไม่ให้ติดต่อแม่ พอฟังที่ ดร.บอกก็คิดทบทวนดู ทำให้หนูรู้ว่ากว่าแม่จะคลอดทั้งเหนื่อย อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน ทำให้หนูคิด ต่อไปนี้หนูจะตั้งใจเรียนสูง ๆ เลี้ยงปู่เลี้ยงย่า หนูจะไม่สนใจอดีต หนูจะตั้งใจเรียนช่วยปู่ย่าทำงาน
เด็กหญิงศุจินธรา เข็มลัง โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น ม.2/6 เขียนไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 ประสบการณ์การปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ดี ผมได้มาวัดวะภูแก้วเป็นครั้งที่ 6 แล้ว เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้น จากเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ ก็กลายเป็นเด็กที่อ่านออก เขียนได้ เมื่อมาเข้าวัดบ่อย ๆ เข้า ประสบการณ์ทำให้คนเราเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างมากมายเข้ามาในชีวิตของเรา ผมอยากจะบอกกับทุกคนว่า การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าเราไม่คิดที่จะหยุดเรียนรู้
การนั่งสมาธินั้น หลายคนคิดว่าลำบาก แต่ถ้าเราอดทน ความลำบากเหล่านั้นก็จะหายไป ถึงมันจะเหนื่อยเมื่อยล้า แต่นั้นคือประสบการณ์ที่ดี ที่เราได้มาเรียนรู้เกี่ยวกับพระคุณของคุณแม่ พระคุณของคุณครู ความดีที่เราได้ทำมา รู้จักการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักการให้และใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
เด็กชายนพดล แก้วสีหมอก โรงเรียนชินวงศ์อุปถัมภ์ ชั้น ม.3 เขียนไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 อยากพาพ่อแม่และพี่ชายมาวัด ดิฉันมาเข้าอบรมที่นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วค่ะ ดิฉันก็รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มา ได้สำนึกในสิ่งที่หนูเคยทำผิดกับพ่อแม่ เคยเหลวไหลกับพ่อแม่ รู้สึกว่าตัวเองเลวมากที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ สิ่งที่ ดร. ดาราวรรณ ได้พูดเกี่ยวกับแม่ ดิฉันรู้สึกว่ามันตรงทุกอย่าง และดิฉันคิดว่า ถ้าดิฉันจบ ม.3 แล้ว ดิฉันจะพาพ่อแม่มาที่วัดวะภูแก้ว และ อยากให้พี่ชายหนูมาด้วยเพราะพี่ชายหนูเขาชอบเที่ยว พอมีเมียมีลูกก็เที่ยวเตร่กับเพื่อน ดิฉันจึงอยากมาที่วัดนี้อีกหลาย ๆ ครั้ง
เด็กหญิงรสิกา ทีจันทึก โรงเรียนบ้านห้วยบง ชั้น ม.3 เขียนไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 เด็กสมาธิสั้นทำสมาธิได้นานตั้ง 3 ชั่วโมง ในการมาอบรมในครั้งนี้ ตอนแรก ๆ ก็ไม่อยากมาเพราะได้ฟังแต่เรื่องทางลบ เช่น ต้องตื่นตั้งแต่เช้าทุกวันเพราะปกติเป็นคนตื่นสาย ต้องนั่งสมาธินาน ๆ เพราะคิดว่าตนเองสมาธิสั้น จึงคิดว่าอย่างมากก็แค่ 15 นาที
คุณครูที่พามาก็มีทั้งใจดีและดุ ผมเห็นว่าดุบ้างจนหลายคนกลัว แต่ผมคิดว่าครูเป็นครูที่ดีนะ ขนาดต้องกลับไปโรงเรียนยังอุตส่าห์กลับมาดูแลพวกเราในเวลาดึก แทนที่จะได้ไปนอนเพราะปกติท่านก็ต้องนอนน้อยแค่วันละไม่ถึง 5 ชั่วโมงอยู่แล้ว โดยเฉพาะวันที่ 3 ของการฝึกอบรม ผมติดสมาธิเป็นคนสุดท้าย ท่านก็ยังรอจนกว่าผมจะออกสมาธิ ในวันนั้น ผมได้เห็นนิมิตถึงพ่อที่เสียไปแล้ว แล้วก็ร้องไห้ แล้วรู้สึกว่าไฟปิดมืด เห็นแต่เงาดำๆ พอออกจากสมาธิจึงพยายามลุกขึ้นไปหาเงาสีดำที่รออยู่ คนนั้นคือ ครูหลิน ท่านพูดประโยคแรกว่า “เธอเป็นอะไร” ผมก็เล่าเรื่องนิมิตให้ท่านฟัง ท่านจึงบอกว่า “ก็อุทิศบุญให้ท่าน อย่าไปยึดติด ถ้าพ่อเห็นเราร้องไห้ ก็จะไม่ได้บุญ” ผมจึงหยุดร้อง ผมลืมบอกไปว่าผมนั่งสมาธิได้ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 5 ทุ่มละมั้ง ไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรถึงนั่งได้นานขนาดนั้น ก็สนุกดีนะ
ผมก็ขอให้ทุกคนตั้งใจปฏิบัติ อย่าคิดว่าทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ที่ผมนั่งได้นานก็เพราะการใช้สติระลึกรู้อยู่เสมอว่ากำลังทำอะไรอยู่ แม้มันจะเจ็บ จะปวดขนาดไหน ก็ต้องอดต้องทนไว้ เด็กชายบุญช่วย ธงสันเทียะ โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น ม.2/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2558
เริ่มที่ไม่ชอบแล้วกลับชอบมาก ตอนแรก ๆ ผมก็ไม่อยากมาวัดนี้หรอกเพราะ ผมรู้ว่าถ้ามาต้องได้นั่งสมาธิ นั่งสวดมนต์อะไร แน่ ๆ แต่เราก็ต้องจำใจมา เราไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้อำนวยการได้ ผมก็จึงต้องจำใจไป ตอนที่ผมขึ้นรถเดินทางไปวัด ผมนั่งเงียบแล้วก็คิดว่า วัดที่เรากำลังจะไปนี้ต้องเป็นวัดที่อยู่ในป่าห่างไกลจากความเจริญ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง และเมื่อมาถึงวัด ผมก็เลยลงมาจากรถพร้อมกับทำหน้าบูด ๆ ใส่คุณครู เพื่ออยากให้คุณครูรู้ว่าเราไม่อยากมาวัด แล้วก็เป็นไปตามที่คิดไว้เลย วัดอยู่ในป่า และ อยู่ห่างไกลความเจริญ แต่วัดนี้ก็มีสิ่งดีอยู่สิ่งหนึ่ง คือ มีบรรยากาศดี เย็นสบาย และเงียบสงบ
วันที่ 3 ตอนทำวัตรเช้าก็รู้สึกไม่เมื่อยเหมือนวันที่ 1-2 ที่ผ่านมา และเวลานั่งสมาธิก็ยังนั่งได้นานกว่าเก่าอีก ผมเริ่มชอบที่นี่แล้วละซิ เพราะที่นี่ก็สอนอะไร ๆ มากมาย และสิ่งที่ผมชอบนะหรือ ผมชอบ ดร.ดาราวรรณที่มานั่งพูดอะไรให้เราฟัง ตอนแรกก็คิดว่า ท่านพูดอะไรหนักหนา น่ารำคาญ แต่พอฟังนานไป ก็น่าฟังเหมือนกันนะ เพราะแต่ละคำที่ท่านพูดนั้นมีความหมาย ผมก็เลยเริ่มชอบ แล้วทุกสิ่งมันก็เปลี่ยนไปจากที่ผมไม่เคยชอบวัดนี้เลย กลับชอบวัดนี้ขึ้นมา แต่แล้วมันก็ต้องหยุดไว้แค่นี้ เพราะวันนี้มันเป็นวันที่เราต้องกลับบ้าน ถามว่าดีใจไหม ดีใจที่ได้กลับบ้าน แต่เสียดายที่จะไม่ได้มานั่งฟังธรรมที่นี้อีก เสียดายมาก ผมก็เลยที่จะหาโอกาสมาอีก
เด็กชายกฤษณ์ทรงไชย กายขุนทด โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น ม.2/6 เขียนไว้ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2558
|
Last Updated on Tuesday, 21 July 2015 04:12 |