Friday, 20 June 2014 06:17 |
เมื่อเกิดปัญหาในชีวิตอย่าคิดสั้น หนูเป็นคนที่ศรัทธาในศาสนาพุทธมาก พอเห็นคนไทยไปนับถือศาสนาอื่นมองว่าเขาไม่รักในพระพุทธศาสนาของเราเลย แต่ตัวหนูเองก็ไม่ค่อยปฏิบัติสักเท่าไหร่นัก วันแรกที่หนูจะมาหนูรู้สึกขี้เกียจไม่ค่อยอยากจะมา แต่พอมาถึงหนูชอบมาก ๆ เพราะที่วัดดูสงบดี เพราะหนูเป็นคนรักสงบ เวลาหนูสวดมนต์นั่งสมาธิ หนูไม่เคยขยับตัวเลย ตอนสวดมนต์พระท่านให้นั่งท่าเทพธิดา หนูก็นั่งอยู่อย่างนั้น จนกว่าพระท่านจะบอกให้เปลี่ยน ตอนนั่งสมาธิมีหลายครั้งที่หนูลืมตาขึ้นมาตอนพระท่านกำลังเทศน์ให้ฟัง หนูเห็นท่านนั่งนิ่งมากไม่รู้สึกเมื่อย หนูก็คิดว่าพระท่านยังนั่งได้ทำไมหนูจะนั่งไม่ได้ หนูก็นั่งต่อไปจนกว่าวิทยากรจะบอกให้ถอนจิต หนูไม่เคยเป็นแชมป์ในการนั่งสมาธิเลย ตอนแรกจุดมุ่งหมายของหนูคือการอยากได้รางวัล แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าเราทำแบบนั้นคงไม่ดีหรอก ก่อนหนูจะมาวัดนี้ตอนจะจบ ม.3 หนูติด ร. แล้วกลัวจะเรียนไม่จบ หนูเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้งรู้สึกกดดันมาก แต่หนูเคยอ่านหนังสือมาเขาบอกว่าถ้าเราฆ่าตัวตายจะเป็นบาปมาก จะต้องเจอวิบากกรรม 500 ชาติ ต้องชดใช้กรรมไม่รู้เมื่อไรจะได้เกิดมาเป็นคนอีก หนูก็เลยไม่ทำ ถ้ามีคนได้อ่านเรื่องของหนูอยากฝากทุกคนที่มีชีวิตเป็นแบบหนูว่า คิดก่อนทำ เราต้องเดินเข้าหาผู้ใหญ่ไปพูดกับเขาตรง ๆ ไม่มีใครเขาไม่ให้โอกาสเราหรอก หันหน้าเข้าสู้กับมัน คิดเสียว่ามันเป็นกรรมของเราให้ก้มหน้าชดใช้มันแล้วมันจะผ่านเรื่องร้าย ๆ ไปได้เอง
นางสาวทัศนีย์ ประชุมทอง โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม ชั้น ม.4/5 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557 บาปที่ไม่เคยลืม
หนูเคยทำให้แม่หนูต้องเสียใจเพราะหนูหลายครั้ง เคยทำให้แม่ต้องเสียน้ำตา หนูยอมรับว่าหนูเป็นเด็กเกเรไม่ตั้งใจเรียน หนีเรียนบ้าง โดดเรียนบ้าง แต่บาปครั้งนั้นมันเป็นบาปอันมหันต์นัก หนูทำผิดแล้วทำผิดอีก จนแม่ต้องเด็ดดอกไม้มากราบเท้าหนู เพื่อขอร้องให้หนูเลิกทำตัวอย่างนี้ซะทีบาป ครั้งนั้นทำให้หนูจดจำมันได้ติดตาและไม่อาจลบล้างความผิดนั้นได้ และหนูได้มาที่วัดวะภูแก้วมาเพื่อจะแก้ไขบาปนั้นให้มันเจือจางลงไปบ้าง หลังจากที่หนูกลับไปหนูจะเป็นคนดีตามที่แม่ฝันหนูไม่เคยคิดเลยว่าหนูจะได้มาที่วัดวะภูแก้วอีก ตลอดเวลาหนูคิดแต่อยากเอาชนะจนไม่คิดว่าคนที่คอยดูวันที่เราสำเร็จจะเป็นยังไงจะสุขหรือทุกข์ไม่เคยสนใจ มีแต่คิดว่าวันนี้จะไปไหน ไปทำอะไร ไม่เคยถามคนคนนั้นว่า แม่จ๋าแม่เหนื่อยไหมเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้หนูมีโอกาสแล้ว หนูจะทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าบาปนั้นมันไม่เจือจางลงไปก็ตามหนูจะทำดีต่อไปเพื่อคนข้างหลังที่รอเราอยู่ นางสาวศศิวิมล สีเหลื่อม โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม ชั้น ม.4/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557 กรรมที่ทำกับแม่
การที่ผมได้มาเข้าค่ายอบรมธรรมะครั้งนี้ ทำให้ผมได้ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นบาป บุญ และบุญคุณของ พ่อ, แม่, ยาย ที่มีต่อผม ผมได้รู้ว่า บาป บุญ กรรมเวรมีจริง พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาที่เป็นสากล เป็นกฎธรรมชาติ (ถ้าผมมีโอกาส จะแนะนำผู้คนให้มาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้) ก่อนนี้ผมเคยมาตอน ม.1 ไม่ได้อะไรเลย เพราะว่าตนเองไม่ตั้งใจ ไม่อดทน แต่ชอบในการสวดมนต์มาก เพราะสงบ และสนุก
ทุกวันที่สวดมนต์จะนอนหลับสบาย ไม่ฝันร้ายเหมือนวันที่ไม่สวด วันหนึ่งที่วัดนี้ ผมได้ลื่นล้มที่ห้องน้ำ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคนอื่น ก็เพราะว่าผมเคยทำบาปที่เคยหัวเราะแม่ที่ลื่นล้มมาก่อนในงานศพ หลายครั้งที่ผมพูด อาจมีคนไม่สนใจ เพราะผมเคยดูถูกแม่ว่าพูดมาก พูดดัง พูดไม่เข้ากับคนอื่น นี่ก็คงเป็นเวรกรรมที่มันสะท้อนกลับมาใส่ตัวผม
ผมอยากขอบคุณวัดวะภูแก้ว วิทยากร ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม คุณครูทั้ง 3 ที่ให้ความรู้อบรมมาตลอด ผมว่าความรู้เหล่านี้ ทำให้ผมคิดได้ กล้าให้อภัย กล้าที่จะไม่โกรธ และกล้าที่จะทำความดี กล้าที่จะทำทานเล็ก ๆ น้อย ๆ กับสัตว์ต่าง ๆ กลัวที่จะฆ่าสัตว์ แม้กระทั่งแมลงตัวเล็ก และรู้พระคุณของพ่อแม่มากขึ้น
ทำให้ผมทำสมาธิเป็น และเข้าถึงสมาธิในยกสุดท้าย สมาธิมีความสงบมาก รู้สึกตัวเบาเหมือนจิตว่าง ผมมีวิธีทำสมาธิ คือ ท่องคำบริกรรมถี่ ๆ ไม่ขยับกาย, ขา เพราะจะทำให้จิตเราไปอยู่ที่ขา ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และเราก็จะนิ่งเอง
สุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอบคุณ ดร. และวิทยากรทุกท่าน ผมคิดว่า ดร. คือแม่พระคนหนึ่งเลย ผมสัญญาว่าผมจะรักในธรรม จะปฏิบัติตนเป็นคนดี และทำประโยชน์ให้สังคม ประเทศชาติเท่าที่จะทำได้
นายอัครเดช ยวกไธสง โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม ชั้น ม.4/7 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557
รางวัลสำคัญไฉน กระผมเคยมาวัดวะภูแก้ว แล้วในตอน ชั้น ม.1 ตอนกระผมมาปฏิบัติอยู่ 3 วัน 2 คืน ในการอบรมครั้งนั้นทำด้วยความไม่ตั้งใจ ทำเล่น ๆ ซึ่งที่จริงนั้น ในเวลา 3 วัน 2 คืนนั้น มีแต่บุญและประโยชน์ นั่งสมาธิ ผมก็นั่งหลับ สวดมนต์ก็สวดพอให้เสร็จ คิดแต่จะกลับบ้าน แต่การมาวัดวะภูแก้วในครั้งนี้ ก็มาปฏิบัติเฉย ๆ และไม่อยากมา วันแรกที่ครูให้นั่งสมาธิแล้วบอกว่า ในแต่ละยกจะมีแชมป์นั่งสมาธิและใครเป็นแชมป์จะได้รับรางวัล ผมก็ได้นั่งเพื่อชิงรางวัล ในวันแรกผมคิดแบบนี้ แต่พอมาวันที่สองผมก็เลยคิดว่า นั่งทำไม นั่งเพื่ออะไร นั่งเพื่อชิงรางวัลอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ ในเมื่อคุณครูสอนว่า สมาธิคือ การฝึกจิต ฝึกความอดทน แล้วคุณครูได้สอนว่า สมาธิ คือ รางวัล หรือ ผมถามตัวเอง แล้วผมก็เริ่มคิด จนผมคิดได้ว่าการนั่งสมาธิเพื่อฝึกจิตใจให้สงบ เพื่อความอดทน และเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
ผมก็ต้องขอขอบคุณศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดวะภูแก้วที่สอนให้ผมรู้ว่า การนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบ จากที่ผมเป็นคนใจร้อนสมาธิสั้น แต่ในการฝึกสมาธิ ในครั้งนี้ ก็ทำให้ผมสงบมากยิ่งขึ้น สมาธินั้นสามารถเปลี่ยนได้ สมาธิไม่ใช่ทำเพื่อรางวัลอย่างเดียวเท่านั้น
นายอนุวัติ ชัยรินทร์ โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม ชั้น ม.4/10 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
การอบรมครั้งนี้ ทำให้หนูได้รู้ว่า “ชีวิตคนเรา ความแน่นอนที่สุด คือความไม่แน่นอน” ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะใช้ชีวิตอย่างไร รู้แค่ว่าเราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ
ถ้าเราตั้งใจที่จะทำอะไรแล้ว ขอแค่เราลงมือทำและคิดว่าเราทำได้ มันก็จะเป็นแรงผลักดันให้เรามีกำลังที่จะทำและประสพผลสำเร็จในที่สุด
นางสาวสุรีพร จัดงูเหลือม โรงเรียนหนองกี่พิทยาคม ชั้น ม.4/3 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2557
|
Last Updated on Friday, 20 June 2014 08:03 |