Wednesday, 19 November 2014 02:23 |
หายคาใจ ก่อนที่ผมจะมาวัดวะภูแก้ว ผมก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับวัดนี้มาบ้างแล้ว รุ่นพี่ที่เคยมาวัดวะภูแก้วบอกว่าวัดวะภูแก้วดีอย่างไร เมื่อมาแล้วต้องทำอะไรบ้าง ผมจึงเตรียมใจมาแล้ว พอมาถึงผมก็รู้สึกเฉยๆ ต่อมาเมื่อได้ทำกิจกรรม จากความรู้สึกที่ว่าเฉยๆ ก็เปลี่ยนไปทันทีโดยไม่รู้ตัว
กิจกรรมที่ผมได้ทำวันแรกผมก็รู้สึกว่ามันหนักอยู่แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้ พยายามจะทำให้ดีที่สุด ตอนที่ผมคิดว่าหนักก็คือตอนนั่งสมาธิ ผมรู้สึกว่าทรมานอะไรเช่นนี้ แต่ผมก็อดทนจนชนะใจตัวเองไปได้ตอนหนึ่ง พอวันต่อมาผมได้เข้าใจถึงการที่เรานั่งสมาธิว่า การที่เรานั่งสมาธิได้นานๆ นั้นจะทำให้จิตใจเราสงบ มั่นคง ไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ที่ผมเข้าใจผิดคือผมคิดว่าการนั่งสมาธิจะทำให้เราเห็นสิ่งต่างๆ ได้ แต่ไม่ใช่เลย คือพอผมนั่งไปก็ไม่เห็นอะไร ต่อมาผมก็เอะใจว่าทำไมเราไม่เห็นอะไร มีแต่ปวดเมื่อยขาเท่านั้นผมก็ตั้งเป็นคำถามในใจ พยายามค้นหาแต่ก็ไม่เจอคำตอบ พอ ดร. ได้มาอธิบายหลักการนั่งสมาธิว่า นั่งสมาธิทำไม นั่งเพื่ออะไร ผมก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าการนั่งสมาธินั้นไม่ใช่เพื่อเห็นสิ่งต่างๆ แต่การนั่งสมาธิจุดมุ่งหมายคือการทำจิตใจให้สงบ ให้เราได้พิจารณาเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าเรื่องที่เราทำไม่ดี หรือ ทำดี และ ดร.ก็ยังบอกอีกว่าการนั่งสมาธินั้นได้บุญ ผมจึงได้คำตอบที่ผมคาใจ ผมจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ ผมใช้ความคิดที่ว่าการที่ผมนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมจะเปลี่ยนให้เป็นบุญ เวลาที่ผมปวดขา ผมก็คิดว่า ถ้าการปวดนี้จะเป็นบุญได้ผมขอนั่งต่อไปไม่ว่าจะปวดแค่ไหนก็ตาม ขอให้บุญนี้ส่งไปถึงพ่อแม่ปู่ย่าตายาย พี่ป้าน้าอา ผู้มีพระคุณและเจ้ากรรมนายเวร
นายปฐมพร หนองนงค์ โรงเรียนจักราชวิทยา ชั้น ม.5/10 เขียนไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2557
ของขวัญที่แม่อยากได้
ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งที่คิดอยากที่จะมาวัดนี้แต่ก็ไม่ถึงกับ 100% หรอกค่ะ เพราะรุ่นพี่เขามักพูดให้ฟังว่าวัดนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะ และเน้นแต่เรื่องการทำสมาธิเป็นส่วนมาก เหตุผลที่อยากมาเพราะข้าพเจ้าไม่ค่อยได้เข้าวัดเลย เลยอยากมารู้เรื่องบุญเรื่องบาปให้มากกว่านี้ อยากจะมารู้เรื่องบุญคุณของแม่เพราะวันแม่ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้ทำให้แม่เสียใจโดยที่ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าทำนั้นมันถูกหรือผิดกันแน่ แต่พอได้มาฝึกอบรมนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็ได้รู้ชัดแล้วว่า สิ่งที่ข้าพเจ้าทำไปมันผิดมากถึงมากที่สุด
ตอนที่ฟังบรรยายเรื่องพระคุณแม่ ข้าพเจ้าก็นึกถึงตอนที่ข้าพเจ้าถามแม่ก่อนถึงวันแม่ว่า “วันแม่ แม่อยากได้อะไร” แต่ข้าพเจ้าถามด้วยน้ำเสียงที่เล่น ๆ เพราะข้าพเจ้าเป็นคนขี้อายไม่กล้าถามแบบซึ้งๆ และได้คำตอบกลับมาว่า “แม่ไม่ได้อยากอะไรมากหรอก ขอแค่ลูกไหว้แม่และไม่ดื้อกับแม่ก็พอ” แม่ตอบมาด้วยน้ำเสียงเล่นๆ เช่นกัน แล้วก็พากันหัวเราะ พอถึงวันแม่ ข้าพเจ้าได้บอกความจริงกับแม่เรื่องหนึ่งที่ทำให้แม่เสียความรู้สึกกับการกระทำนี้มาก แม่มาพูดกับข้าพเจ้าว่า “การที่ไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก พอมาบอกให้รู้ทีหลังมันเสียความรู้สึกมากกว่ารู้ตอนแรกอีกนะ” ข้าพเจ้าน้ำตาแทบไหล และก็เดินออกจากบ้านไปโดยไม่คิดเลยว่าแม่จะรู้สึกยังไง ข้าพเจ้าเสียใจมากในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และในวันนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้ไหว้แม่อย่างที่หวังไว้ ข้าพเจ้ารู้สึกผิดมาก แต่พอได้มาเข้าอบรมแล้ว ข้าพเจ้าตั้งใจว่ากลับไปข้าพเจ้าจะซื้อพวงมาลัยไปไหว้ท่านแล้วบอกว่ารักท่าน (ถึงจะไม่เคยพูดมาก่อนก็เถอะ แต่จะพยายามให้ถึงที่สุด)
นางสาวจิราภรณ์ ประเสริฐศรี โรงเรียนจักราชวิทยา ชั้น ม.5/5 เขียนไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2557 ประสบการณ์การอบรมพัฒนาจิต
ดิฉันมาที่วัดนี้ด้วยความมืด คือ มาแบบไม่เต็มใจมา แต่พอมาอยู่หลายๆ วัน แล้วรู้สึกว่าที่วัดนี้ดีกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เป็นสถานที่ที่สงบร่มรื่น เย็นสบายเหมาะกับการทำสมาธิ วัดนี้สอนอะไรให้กับฉันหลายๆ อย่างเลยค่ะ สอนให้ฉันนั่งสมาธิ สอนให้ฉันระลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ นับเป็นบุญที่ฉันได้มาที่วัดแห่งนี้เพราะฉันรู้สึกประทับใจมากที่ได้มาที่นี้ ฉันได้อะไรหลายๆ อย่าง และการนั่งสมาธิทำให้จิตใจของฉันสงบยิ่งขึ้น และมีพลังจิตที่แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย นึกถึงที่ต้องกลับไปที่โรงเรียนแล้วฉันไม่อยากกลับเลยเพราะ ที่นี่ทำให้ฉันประทับใจมาก ฉันขอสัญญาว่าฉันจะไม่ลืมวัดแห่งนี้ และจะนำเรื่องราวที่ได้จากวัดวะภูแก้วไปเล่าให้ผู้ที่ไม่รู้บาปไม่รู้บุญฟังว่าการที่ทำบาปมันเป็นอย่างไรและทรมานแค่ไหน
นางสาววจี อินนคร โรงเรียนจักราชวิทยา ชั้น ม.5/8 เขียนไว้ ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2557
|
Last Updated on Wednesday, 19 November 2014 02:30 |