Sunday, 14 December 2014 08:38 |
เกือบเสียพ่อ
ดิฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่เกเรมาก ผู้ชายบางคนคงสู้ไม่ได้หรอก หนีเรียนก็เก่ง โดดเรียนไปเที่ยว ทะเลาะวิวาทในโรงเรียน ดื่มสุรา หนีเรียนไปเล่นการพนัน เถียงพ่อเถียงแม่ ที่เลวกว่าพวกนี้คือดิฉันยังเคยขายยาเสพติด ทำให้พ่อกับแม่ของดิฉันเองต้องมาเสียน้ำตาให้ดิฉันกี่ครั้งก็ไม่รู้ แต่ทุกครั้งที่ดิฉันทำผิด พ่อกับแม่ก็ให้โอกาสดิฉันทุกครั้ง แต่ดิฉันก็ไม่เคยสำนึกได้ ดิฉันยังเคยทำให้พ่อของดิฉันเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง คือวันนั้นดิฉันทำให้พ่อกับแม่ต้องร้องไห้เสียใจ พ่อของดิฉันเครียดมาก พ่อไม่ยอมกินข้าว ไม่ไปไหน อยู่แต่ในห้องคนเดียว พ่อของดิฉันกำลังจะฆ่าตัวตายเพราะเครียดเรื่องของดิฉันมาก แต่โชคดีที่แม่กับดิฉันไปเห็นก่อนพอดี พ่อของดิฉันก็เลยไม่ได้ฆ่าตัวตาย พอมาวัดวะภูแก้วก็ทำให้ดิฉันคิดได้ และสำนึกในบาปที่เคยได้ทำลงไปต่อพ่อกับแม่ ถ้าดิฉันกลับบ้านไปในครั้งนี้ ดิฉันจะไปกราบเท้าขอขมาพ่อกับแม่ ถ้าดิฉันย้อนเวลาได้ ดิฉันจะไม่คิดไม่ทำเลย ใครที่ไม่เคยทำผิดทำให้พ่อแม่เสียใจ ก็อย่าทำเลยมันบาปมาก และตอนนี้ดิฉันได้ฝึกจิตในการนั่งสมาธิ มันทำให้ดิฉันรู้บุญรู้บาปขึ้นมาก ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าจะทำได้และคิดได้ถึงขนาดนี้ ต่อไปนี้ดิฉันจะไม่หันหลังกลับไปเดินทางที่ผิดอีกแน่นอนเพราะมันทำให้ดิฉันเกือบเสียพ่อ ผู้ที่รักดิฉันมาก
เด็กเกเร โรงเรียนภัทรบพิตร ชั้น ม.5/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557
คนที่เราควรรักที่สุดคือแม่
ก่อนจะมาวัดวะภูแก้ว หนูไม่อยากมาเลยคะ หนูคิดว่ามาทำสมาธิหรือ มาทำไม โรงเรียนไร้สาระอีกแล้ว บอกว่าผลการเรียนนักเรียนต่ำ แต่พามาวัด มันจะได้อะไร ทำสมาธิทั้งวันแทนที่จะให้นักเรียนไปเรียนเพิ่ม แล้วมาวัดตั้ง 5 วัน จะเรียนทันไหม? จะได้อะไรจากการไปวัด “ไร้สาระมากอ่ะ” ทำไงก็จะไม่ไปถึงจะต้องซ่อมกิจกรรม ต้องเสียคะแนน จะไม่ไปเด็ดขาด ท่องอยู่คำเดียว “ไม่” “ไม่” พอกลับมาถึงบ้านแม่ถามว่าเป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น เครียดอะไรมา มานั่งนี้สิ มาเล่าให้แม่ฟัง
หนู : แม่จ๋า ครูที่โรงเรียนบอกต้องไปเข้าค่ายที่วัด ถ้าไม่ไปต้องซ่อมกิจกรรม หนูไม่อยากไปเลย หนูไม่ไปนะแม่ หนูไม่ชอบทำสมาธิ มันปวดขา ไม่ชอบสวดมนต์ ไม่ชอบตื่นเช้า แล้วที่วัดมันไม่มีช็อกโกแลต ไม่มีสาหร่ายขาย แล้วหนูจะกินอะไร กลัวผีด้วย แม่ : ไปวัดดีแล้วไปทำบุญไงลูก ทำสมาธิ สวดมนต์ได้บุญนะ ไปแค่ 5 วันเอง หนูจะได้มีสมาธิ เรียนเก่งๆ ไง แล้วช็อกโกแลตกับสาหร่าย เดี๋ยวแม่ซื้อให้เยอะๆ เลย ซื้อให้หนูเอาไปกินไง
หนู : แม่อยากให้หนูไปขนาดนั้นเลยหรือ ไปก็ได้ (อยู่ดีๆ ก็พูดออกมาว่าไปก็ได้ งงตัวเอง) ช็อกโกแลตกับสาหร่ายไม่ต้องซื้อเยอะก็ได้
หนูเป็นคนดื้อ ชอบอธิบายเหตุผล แต่การอธิบายของหนูแม่เรียกว่า “เถียง” ทุกครั้งที่เราทะเลาะกัน เวลาหนูเถียงแม่จะร้องไห้ หนูจะไม่คุยกับแม่ ไม่ไปกินข้าวกับครอบครัว ไม่ขอตัง อยู่แต่ในห้อง ทำแบบนี้จนกว่าแม่จะมาง้อ หนูไปเรียนก็ชอบหนีเรียน ติดเพื่อนชอบเที่ยวกินเหล้า ติดแฟน ใช้เงินเก่ง ใจร้อน
พอมาวัดวะภูแก้ว หนูได้สมาธิ ได้สวดมนต์ จากที่เกลียดการทำสมาธิ สวดมนต์ หนูก็ชอบค่ะ และหนูได้รู้ว่าการเถียงแม่มันบาปมาก และที่หนูไม่คุยกับแม่ ไม่กินข้าวกับครอบครัว กลับบ้านดึก แม่เป็นห่วงแค่ไหน แม่รักมากเท่าไร แม่เสียใจแค่ไหน ได้รู้ว่าไม่มีใครรักและหวังดีกับเราเท่าแม่ ไม่มีใครอดหลับอดนอนรอเรากลับบ้านได้เหมือนแม่ แม่คือคนที่รักเราที่สุดและเราก็ควรจะรักท่านที่สุด รักท่านให้มากกว่าเพื่อน มากกว่าแฟน วัดวะภูแก้วทำให้หนูประหยัดเงินค่ะ ตั้งแต่มาวัดวะภูแก้วหนูพึ่งใช้ตังไปแค่ 30 บาทเองค่ะ 5 วันหมดแค่นี้ค่ะ ตังที่แม่ให้มา หนูจะเอากลับไปคืนท่านทั้งหมด หนูได้รู้ว่าเวรกรรมมีจริง และ เวรกรรมตามเราเร็วมาก เราทำไรไว้ก็จะได้รับกรรมนั้น หนูทำไม่ดีกับแม่ สักวันหนูก็จะได้รับกรรมที่หนูทำ แต่หนูจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีก สัญญา ทุกเรื่องที่หนูทำไม่ดี หนูจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อแม่นะ จะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่เถียง ไม่หนีเรียน ไม่เที่ยวมากไป ไม่กินเหล้าตลอดไป แม่จะได้สบายใจ รักแม่นะ “แม่จะไม่ร้องไห้อีก”
นางสาวพัชราภา เสนโค โรงเรียนภัทรบพิตร ชั้น ม.5/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557
ที่นี่มีดีกว่าที่คิด
หนูเป็นเด็กก้าวร้าว ชอบเที่ยวกลางคืน กลางวันก็นอน แล้วก็ตื่นไปเรียนไม่ได้ หนูรู้ตัวเองดีว่านิสัยแย่มาก ชอบทำให้พ่อแม่ทุกข์ใจบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยสำนึก หนูเคยไปเข้าค่ายตอน ม.4 ค่ายพุทธบุตร แต่ก็ไม่สำนึกอยู่ดี พ่อแม่สอนก็แล้ว ยายสอนก็แล้ว ก็อย่างที่บอกว่าหนูดื้อมากๆ แต่พอมาที่นี่ วัดวะภูแก้ว มาวันแรกนั่งสมาธิ เมื่อยและเจ็บขามาก แต่พออยู่ก็ชิน ก็พึ่งชิน 3-4 วัน วันที่ 1-2 เจ็บขามาก แต่ก็ชอบเพราะได้ฝึกความอดทน ตั้งแต่เล็กจนโต เข้าวัดไม่ค่อยบ่อย แต่ไม่รู้เป็นอะไรชอบสวดมนต์ พอมาคืนที่ 3 เปิดเรื่องแม่ นั่งน้ำตาซึมทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็น อาจารย์ให้หลับตาทำสมาธิก็นึกถึงพ่อแม่แล้วร้องไห้ วันนี้ตั้งใจนั่งสมาธิมาก ก็อย่างที่บอกว่ามานั่งได้ วันที่ 3-4 อาจเป็นเพราะความตั้งใจนึกถึงพ่อแม่ อย่างที่อาจารย์บอกมุ่งมั่นอดทน แปลกมากที่สำนึกคิดถึงแม่ นอนก็คิดถึง อยากจะกราบเท้าท่าน ที่นี่มีดีกว่าที่คิด ก้าวเข้ามาครั้งแรกก็ชอบ ชอบบรรยากาศ ชอบอาจารย์ทุกคน ท่านบรรยายได้ละเอียดเข้าใจ และลึกซึ้ง เข้าถึงจิตใจของหนู หนูว่าความคิดของหนูเปลี่ยนนะ จากที่ไม่เคยสำนึกก็สำนึกร้องไห้ออกมา จากตัวหนูที่รู้ตัวดีว่าตนดื้อ หนูเปลี่ยนเพราะที่นี้ กลับไปจะไปกราบเท้าพ่อแม่และขอโทษท่าน จะเป็นคนดีตั้งใจเรียนจะไม่เที่ยวแล้ว หนูขอบคุณ ครูที่พาหนูมาที่นี่ วัดวะภูแก้ว ขอบคุณวิทยากรทุกท่านที่ทำให้หนูคิดได้
นางสาวปภัสสรณ์ สุวรรณธัมมา โรงเรียนภัทรบพิตร ชั้น ม.5/3 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557
ตามเพื่อนมาเอาบุญ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าวัด และผมเป็นคนเกเร สูบบุหรี่กินเหล้าไปวันๆ และชอบโต้เถียงกับพ่อแม่ ตายาย ถ้าผมขออะไรแล้วไม่ได้ ผมก็จะไม่เข้าบ้านและไม่ไปโรงเรียนจนกว่าพ่อกับแม่จะซื้อของให้ผม ผมรู้ตัวผมดีว่าผมเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมาก ไม่เคยคิดจะฟังพ่อกับแม่เลย ฟังแต่หมู่เพื่อน ผมเลยเป็นคนเลวมาตลอด พ่อแม่เคยร้องไห้เสียใจกับผมมาหลายครั้ง มาวันหนึ่งมีเพื่อนมาบอกว่ามีการเข้าค่ายอบรมจิตที่วัดวะภูแก้ว ตอนแรกผมก็ไม่อยากจะมา ผมเป็นคนติดเพื่อน เลยตามเพื่อนมา วันแรกที่มาถึง มันทำให้ผมอยากกลับบ้านตั้งแต่วันแรก ทั้งเมื่อย ทั้งง่วง วันที่สองยิ่งทรมานกว่าวันแรกอีก พอวันที่สามก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอวันที่สี่ผมได้เห็นวีดีโอที่แม่ได้คลอดลูกออกมา มันทำให้ผมได้รู้ว่าแม่มีพระคุณกับผมมาตลอด และเป็นห่วงผมมาตลอด ผมได้มาวัดวะภูแก้วครั้งนี้ มันทำให้ผมได้รู้ถึงพระคุณพ่อแม่ ผมขอขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้
นายอินทรานนท์ บุญเชิด โรงเรียนพระทองคำวิทยา ชั้น ม.4/3 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557
ทำบุญใหญ่ให้คุณตา กำหนดของทางโรงเรียนว่าจะมาที่วัดในวันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ได้มีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ค่ะ ตาของหนูเสียในวันพุธที่ 26 พฤศจิกายน วันพฤหัสบดีหนูมาเรียนตามปกติและบอกกับอาจารย์ว่า ตาหนูเสียค่ะหนูไม่ไปได้ไหม อาจารย์แม่ของหนูบอกว่าได้ แต่พอเข้าเรียนอาจารย์ผู้สอนของแต่ละวิชา ท่านบอกว่า ถ้าใครไปจะมีคะแนนให้ 20 คะแนน ส่วนใครไม่ไปก็จะให้ไปซ่อมครั้งหลัง แต่ไป 6 วัน หนูกลัวว่าจะได้ไปครั้งที่สองคนเดียว หนูคิดมากจนเรียนไม่รู้เรื่อง พอเพื่อนถามเรื่องที่จะไปหนูก็ร้องไห้ เพื่อนก็ปลอบ หนูคิดอยู่ทั้งวันว่าหนูจะไปดีไหม ถ้าไปหนูก็ไม่ได้เผาศพตา แต่ถ้าหนูไม่ไปหนูก็ไม่มีคะแนน 20 คะแนน และก็อาจจะได้ไปซ่อมครั้งที่ 2 ตกเย็นกลับถึงบ้านหนูโทรหาแม่แต่แม่ไม่รับ สงสัยจะยุ่งเรื่องที่วัด หนูเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า พอแม่กลับมาถึงบ้านหนูก็ค่อยๆ อธิบายให้ท่านฟัง แม่บอกหนูว่า “เฟิร์นก็ไปเถอะลูก” รุ่งเช้าแม่พ่อและพี่ของฉันก็รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปวัดพร้อมกัน แม่พาฉันมากราบศพคุณตาอีกครั้งก่อนที่จะไปส่งฉันไปเข้าค่าย แม่พาฉันไปบอกลาป้าและญาติของฉันบอกว่าฉันต้องไปเข้าค่าย 5 วัน ไม่ได้อยู่เผาศพคุณตา ป้าบอกว่า “ไปเถอะลูก” จากนั้นแม่ก็ถามฉันว่า ต้องให้แม่ไปส่งไหม ฉันบอกว่า หนูไปกับพ่อสองคนก็ได้แม่ จากนั้นพี่สาวของฉันก็โบกมือลาพร้อมกับพูดว่า “ปีใหม่เจอกันนะ” ฉันน้ำตาตกในทันทีที่ได้ยินคำนี้ พี่สาวของฉันแต่งงานและไปทำงานอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ เวลาเทศกาลเท่านั้นที่จะได้กลับบ้าน เราไม่ค่อยเจอกัน พี่สาวฉันกลับมาเมื่อคืนยังไม่ทันได้อยู่ด้วยกันเลย ฉันก็ต้องมาค่ายเสียแล้ว พ่อกับแม่มาส่งฉันที่โรงเรียน ตอนนี้ฉันทำใจได้แล้วค่ะ พอมาถึงทางเข้าวัดรถขับมาเรื่อยๆ ก็เจอเมรุเผาศพ ความรู้สึกของฉันตอนนี้กลัวมาก แต่พอเข้ามาจริงๆ สวยมากค่ะ ลานธรรมสวยมาก ดิฉันรู้สึกชอบนะคะ แต่เหนื่อยเวลาที่ต้องนั่งสมาธินานๆ แต่ฉันก็ทำได้ค่ะ สุดท้ายอยากจะขอบคุณค่ายอบรมจิตครั้งนี้ที่ วัดวะภูแก้ว นะคะ “ขอบคุณมากค่ะ” การมาครั้งนี้ทำให้หนูได้ทำบุญให้คุณตาเยอะมากกว่าการที่หนูอยู่บ้านค่ะ
นางสาวปรียาภรณ์ งาสนเทียะ โรงเรียนพระทองคำวิทยา ชั้น ม.4/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557 คิดถึงภาพเก่าๆ ที่พ่อทำเพื่อเรา ครอบครัวหนูเคยเป็นครอบครัวที่อบอุ่นค่ะ หนูมีพร้อมทุกอย่างทั้ง พ่อและแม่ เวลาวันพระ ครอบครัวหนูจะไปทำบุญกันพร้อมหน้าเลยค่ะ ไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าวด้วยกันเป็นเวลาที่หนูมีความสุขมากค่ะ จนมาถึงวันหนึ่ง ตอนนั้นหนูอยู่ ป.4 เหตุการณ์ที่หนูไม่เคยคิดก็เกิดขึ้น วันที่หนูรู้ว่าพ่อกับแม่แยกทางกัน หนูทำใจไม่ถูก หนูเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนูรับไม่ได้เลยค่ะ แล้วหนูก็ได้มาอยู่กับย่า หนูก็คิดถึงวันที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่ต่อจากนี้มันไม่มีอีกแล้วหนูมีแต่พ่อ แล้วพ่อหนูก็เป็นคนกินเหล้า สูบบุหรี่มาตลอด หนูบอกให้เลิกก็ไม่เลิก และต่อมาพ่อก็มีภรรยาใหม่ หนูรับไม่ได้ที่พ่อเป็นแบบนี้ แล้วใครจะไปเชื่อว่าหนูสูบบุหรี่ กินเหล้า หนูประชดชีวิตค่ะ และต่อมาจากที่อะไรดีขึ้น มันก็แย่ลง หนูบอกกับตัวเองว่าหนูจะทำตัวเฮงซวยเพื่อประชดชีวิต พ่อถามอะไรหนู หนูก็จะพูดแต่คำว่า “แล้วแต่” “ช่างมันเถอะ” “เห็นสนใจว่ะ” หนูเคยทำการ์ดให้พ่อค่ะแต่พ่อไม่สนใจ หนูเลยไม่ทำให้อีก ไม่บอกรักพ่ออีก ต่อจากนั้นมา ต่างคนต่างก็ไม่คุยกันเป็นเวลาตั้ง 1 เดือนค่ะ หนูคิดในใจว่า “ถ้าไม่อยากคุยด้วยก็ไม่ต้องคุยอีกตลอดไป” และก่อนที่จะมาวัดวะภูแก้ว พ่อก็พูดกับหนูว่า “ให้ตั้งใจเรียนจะได้มีอนาคตที่ดี” หนูบอกกับพ่อว่า “หนูตั้งใจแล้วได้แค่นี้และ” พ่อก็เลยบอกว่า “จะได้เรียนเก่งๆ เหมือนภรรยาใหม่พ่อ” หนูโกรธมาก หนูก็เลยบอกว่า “อยากเรียนเก่งๆ เหมือนเค้าพ่อก็มาเรียนเองถั่ว” แล้วหนูก็ขึ้นบ้านไป
จนมาถึงวันที่หนูได้มาวัดวะภูแก้ว มันทำให้หนูได้รู้อะไรหลายๆ อย่าง มันทำให้หนูคิดถึงตอนที่หนูป่วย พ่อก็เช็ดตัวให้หนู หนูอยากได้อะไรท่านก็หามาให้ หนูร้องไห้ท่านก็ปลอบ ทำให้หนูคิดได้ว่าสิ่งที่หนูทำไปนั้นไม่ดีเลย หนูทำให้พ่อไม่สบายใจ หนูทำให้พ่อเสียใจ และสิ่งที่หนูสำนึกผิดที่สุดคือ หนูทำให้พ่อร้องไห้ และสิ่งที่ดร.ดาราวรรณสอนเรื่องพระคุณพ่อแม่ทำให้หนูคิดได้ ถึงหนูไม่มีแม่ก็ยังมีพ่อกับย่าที่ท่านรอดูความสำเร็จของหนูอยู่ ต่อไปนี้หนูจะทำให้ท่านภูมิใจในตัวหนูให้ได้ และถ้ากลับบ้านไปหนูจะไปบอกรักพ่อ สิ่งที่หนูควรจะบอกตั้งนานแล้ว หนูจะไม่ทำให้ท่านเสียใจอีกค่ะ
นางสาวรัตนปัญญา ชัยมงคล โรงเรียนพระทองคำวิทยา ชั้น ม.4/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2557
|
Last Updated on Sunday, 14 December 2014 09:28 |