Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียน ลำปลายมาศ รุ่น 1 ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 15 - 19 พฤษภาคม 2558
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียน ลำปลายมาศ รุ่น 1 ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 15 - 19 พฤษภาคม 2558
Monday, 01 June 2015 03:23

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 

 

ได้คำตอบแล้วว่าเกิดมาทำไม


          ก่อนที่จะมาอบรมและปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้   เคยคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่ออะไรกัน และการใช้ชีวิตแต่ละวันก็ดูจะไร้คุณค่า  ไม่มีเป้าหมายในชีวิต   แต่ก่อนหนูเป็นคนขยันค่ะ ได้เกรดดีมาโดยตลอดและชอบศึกษาธรรมะ   ชอบอ่านหนังสือธรรมะมาก   พอขึ้นมา ม.ปลาย  หนูติดเล่นมากเลยค่ะ   ไม่ค่อยจะสนใจการเรียน  ติดมือถือ   รู้สึกว่าตัวเองสมาธิสั้น   เรียนอะไรก็จำไม่ค่อยได้   ก็รู้สึกว่าเราแย่แล้ว  หมดกำลังใจในการเรียนมาก  เพราะก็จะขึ้น ม.6 แล้ว  เพื่อนเลยชวนมาวัดค่ะ

  


          ในตอนแรกหนูปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลยเพราะกลัว  แต่พอกลับมาคิดดูอีกที  เราน่าจะได้อะไรดีๆ  เลยเปลี่ยนใจไปก็ได้  แล้วก็จริงอย่างที่คิดนะคะ    มาวันแรกๆ นี้บอกเลยค่ะว่าเหนื่อยจริงๆ เลยค่ะ   จากที่ไม่เคยต้องตื่น ก็ต้องตื่นแต่เช้า  มาสวดมนต์นั่งสมาธิ ปวดขามากค่ะ   แต่มันคุ้มค่ามากเลยค่ะ   ท่านอาจารย์และ ดร.ดาราวรรณ  ได้ให้ความรู้หลายๆ อย่าง  อย่างในเรื่องการเรียน  บาปบุญ  การเวียนว่ายตายเกิด  แล้วยังอีกหลายเรื่องค่ะ   แล้วหนูก็ได้รู้แล้วค่ะว่าคนเรานี้เกิดมาเพื่อทำความดี  สร้างบุญกุศลให้กับตัวเองและการเกิดเป็นคนนี้ยากนัก   หนูจึงคิดว่าเกิดมาเป็นคนแล้วควรทำให้ได้ในสิ่งที่ท่านอาจารย์ และ ท่าน ดร.ดาราวรรณได้สอนค่ะ   และในตอนนี้หนูรู้สึกว่าตัวมีจิตใจที่ดีขึ้น  มีสติและสมาธิค่ะ  รู้ว่าควรจะดำเนินชีวิตเป็นไปแบบไหน  แล้วหนูคิดว่ามันต้องดีได้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะหนูจะนำสิ่งที่ได้ไปปฏิบัติใช้ในการดำเนินต่อไปในภายภาคหน้า


นางสาวกษวรรณ  เจนคจบ (ผู้อบรมสมทบ)
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ฝ่ายมัธยม)  ชั้น  ม.6/1
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

  

  

 


คิดได้เมื่อใจสงบ


          ทุกครั้งที่ดิฉันได้นั่งสมาธิ  ดิฉันจะคิดถึงความผิดที่ทำกับแม่ไว้หลายๆ อย่าง  ไม่ว่าจะโกหกแม่บ้าง  ทำประชดประชันใส่แม่บ้าง   เถียงแม่บ้าง  ตอนนั้นดิฉันยังไม่รู้สึกสำนึกผิดอะไร   มีครั้งหนึ่งที่ครอบครัวของดิฉันอับจนมาก  เงินก็ไม่มีใช้สักบาท  กินข้าวก็กินกับไข่ต้ม  บางวันไม่มีอะไรกินก็อด  เช้าวันหนึ่งดิฉันตื่นมาล้างหน้าล้างตาเพื่อมากินข้าว   แต่พอเปิดตู้กับข้าวไปไม่มีอะไรสักอย่าง   ดิฉันก็โวยวายใส่แม่   พูดว่าแม่  แม่เลยพูดกับดิฉันว่า...เงินแม่ไม่มีสักบาท   แม่ก็ได้แค่หุงข้าวไว้แต่ไม่รู้จะเอาอะไรกิน  วันนี้ก็อดๆ ไปนะลูก   ดิฉันก็โกรธแล้วก็เดินขึ้นบ้านและกระทืบเท้าตึง ๆ ใส่แม่   แม่ก็แอบไปนอนร้องไห้

  


          พ่อดิฉันทำงานโรงงาน  แต่พ่อป่วยปวดหลังไม่ได้ไปทำงาน 2 อาทิตย์เต็ม  เงินเดือนที่ได้ก็เอาไปใช้หนี้    ดิฉันก็แอบน้อยใจในชีวิตว่าทำไมเราไม่มีเหมือนคนอื่น   ดิฉันก็ไปถามแม่ว่า   เงินที่พ่อส่งมาให้มันหายไปไหนหมด   ทำไมแม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยจัง   แม่ก็บอกว่า...แม่เอาไปใช้หนี้   ไหนจะค่าไปโรงเรียนอีกล่ะลูก    แม่พูดพร้อมทำท่าเหมือนจะร้องไห้   แต่ดิฉันก็ไม่รู้สึกอะไร   พอได้มาเข้าค่ายอบรมธรรมมะที่วัดวะภูแก้ว  ได้มานั่งสมาธิ  ก็ทำให้ดิฉันได้คิดทบทวนและได้สำนึกผิดกับสิ่งที่ได้กระทำกับท่านเอาไว้  ต้องขอขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ทำให้ดิฉันคิดได้ในวันนี้   กลับไปดิฉันตั้งใจจะไปกราบท่าน  ขอโทษที่ทำให้ท่านเสียใจค่ะ


นางสาวบุษกร  ปัจฉิมชาติ
โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/8
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

 

 

 

 

โหยหาอ้อมกอดของพ่อแม่


           ตั้งแต่หนูลืมตาดูโลกมาตั้งแต่เด็กจนโต  หนูก็อยู่กับย่ากับทวดมาตั้งแต่เด็ก  มีอาคอยส่งเสียให้เรียน  มีน้องต่างแม่คนหนึ่ง  เป็นผู้ชาย  ซึ่งพ่อรักมากกว่าเรา   มันทำให้หนูคิดว่าเพราะอะไร  พ่อถึงรักน้องมากกว่าเรา  จะกล่าวถึงผู้เป็นแม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยเห็นแม่เลยสักครั้ง  ไม่เคยมาหา ไม่เคยมาดู  เพราะแม่ทำอย่างนี้   หนูจึงคิดว่าหนูจะไม่นับถือว่าเขาคนนั้นเป็น “แม่”   หนูคิดอย่างนี้มาตลอด   พอหนูเรียนอยู่ ป.4  พ่อก็มาฆ่าตัวตายไป  ทำให้หนูเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่  อยู่แต่กับทวดจนมาถึงปัจจุบัน  มันยิ่งทำให้หนูคิดว่าท่านทั้งสองไม่เคยรักหนูเลย  จนได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว  มันทำให้หนูได้คิดว่าถ้าแม่ไม่รัก  แม่ก็คงไม่อุ้มท้องเรามาตั้ง เก้าเดือนหรอก   ท่านคงมีเหตุผลของท่านที่ทิ้งเราไป   หนูไม่เคยกอดพ่อแม่เลยสักครั้งในชีวิต  หนูอยากกอดท่านทั้งสองมาก  และอยากจะขอโทษที่หนูคิดไม่ดีอย่างนั้นไป  หนูรู้แล้วว่าท่านรักหนูขนาดไหน  ถ้าหนูมีโอกาสเจอท่านสักครั้ง  หนูจะเข้าไปกราบและขอโทษทุกอย่าง  และเข้าไปกอดอย่างที่ลูกคนอื่นเขาได้กอด  ขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ทำให้หนูคิดได้  ขอบคุณวัดแห่งนี้ที่คอยนำทางให้หนู


นางสาวจิตตรา ชายศรี
 โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/7
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

  

  

  


เด็กใจร้ายได้คิด


          ในตอนที่หนูยังไม่มาที่นี่  หนูทำเลวไว้กับแม่ของหนูมาก  หนูอยู่ที่บ้านกับแม่และน้องสาว  พ่อและพี่ชายไปทำงานต่างจังหวัด  หนูอยู่กับแม่มาตั้งแต่เกิด    แม่ไม่ได้ฝากยายหรือย่าเลี้ยง  แต่แม่เลี้ยงดูหนูมาเองกับมือของท่าน   นี่ขนาดอยู่กับท่านมา  ท่านเลี้ยงมา  หนูยังทำบาปกับท่าน   ทีแรกก็เป็นเด็กดี   ท่านก็ชื่นใจ แต่พอเริ่มโตมาก็เปลี่ยนจากเด็กที่ดี  กลายเป็นคนไม่เอาไหน

 


          ในตอนที่หนูเป็นเด็กดี  แม่ก็สุขภาพแข็งแรงดี   แต่พอหนูเปลี่ยนไป  ท่านก็มีโรคประจำตัวคือ  “โรคมะเร็ง”   ในตอนที่รู้หนูก็ไม่คิดอะไร  เวลาท่านบอกให้ทำอะไร หนูก็จะไม่ทำ  และท่านก็บอกซ้ำๆ    พอหนูรำคาญ  หนูก็ตะโกนโวยวายใส่แม่ ทั้งๆ ที่ท่านก็บอกหนูดี ๆ  ถึงจะบอกซ้ำ ๆ  แต่ท่านก็พูดดีกับหนู   ต่อมาอาการท่านทรุดลงต้องเข้าโรงพยาบาล  พ่อกลับมาที่บ้านและไปเฝ้าแม่   แม่นอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์แต่หนูได้ไปเยี่ยมแค่วันเดียว   เมื่ออาการแม่ดีขี้นก็กลับมาอยู่บ้าน  พ่อก็ไปทำงาน  และหนูก็อยู่กับแม่และเป็นเหมือนเดิม  เวลาท่านบอกก็จะไม่ไปและตะโกนว่าแม่

  


          แต่เมื่อได้เข้ามาที่วัด “วะภูแก้ว”  แห่งนี้  ทำให้หนูเปลี่ยนได้  ต่อจากนี้ไปหนูขอสัญญาว่า   เมื่อกลับจากที่นี่จะเลิกทำตัวไม่ดี  จะไม่ทำให้แม่เสียใจ  และจะทำดีเพื่อแม่   หากกลับบ้านไปหนูจะเป็นคนดี  จะไม่ตะโกนใส่แม่   จะไม่ทำเรื่องเลว  จะไม่ทำบาปกับแม่อีก  และจะทำให้แม่มีแต่ความสุข

นางสาวจิติยา วาวิลัย
 โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/7
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

 

  

 

 


อย่าริเล่นกับไฟ


          เรื่องของผมมีอยู่ว่า  แต่ก่อนเป็นเด็กดีของพ่อแม่  ทำงานทุกอย่าง ช่วยแม่จนทุกคนในหมู่บ้านชมผมว่าเป็นเด็กดี   แต่เรื่องของผมมันน่าเศร้านัก  จากที่เคยเป็นเด็กดีของแม่   ไม่เคยเกเร  ไม่ก้าวร้าว  ต้องกลายเป็นคนเริ่มอยากรู้อยากลอง  เพราะตอนนั้นผมติดเพื่อนเลยลองของพวกสิ่งเสพติด   เริ่มจากการดูดบุหรี่ เป็นต้น   หลังจากนั้น ผมคิดว่ามันเป็นแค่ของเล่นธรรมดา   วันหนึ่ง ผมได้แอบดูดบุหรี่ในห้อง   แม่ก็มาเห็นพอดี   ผมแอบดูดมาเกือบปี  พ่อแม่เห็นผมวันนั้น แม่ก็ด่า แต่ผมก็ไม่รู้สึกอะไร   แต่พอค่ำแม่กลับต้องมาร้องไห้   ผมก็รู้สึกผิดแล้วครับ    ผมจะทำตัวใหม่แล้วครับ   เตือนวัยรุ่นนะครับ   สิ่งเสพติด  อย่าคิดแม้แต่จะลองนะครับ   อาจจะสนุกแค่ชั่วคราว  แต่มันจะติดไปจนตาย  นี่แหละชีวิตผม    ผมจะปรับตัวใหม่ ขอโทษครับแม่


นายธราวุฒิ สุมาจิตร
 โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/2
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

  

  


 

  

เด็กเฮ้วกลับใจ


          หนูเป็นเด็กที่ไม่ดีเท่าไร  อยู่บ้านไม่เคยช่วยงานพ่อแม่เลย  วัน ๆ ขอแต่เงิน  เที่ยวเล่นเป็นประจำ  เป็นผู้หญิงที่กินเหล้า  สูบบุหรี่  และชอบในการแทงหวย  ในบ้านหนูมีพี่น้อง 4 คน  หนูเป็นคนที่  2  ทุกคนเป็นห่วงหนูคนเดียวเพราะหนูเป็นคนเกเรมากไม่เคยฟังใคร และไม่มีใครสั่งอะไรได้  ถ้าวันไหนอยู่บ้าน  เพื่อนๆ ก็จะพากันมากินเหล้า  เปิดเพลงเสียงดังรบกวนชาวบ้าน  คนแถวบ้านไม่มีใครอยากจะพูดกับหนูเท่าไร  เพราะเขาเอือมระอากับหนูเต็มที  ในหมู่บ้านไม่มีใครทำตัวเลวแบบหนู

  


          วันหนึ่งยายกลับจากนา เห็นหนูสูบบุหรี่อยู่  ยายถึงกับร้องไห้  หนูก็ทำเป็นไม่สนใจและทำเป็นไม่เห็น  จนยายร้องจนช็อกเข้าโรงพยาบาล  หนูก็รู้สึกผิดอยู่ที่ทำให้คนที่เลี้ยงดูเรามาต้องเสียใจขนาดนี้   แต่ก็อย่างว่า  ชีวิตวัยรุ่น  สนุกสนานไม่สนใจใคร

  


          ก่อนจะมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว   หนูไปขอเงินยายเพื่อซื้อกระเป๋า  แต่ยายไม่ให้เพราะเพิ่งใช้หมดไป 500  หนูเลยด่าแกว่า โอ้ย  เก็บเงินไว้ใส่ปากเหรอ!  ขอแค่นี้ก็ไม่ให้  แล้วหนูก็ไม่พูดกับยายอีกเลย   แต่พอยายรู้ว่าหนูจะมาเข้าค่าย  ก็รีบเอาเงินมาให้ และบอกว่า  ไปก็อย่าไปมีเรื่องกับใครนา   ไม่ชอบใครก็อยู่เฉย ๆ  และตั้งใจนะ  รีบกลับมานะลูกคุณพระคุ้มครอง  แล้วแกก็จะกอดหนู  แต่หนูก็เดินหนีแบบไม่สนใจเลย

  


          พอหนูมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว  หนูไม่ได้ตั้งใจจะมาหรอกเพราะหนูไม่ชอบเข้าวัดและไม่ชอบการนั่งสมาธิ  เพราะคิดว่าจะนั่งทำไม  ไม่เห็นมีไรดีขึ้นเลย  เอาเวลาไปนั่งเล่นกินเหล้าดีกว่า   แต่พอมาได้นั่งจริง ๆ  มันก็ทำให้เราคิดได้หลาย ๆ เรื่อง และทำให้ใจเย็นมากขึ้น   นั่งภาวนาคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาว่าเราเคยบาปแค่ไหน  ที่เคยด่าพ่อด่าแม่ ผู้ที่เลี้ยงดูเรามา  ก็อยากจะขอโทษท่านทุกคน  และขอสัญญาว่าจะเปลี่ยนนิสัยและเป็นคนดี


นางสาวนาฬิกา แก่นกลางดอน
 โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/6
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

 

 

 

 

เป็นห่วงตา


          ข้าพเจ้าไม่คิดเลยว่า ข้าพเจ้าจะผ่านพ้นการอบรมพัฒนาจิตมาได้  เพราะต้องใช้ความอดทนสูง  แต่ข้าพเจ้าก็ทำได้  ข้าพเจ้าเคยไปปฏิบัติธรรมมาหลายที่   แต่ข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกอะไรเลย   ก็เป็นนั่งสมาธิปกติ   แต่พอมาที่วัดวะภูแก้ว  ข้าพเจ้าได้รู้แล้วว่าการที่เราเถียงพ่อแม่นั้น  บาปมาก  ข้าพเจ้าเลยต้องตั้งใจปฏิบัติธรรม  แต่อุปสรรคมีอยู่ว่า  ข้าพเจ้าปวดขา   แต่ข้าพเจ้าก็ลองทน  ในขณะที่นั่งสมาธิ ข้าพเจ้าคิดถึงแต่แม่  คิดถึงตอนที่แม่ทำนา ทำไร่  ข้าพเจ้ารู้ดีว่าแม่ของข้าพเจ้าเป็นโรคไต   แม่ของข้าพเจ้าบอกกับข้าพเจ้าว่า แม่ไม่รู้ว่าแม่จะอยู่กับลูกได้นานแค่ไหน   แม่ไม่รู้ว่าแม่จะส่งลูกเรียนถึงไหน   ข้าพเจ้าได้ยินที่แม่ข้าพเจ้าพูด  น้ำตาของแม่ไหลตกถึงเท้า  ข้าพเจ้าก็ได้ก้มลงกราบเท้าแม่และกอดท่าน  ข้าพเจ้าขอขอบคุณทางโรงเรียนมากที่จัดกิจกรรมให้ข้าพเจ้าได้มาที่วัดวะภูแก้ว

 


          ถ้ามีโอกาสข้าพเจ้าจะมาที่นี่อีกและจะนำพ่อแม่และญาติมาปฏิบัติค่ะ โดยเฉพาะตา  ตาของข้าพเจ้าชอบฆ่าสัตว์  ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าตาของข้าพเจ้าจะบาปไหม   ข้าพเจ้ากลัวว่าตาของข้าพเจ้าจะตกนรก  ข้าพเจ้าไม่รู้จะช่วยยังไง   แต่ข้าพเจ้าจะชักชวนท่านให้ทำบุญทำทานบ่อยๆ อยู่ค่ะ  แต่สังขารท่านก็โรยรามากแล้ว  จะทำได้นานแค่ไหน  ข้าพเจ้าก็ได้นั่งสมาธิและอุทิศให้ตา  บาปนั้นอาจเบาลงได้

นางสาวจีระนันท์  แซ่เตีย
 โรงเรียนลำปลายมาศ  ชั้น  ม.4/9
เขียนไว้ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2558

 


Last Updated on Monday, 01 June 2015 03:45
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner