พระธรรมเทศนาเนื่องในงานวันคล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย (1) แสดงธรรมโดย พระครูคุณสารสัมปัน (หลวงพ่อสมาน ชิตมาโร) วัดป่าศรัทธารวม จังหวัด นครราชสีมา แสดงธรรม ณ วัดป่าสาลวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๔ วันนี้เป็นวันที่ 2 ของงานแห่งงานอบรมธรรม ปฏิบัติธรรม น้อมรำลึกถึงหลวงพ่อพุธเรา อดีตผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดสาลวันมา สร้างคุณงามความดี สร้างบุญบารมี นำทำนำปฏิบัติ พี่น้องชาววัดป่าสาลวันรวมทั้งพี่น้องชาวโคราชเราและรวมไปถึงจังหวัดอื่น ๆ ถึงกรุงเทพฯ ใจกลางกรุงเทพฯ หรือทั่วประเทศ หลวงพ่อพุธเราสร้างคุณงามความดี นำสร้างบุญนำสร้างบารมีมาหลายปี 30 กว่าปีที่ท่านโปรดโดยเฉพาะพี่น้องชาวโคราช ไปไหนก็ย้อนมาวัดสาลวัน ในเมื่อลักษณะนี้เกิดขึ้น ก็ถือว่าบุญหลวงพ่อพุธเรา บุญพี่น้องชาวโคราชเราได้สร้างสรรบำเพ็ญคุณงามความดีร่วมกันมาตั้งแต่ก่อน ๆ ไม่ใช่ปัจจุบันในชาตินี้ ท่านนำสร้างความดีมาก่อน นำทำนำปฏิบัติ นำสร้างทานสร้างศีลสร้างธรรม อบรมธรรมตั้งจิตตั้งใจของพี่น้องชาวโคราชเราเป็นกรณีพิเศษเป็นเวลา 30 กว่าปี เมื่อเป็นเช่นนี้พวกเราถือว่าลาภอันประเสริฐ โชคพิเศษที่พวกเราได้รับมากพิเศษมากกว่าวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักเล่น นักเสี่ยงที่อยากรวยทางลัด ดังนั้นพวกเราทั้งหลายโดยเฉพาะท่านเจ้าคุณเพิ่ม ท่านมาทำหน้าที่ตำแหน่งเจ้าอาวาส ณ วัดป่าสาลวัน แทนหลวงพ่อพุธเรา หลวงพ่อจันทร์แรมเราก็นั่งอยู่นี้ เคยสร้างความดีกันมา สมัยก่อนหลวงพ่อสมานก็เคยอยู่นี่ล่ะ เรื่องน้อยเรื่องใหญ่ลึกตื้นหนาบางก็อยู่ด้วยกัน 30 กว่าปี พระครูสมานจึงได้ไปอยู่วัดป่าศรัทธารวม หลวงพ่อเพิ่มเรามีหน้าที่ตำแหน่งทำงานเจ้าอาวาส ชวนเชิญญาติโยมศิษยานุศิษย์บำเพ็ญบารมีกุศลด้วยความเคารพ ถวายความจงรักภักดีต่อหลวงพ่อพุธ ฐานิโย กว่าอะไร ๆ ๆ ๆ ทั้งหมด วัตถุต่าง ๆ ไม่ว่าวิหารใหญ่ ไม่ว่ากุฏิที่พักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรมของแม่ชี ท่านก็อนุญาติเปิดโอกาสให้ประชาชนพี่น้องผู้มีศรัทธาได้มาอยู่ปฏิบัติธรรม อำนวยความสะดวกต่อจากบุรพาจารย์เก่า ๆ ก่อน ๆ เริ่มจากหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์เรา มารำลึกถึงพระคุณอันนี้ จึงได้จัดงานอบรมสมาธิธรรม ภาวนาธรรม ปฏิบัติธรรม รำลึกถึงบุรพาจารย์โดยเฉพาะ องค์อื่นก็รำลึกถึง แต่หลวงพ่อพุธเป็นกรณีพิเศษ ในเมื่อกรณีพิเศษพฤษภาคมนี้ เราทั้งหลายได้จัดงาน 3 วัน 2 คืน เรียกว่าเป็นคนรำลึกถึงพระคุณของบุรพาจารย์ ของครูบาอาจารย์ไม่ทอดไม่ทิ้ง แม้หลวงพ่อพุธเราจะมรณภาพ มรณภาพไปได้แต่ธาตุขันธ์ ดิน น้ำ ไฟ ลม รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณมันสลายไป เหมือนทุกครูบาอาจารย์ บุรพาจารย์ เหมือนพระพุทธเจ้าของเรา เหมือนบุรพาจารย์ พระอรหันต์ สุปฏิปันโนที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ ครูบาอาจารย์สุปฏิปันโนมรณภาพแต่ธาตุแต่ขันธ์ ทำงานมาก ก่อตัวขึ้นมามาก เมื่อนาน ๆ ๆ ก็ถึงวาระหมดสภาพ ธาตุขันธ์ต้องแตกดับ แต่จิตไม่ดับ จิตครูบาอาจารย์ที่เป็นสุปฏิปันโนเจริญดีแล้วในพระพุทโธ เจริญดีแล้วในพระธัมโม เจริญดีแล้วในพระสังโฆสุปฏิปันโนอยู่ที่ดวงจิต อยู่ที่ดวงใจดีแล้ว มั่นคงถาวร ไม่มีแตก ไม่มีดับ เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิก เป็นผู้บานอยู่ตลอดเวลาทุกวินาที เดี๋ยวนี้ไปอยู่ที่ใด อย่างน้อยก็ต้องเมืองสวรรค์ ผลที่สุดก็ต้องเมืองพระนิพพาน อันนี้พูดถึงจิตความรู้ของท่านซึ่งเป็นสมบัติของบุรพาจารย์ ของครูบาอาจารย์อยู่ที่จิตผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้ฉลาดนั้นคือสมบัติของพระสุปฏิปันโน อรหันต์ บุรพาจารย์ที่ปฏิบัติดีแล้ว พิจารณาดีแล้ว เราทั้งหลายเป็นศิษย์ที่ดี รำลึกถึงบุรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อพุธเราโดยเฉพาะ
ถ้าคิดถึงหลวงพ่อพุธ จะไปร้องไห้ หลังท่านจากไปแล้ววัดคงจะเงียบเหงาวังเวง อาจจะหาผู้ที่มาอยู่เหมือนหลวงพ่อพุธได้ยาก ๆ เหลือเกิน อย่าไปเศร้าโศก รำพึงรำพันอย่างนั้นก็แล้วกัน หลวงพ่อพุธอัดทั้งเทปและเทศน์ด้วยปากเปล่าโดยตรง โดยเฉพาะหลวงพ่อพุธเราชอบเป็นนักภาวนา หลวงพ่อพุธเราชอบพัฒนาจิต ร่วมปฏิบัติธรรม สมาธิธรรม ภาวนาธรรม สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ตั้งแต่จิตมีความรู้สึกขึ้นมา ศรัทธาคำว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จิตจำนงต่อเมืองแก้ว เมืองสวรรค์ เมืองนิพพาน เข้าสู่วงการแห่งเป็นนักบวชตั้งแต่อายุ 14 ปี อันนี้ พี่กัน น้องกัน พี่น้องฝ่ายคุณแม่กับหลวงพ่อสมานนะ มาหากันก็คุยกัน บ้านเฮามีแต่ข้อยกับเจ้ายืนหยัดให้มั่น ขันให้แน่น อย่าถอยหลัง ให้ก้าวหน้า เจ้าออกสู่วงการเป็นนักบวช 14 ปี ฉันก็ 14 ปี เช่นเดียวกันเริ่มจากเป็นสามเณร หลังจากนั้นมาหลวงพ่อพุธเราฝักใฝ่เรื่องการปฏิบัติ เดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา ปฏิบัติธรรมหมายเลข 1 เป็นเป้าที่สำคัญ เป็นหมายที่สำคัญมาตลอด ครูบาอาจารย์ บุรพาจารย์ สุปฏิปันโน กรรมฐานที่ใด หลวงพ่อพุธเรานี้แสวงหาได้ไปกราบได้ไปฟังเทศน์ แล้วจำมาประพฤติจำมาปฏิบัติ นอกจากนั้นท่านก็ยังได้ออกทดสอบจิตของตัวเอง เรื่องการปฏิบัติกับถ้ำกับภูเขาลำเนาไพร ว่าจิตดวงนี้จะเข้มแข็งมากน้อยเพียงไร ท่านก็ทดสอบด้วยนโยบายการปฏิบัติของท่านด้วยตัวเอง เห็นด้วยตัวเอง พบด้วยตัวเอง ปัจจัตตัง เว ด้วยตัวเอง เอหิปัสสิโกด้วยตัวเอง น้อมเข้ามาเป็นหลักวิชาการปฏิบัติ ถึงเวลาท่านก็ไปเรียน ครูบาอาจารย์ทุกองค์เรียนกันทั้งนั้น จะเรียนเขียนกระดานก็ตาม เขียนปากกาก็ตาม จะเรียนด้วยการฟังการอบการรม จากคำแนะนำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ก็ถือว่าเรียน หลวงพ่อพุธเราเรียนทั้งการฟังจากครูบาอาจารย์ สุปฏิปันโนมาตลอดและก็เรียนทั้งเขียนทั้งหนังสือจนเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ สอบเปรียญได้ ก็ถือว่าพอสมควร จึงได้ย้อนกลับไปอยู่ที่อุบลราชธานี ปฏิบัติธรรมอยู่ทางโน้นที่วัดบูรพาราม อุบลราชธานี ตอนที่ท่านอยู่อุบลราชธานีนั้น พระครูสมานถามคุณทวดว่า พี่น้องเฮามีใครบ้าง เณรน้อย เอ้า มีพระมหาพุธ เดี๋ยวนี้เพิ่นอยู่อุบลฯ เจ้าบวชแล้ว เจ้าอย่าลืมไปหาเพิ่นเด้อ พี่เฮาน้องเฮา หลวงพ่อสมานจึงได้เดินทางสู่อุบลราชธานีไปหาท่านที่วัดบูรพาราม พูดคุยกันแล้ว ลูกใคร พ่อแม่ใคร เล่าให้ฟังแล้วเอ้อดีอยู่ด้วยกัน ไม่ต่ำกว่า 7 ปี อยู่นั้น สมมาพาควรแล้ว หลวงพ่อสมานจึงได้แยกย้ายไปหาวิชาความรู้ประดับตัว เรียนความรู้จากท่านก็เรียน เรียนการบอกการสอนชี้แนะจากคำพูดท่านก็เรียน เรียนตามตำรับตำราขีดเขียนก็เรียนที่อุบลราชธานีสมัยนั้น เห็นว่าพอสมควรแล้วเดินทางกลับสกลนครไปหาหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ฝั้นเบรกเลย เจ้าจะเรียนเฮ็ดอีไส โอ้ยมันได้มหาเปรียญนั้นนะ เรียนมหานั้นนะ ไม่มีปฏิบัติมันเรียนเอากิเลส เรียนเอาตัณหา เรียนเอามานะ เรียนเอาทิฏฐิ มันบ่พ้นทุกข์ มันไปถึงนิพพานบ่ได้ นักธรรมตรี นักธรรมโท นักธรรมเอานี่แหละ ออกเดินจงกรม ออกภาวนา ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน เจ้าอย่าไปเรียนหลาย มันเป็นพระสูตร สมัยนั้นบุรพาจารย์ก่อน 2500 ท่านเรียกว่า พูดมาก เรียนมาก ปากมาก เหม็นขี้ปาก พูดมาก ปากมาก คุยมาก เป็นพระสูตร บังจิตสมาธิ บังจิตภาวนา เวลาภาวนาไม่ให้รู้ธรรม ไม่ให้เห็นธรรม ท่านบอกว่าให้โยนทิ้งซะสิ่งที่เรียนมา บาลีไวยากรณ์ก็ตาม ธรรมะนวโกวาทถึงปริเฉจ 2 ถึงธรรมะวิจารณ์นักธรรมชั้นเอก วางมันไว้ วางมันไว้ วางมันไว้ อย่าเอามาใส่ใจ ตั้งใจภาวนาพุทโธ ๆ พุทโธ ๆ เป็นงานปฏิบัติที่เด่น ที่เยี่ยมยอด สร้างจิตสร้างใจอารมณ์จิตอารมณ์ใจของเราด้วยพุทโธ นี้เป็นหลวงปู่ฝั้นให้คำแนะนำ ต่อจากนั้นก็ธุดงค์ไปเมืองเหนือเจ้า เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ออกจากนั้นก็ลงเมืองใต้ หลวงพ่อสมานก็ไปหาเช่นเดียวกัน
คำว่าไปนี้ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ไปทดสอบความรู้เจ้าของ หาความรู้เจ้าของ ประสบการณ์เจ้าของว่าตัวเองไปอยู่เมืองเหนือ เมืองใต้ ตาเห็นแล้วจะน้อมมาภาวนาเป็นมั๊ย จะหลงมั๊ย ไปอยู่เมืองใต้ ตาไปเห็น หูได้ฟังแล้ว จะภาวนามีสติมีสัมปชัญญะมั๊ย จะเกิดความหลงมั๊ย เกิดความโลภมั๊ย เกิดความโกรธโมโหโทโสมั๊ย ไปทดสอบตัวเอง ประดับปัญญา ประดับความรู้กับเจ้าของ สุดท้ายก็ได้ย้อนมาไปพบกันที่บ้านสกลนคร หลวงพ่อพุธก็ว่า ไป ไปอยู่โคราชนำกันเฮา จึงได้มาอยู่วัดนี้เสียก่อน 2 ปีจึงได้เคลื่อนย้ายไปอยู่วัดป่าศรัทธารวม นี้เรื่องเป็นมาตั้งแต่อดีต ทั้งญาติโดยสายโลหิต ทั้งญาติทางธรรมะปฏิบัติ ตามพระพุทธเจ้า ตามพระพุทโธ ตามพระธัมโม ตามพระสังโฆ เป็นญาติกันมาทั้ง 2 ประเด็น ทีนี้จะย้อนขึ้นมาว่า เราคิดถึงหลวงพ่อพุธ พระคุณของท่านสร้างความดีเปลี่ยนแปลงสภาพจาก 30 กว่าปีซึ่งมีสภาพวัตถุสิ่งก่อสร้างโปร่ง มาเปลี่ยนเป็นวัตถุถาวรสง่างามทั้งตาทั้งหูและอำนวยความสะดวกให้ผู้มาทำบุญและผู้มาปฏิบัติธรรมอย่างชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว เป็นอย่างนั้น พระคุณของท่านอย่างนี้เรารำลึกถึงแล้ว หลวงพ่อพุธสอนเน้นหนักเรื่องสมาธิ เน้นหนักเรื่องภาวนา รักษาอารมณ์จิต ผู้ใดสำรวมจิตสำรวมอารมณ์ สำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ผู้นั้นจะชนะมารไม่เป็นผู้แพ้ งานพระพุทโธตัวเดียวเป็นศูนย์งานที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายจิตใจของคนเรา เริ่มจากพุทโธตัวเดียวเสียก่อน เมื่อสมถะความสงบเกิดขึ้นมาแล้ว วิปัสสนาปัญญาเกิดขึ้นมา หูแจ้งตาใสใจสว่าง อนิจจังก็รู้ ทุกขังก็รู้ อนัตตาก็รู้ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย รวมอยู่ในธาตุขันธ์เรานี้ ก็รู้ออกมาหมด ภายนอกมันมีอะไรอยู่ในตัวตนเรานี้ ดูมันดี ๆ รู้หมดเลย ไม่ต้องเอาผ้าปิดผ้าห่อดอก เดี๋ยวนี้พวกเรายังติดในผ้าอยู่เดี๋ยวนี้ ภายนอกยังติดยังห่อเอาไว้อยู่ สมาธิธรรม ภาวนาธรรม วิปัสสนาธรรม ปิดก็ตาม ห่อก็ตาม นั่งหลับตาเห็นหมด ข้างนอกมันมีอะไรอยู่ในนี้ ข้างในเห็นหมด อาการ 32 ตับไตไส้พุงอยู่ข้างใน ทานอาหารทานข้าวน้ำออกไป มันไปอยู่ที่ใด มันเป็นยังไง มันมีกลิ่นโสโครกหรือกลิ่นหอม มันมีของปฏิกูลหรือของดีอยู่ในนั้น สมาธิพุทโธตัวเดียวเมื่อจิตเป็นสมถะแล้ว วิปัสสนาเป็นผู้รู้เป็นผู้เห็นออกมา แจ่มแจ้งใสขาวสะอาด ภายในรู้แจ้งเห็นจริงไม่สงสัย ภายนอกตัวตนสกลกายของเราเห็นแจ่มแจ้งละเอียดลออดีไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องไปถามคนอื่น พุทโธนี้ล่ะ กระจายงานออกไป กระจายการเผยแผ่ กระจายการเผยแพร่ ให้รู้ให้เข้าใจให้เห็น ครูบาอาจารย์ท่านสอนไว้ว่า ใครอยากเห็นจิตเจ้าของ เห็นอารมณ์จิตเจ้าของ เห็นร่างกายเจ้าของภายนอกภายใน ให้ภาวนา ให้เดินจงกรม ถ้ามันหงุดหงิด ๆ ภาวนาให้ลุกไปเดินก่อน ยอมเทเอาอารมณ์อดีตที่ผ่านมา คำว่าอดีตนี้ ตั้งแต่เช้ามาจนถึงขณะนี้ ล้วนตั้งแต่คืนที่ผ่านมาจนถึง 5 วัน 10 วัน อาทิตย์ 1 เดือน หรือ 1 ปี 5 ปี 10 ปี นั้นเรียกว่าอดีตที่ผ่านมา ให้รู้ให้เห็นอดีตที่ผ่านมา แต่เรื่องอดีตนี้ ครูบาอาจารย์บอก เวลาภาวนาอย่าเอาเข้ามานะ เห็นแล้วรับรู้เชิญ ขณะนี้ฉันกำลังภาวนา ขณะนี้ฉันกำลังเฝ้าพระพุทธเจ้า ฉันกำลังปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า อารมณ์อดีตคุณอย่ามากวนฉันมันเป็นมาร มันเป็นตัวกิเลส มันเป็นตัวตัณหา ฉันเห็นคุณแล้วออกไปเชิญ ตอนนี้ฉันกำลังภาวนา ฉันกำลังอยู่กับพระพุทธเจ้า ฉันกำลังเฝ้าพระพุทธเจ้า ฉันกำลังฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ฉันกำลังเอาธรรมจากพระพุทธเจ้า ให้จิตของฉันนี้รักฉัน รักตัวฉัน เรียกว่าเป็นผู้รู้เป็นผู้สละ ด้วยการภาวนาจึงเป็นผู้รู้เป็นผู้เห็น เป็นผู้เข้าใจขึ้นมา
ภาวนานี้มีประโยชน์หลายอย่าง 1.รักตัวเจ้าของ ต้องภาวนาไม่ให้เป็นคนโง่ พุทโธตัวเดียว เป็นผู้รู้ เป็นผู้ตื่น เป็นผู้เบิกบานเหมือนดอกบัวพ้นน้ำขึ้นมา ถูกแสงอาทิตย์บาน พุทโธตัวเดียวเป็นแสงสว่าง แสงจันทร์แพ้ยับเยินไม่ต้องห่วง แสงของจิตรัศมีของจิตสว่างไสวรู้หมดเห็นหมด ไม่มีห้องมาปิดมาบัง ไม่มีถ้ำภูเขามาปิดมาบัง จิตแสงสว่างมองไปเห็นหมดเลย นี้คือภาวนาพุทโธ รักตัวเอง งานที่รักตัวเองนี้แหละ ในเมื่อรู้ดีแล้วพระพรหมเกิดขึ้นในดวงจิตตามมา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อ่อนน้อม นิ่มนวลตามมาเลยทีเดียว พระธรรมเป็นพระพรหม พระพรหมเป็นพระธรรม ที่ดวงจิตที่ดวงใจของคนเราเพราะฉะนั้นการภาวนานี้วางไว้ซะก่อนอดีต อนาคตก็วางไว้ซะก่อน พอเข้ามายุ่งมาบังหูบังตาบังจิตบังใจ ไม่รู้ธรรมไม่เห็นธรรม เห็นแต่ความหงุดหงิด เห็นแต่ความปวดความเมื่อยในสังขารร่างกาย เห็นแต่อารมณ์หงุดหงิด ๆ คิดถึงคนโน้น คิดถึงคนนี้ ไม่เห็นธรรมดอก ไม่เห็นความขาว เห็นแต่ความมืด เห็นแต่การปวดการเมื่อยทั่วสกลกายกับทุกขเวทนาเกิดขึ้นเท่านั้น ถ้าหากว่าไปเอาอารมณ์อดีต อนาคต มาแทรกซึม แทรกซ้อน
ดังนั้นเอาปัจจุบันเดี๋ยวนี้ ถ้ากระผมดิฉันกำลังเฝ้าพระพุทธเจ้า กำลังเอาพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่จิตของข้าพเจ้า กำลังเอาธรรมพระพุทธเจ้าเข้ามาสู่จิต สู่กายของกระผมของดิฉัน ดิฉันไม่เกี่ยวเรื่องโน้นเรื่องนี้ เวลาเลิกปฏิบัติธรรมไปแล้ว มีเวลาที่จะพูดจะนึกจะคิดเยอะแยะร้อยแปดพันเรื่อง เอาคิดไป เวลาปฏิบัติธรรมนี้ทำจิตให้โปร่งใส โปร่งกว่าสว. โปร่งกว่าสส. ไม่ต้องห่วงเป็นอย่างนั้น ทีนี้สมาธิเวลามันสงบแล้ว พุทโธสมถะนิ่งดิ่งเป็นหนึ่ง เป็นเอกัคตารมณ์ขึ้นมาแล้ว นิมิตเกิดจะไม่เหมือนกัน คนไหนมีบาปหลาย กรรมหลาย ตอแหลคนเก่ง อิจฉาคนเก่ง หาเรื่องคนเก่ง ปลิ้นปล้อนคนเก่ง ผิดศีล ๕ ปาณาติบาตนั้นแหละ พอจิตสงบลงไปแล้ว เห็นแต่ฟันซี่ใหญ่ก็มี เห็นแต่ตาลูกโตเบ้อเร้อก็มี เห็นขาขาดก็มี แขนขาดก็มี ตัวทั้งหมดดำปื๋อก็มี นี้สมาธิสมถะความสงบของผู้ที่ทำกรรมเอาไว้มากเป็นอย่างงั้น ส่วนผู้ที่อยู่ในกรอบศีลกรอบธรรมกรอบสมาธิคำสอนของบุรพาจารย์มาตั้งแต่น้อยมา คุณพ่อคุณแม่นำทำดี นำปฏิบัติดีเข้าวัดชอบศีล ชอบธรรม ปฏิบัติศีล ปฏิบัติธรรม อบรมบ่มนิสัย เป็นลูกพระพุทธ เป็นลูกพระธรรม เป็นลูกพระสงฆ์มาโดยตลอด ทำกรรมน้อย ๆ ทำบาปน้อย ๆ เวลาสมาธิพุทโธสมถะเอกัคตารมณ์เป็นหนึ่งตั้งขึ้น สงบเด่นยิ่งเป็นหนึ่ง ขาวแจ้งสว่างใสแจ๋ว จิตของคนเรานี้ ถ้าโปร่งใสแล้ว ใสคือเพชร ใสคือนิล ใสคือจินดา อัญมณีในตู้โชว์ห้างสรรพสินค้าที่เขาเจียระไนหล่อหลอมสำเร็จรูปมาแล้ว เพื่อโชว์ลูกค้าจะซื้อจะขายใสกว่านั้นด้วยซ้ำ
พวกเราเมื่อก่อนถ้าใครได้ไปกราบหลวงปู่ผาง กราบหลวงปู่ฝั้น โดยเฉพาะหลวงปู่ฝั้นนี้ ผู้ดีเจ้าขุนมูลนาย นำพาผู้คนไปจำนวนมาก ๆ ท่านตบหน้าอกเลย รักษาใจ รักษาใจ รักษาอารมณ์ใจ ตบเป๊ะ ๆ เลยตรงหัวใจตรงหน้าอกนี้แหละ ใจดีเป็นธรรมะ ใจดีเป็นศีล ใจดีเป็นธรรม ใจดีอารมณ์จิตดีเมื่อไร เมื่อนั้นแหละธรรมะเกิด บุญเกิด กุศลเกิด คุณงามความดีเกิด ใจนี้ถ้าสมถะสงบเป็นหนึ่งแล้ว ขาวสว่างใสเลื่อม อันนี้ใสคือเพชรคือนิลคือจินดา หน้าประทับใจใครได้ชมแล้วอยากได้ ราคาเป็น 50 ล้าน 60 ล้าน ก็อยากได้ จิตของเราใสอย่างนั้นแหละ ภาวนาพุทโธ ไหว้พระปฏิบัติธรรม รักษาศีลสวดมนต์ภาวนา คิดถึงบุรพาจารย์ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ รักษาจิต รักษาอารมณ์จิตของเรา ตามพระพุทธเจ้า ตามบุรพาจารย์ ตามพระอรหันต์ ตามครูบาอาจารย์แนะนำสั่งสอนบอกเอาไว้ พวกเราจะเป็นผู้ใสผู้สะอาด โปร่งใสทั้งหมดทั้งกายภายนอก ทั้งกายภายในทั้งอารมณ์จิต ทั้งอารมณ์ใจ ที่หายใจเข้าอยู่ทุกครั้ง ทุกวัน อย่าให้มันเศร้าหมอง อย่าให้มันขุ่นมัว อย่าให้เป็นผู้พ่ายแพ้มารคือกิเลสกรรมวิบาก ถ้าเป็นผู้พ่ายแพ้กิเลสกรรมวิบากแล้ว ทุกข์หลายเด๊ะ ลำบากหลายเด๊ะ นอนตื่นเช้ามาก็ ตาเห็นก็เป็นทุกข์แล้ว หูได้ยินก็เป็นทุกข์แล้ว ว่ากันไม่จบสักที บอกกันไม่จบสักที ไม่เข้าใจสักที ระหว่างพ่อเฒ่ากับแม่เฒ่า ระหว่างพ่อเฒ่ากับลูกหลานไม่เข้าใจกัน ไม่รู้ใจกันนี้คือกองทุกข์ จะวิ่งเข้ามาสู่อารมณ์จิตของพวกเรา เป็นอย่างงั้น กลางคืนน่ะ นอนหลับไม่สนิท นอนไม่อร่อย ละเมอเพ้อแถมฝันร้ายด้วยซ้ำไปโทษผีปู่ผีย่าผีเจ้าที่ผีเจ้าทาง โทษอันนั้นอันนี้ขึ้นมา โวยวายแต่สิ่งที่ไม่เห็นตัว แต่แท้ที่จริงจิตเจ้าของรักษาไม่ได้ ปฏิบัติไม่ได้นั้นเอง ปล่อยไม่เป็นนั้นเอง วางไม่เป็นนั้นเอง ปัญหานี้จึงเกิดขึ้น สับสนอลหม่าน เป็นกิเลส เป็นมาร เป็นกรรม เป็นเวรขึ้นมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้า บุรพาจารย์ หลวงพ่อพุธเรา สอนเราแท้ ๆ ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ บางคนก็มาถามว่าภาวนาพุทโธมันจะได้อะไร ได้บุญ ได้ศีล ได้ธรรม ได้กุศล ครูบาอาจารย์ก็บอกอย่างนี้ สงสัยมันทำไม พระพุทธเจ้าไม่พาคนเสียคน พระพุทธเจ้าไม่พาพุทธบริษัทตกนรกเสียผู้เสียคน ที่มีข่าวเกรียวกราวนั้นคือผู้ที่ปฏิบัติไม่จริงเท่านั้นเอง แฝงเฉย ๆ แอบอ้างเฉย ๆ ถ้าทำตามพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์สุปฏิปันโนแล้วไม่เสียผู้ไม่เสียคนซักคน พระสงฆ์องค์สามเณร นางภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่มีเสียผู้เสียคน นำผู้ปฏิบัติไปสู่เมืองสวรรค์ ไปสู่เมืองพระนิพพาน ถ้าไม่ได้ถึงโน้น เกิดใหม่ก็ให้เป็นมนุษย์ที่ดี หูดี ตาดี ร่างกายดี หุ่นดี ทรัพย์สินเครื่องอำนวยในครอบครัวอุดมสมบูรณ์ หรือเรียกว่ามนุษยสมบัตินั้นเอง ท่านสอนอย่างนี้ ในปัจจุบันนี้ให้มันทุกข์น้อย ๆ ให้มันมีความสุขมากกว่าความทุกข์ จึงจะมีคุณภาพในชีวิตการเป็นอยู่ การเกิดมาของพวกเราแต่ละยุคแต่ละชาติ ๆ ถ้ายังไม่ไปพระนิพพาน หรือยังไม่ถึงสวรรค์ เกิดใหม่ก็เป็นผู้ดี เครื่องอำนวยในครอบครัวสมบูรณ์ ให้มันดีขึ้นกว่าเดิม อย่ามาบ่นอ๋อย ๆ อันนี้ก็ไม่มี ขี้ตระหนี่อ้อมตัวเรา รอบตัว อย่ามาบ่นเรื่องนี้เป็นอย่างงั้น พระพุทธเจ้าก็ดี พระบุรพาจารย์ก็ดี พระอรหันต์ก็ดี มีแต่นำมีแต่สอนการปฏิบัติวางวาระจิตให้ดีให้งาม จิตจึงจะเป็นผู้มีนิสัยดี อุปนิสัยดี นิสัยตามพระพุทธเจ้า นิสัยตามพระอรหันต์ อุปนิสัยเข้าใกล้วัดใกล้วา เข้ากับพระอรหันต์ เข้ากับพระพุทธเจ้า ให้เป็นผู้มีนิสัยอุปนิสัยดีงาม น่ารัก ไปงานใดอยู่ที่ใดอยู่กับบ้าน เป็นบุคคลน่ารักของสังคม เป็นบุคคลน่ารักของพ่อแม่พี่น้อง เป็นบุคคลน่ารักของคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย ไปไหนงานอะไรเขาก็อยากเรียนเชิญ ขอเชิญไปร่วมงานพิธีเถอะ คนดีไปเป็นเกียรติประทับใจ นี้คือนิสัยหรืออุปนิสัยดี เป็นนิสัยพระพุทธเจ้า นิสัยบุรพาจารย์ พระอรหันต์
ดังนั้นพวกเราทั้งหลายได้มาน้อมรำลึกถึงคุณงามความดี จัดงานรำลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วันที่ 14 15 16 พรุ่งนี้อีก 1 วัน เป็นงานดี๊ดี เสียสละทั้งผู้มีศรัทธานุ่งขาวห่มขาว ทั้งผู้ชุดธรรมดาแต่มีศรัทธามาปฏิบัติได้ ฟังธรรมะครูบาอาจารย์ “สุสสูสัง ลภเต ปัญญัง” ฟังด้วยดี ย่อมมีธรรมะ มีปัญญา ถ้าคนไม่ฟังธรรมะ ปัญญาก็ไม่เกิด จิตก็ไม่ฉลาด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องดี ครูบาอาจารย์องค์นั้นเทศน์จำเอา ครูบาอาจารย์องค์นี้เทศน์จำเอา อย่าไปโยนทิ้ง อย่างนี้ก็คุณภาพน้อย ให้มีคุณภาพมาก ๆ เยอะ ๆ น่าอนุโมทนา น่าสาธุการกับนักปฏิบัติธรรมบรรดาศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อพุธ พี่น้องชาวโคราชทั้งหมดที่กล้าหาญชาญชัยเป็นคนดี ไม่ลืมพ่อไม่ลืมแม่ ไม่ลืมพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ลืมบุรพาจารย์ ไม่ลืมหลวงพ่อพุธเรา ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญกุศลอย่างนี้แหละเป็นงานที่ดี ที่ถูกต้อง หลวงพ่อเพิ่มนำทำ หลวงพ่อจันทร์แรมนั่งเป็นประมุขประธาน เราได้ฟังธรรมะจากหลวงพ่อคำพองในภาคบ่าย ดี ๆ ทั้งนั้นเลย
ก่อนจะจบวันนี้ หลวงพ่อสมานฝากคำสุดท้ายว่า จะอยู่วัดก็ให้พากันภาวนา มีสติมีสัมปชัญญะกลับไปบ้านทำงานอะไร ก็ขอให้มีสติมีสัมปชัญญะ ก่อนจะนอน ตื่นนอน ก็ให้ไหว้พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นธรรมขึ้นมาทั้งกายทั้งจิตใจ เมื่อพวกเราทั้งหลายได้ปฏิบัติสำนึกเห็นแล้ว จิตของพวกเราเป็นข้อปฏิบัติสมบูรณ์ อานิสงส์ผลต่อมาก็คือความสุขความเจริญ มรรคก็จะเกิดขึ้นที่ตรงนี้ ผลก็จะเกิดขึ้นที่ตรงนี้ นิพพานก็จะเกิดขึ้นตรงนี้ พบความสุขแบบบรมสุขตามพระพุทธเจ้าด้วยกันทุกวัตรปฏิบัติ ขอจบการให้ธรรมะอบรมจิตตภาวนาวันนี้ เวลานี้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้
|