Monday, 05 August 2013 03:23 |
รักพ่อแม่จับใจ จากการที่หนูได้ปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ทำให้ได้อะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนที่ท่านคณะวิทยากรได้บอกว่า “มามืดไปสว่าง” หนูเชื่อในคำนี้แล้ว เพราะหนูเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไร ครอบครัวของหนู คุณพ่อและคุณแม่ชอบทะเลาะกันมาก เวลาท่านทะเลาะกัน หนูจะอยู่ฟังจะรีบเข้าห้องไม่พูดกับท่านทั้งสอง เวลาท่านเรียกหนูก็จะตะคอกใส่ บางครั้งคุณแม่ถึงกับนั่งร้องไห้ หนูรู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ แต่หนูไม่รู้ว่าจะขอโทษท่านอย่างไร นับวันหนูยิ่งมีพฤติกรรมไม่ดีมากขึ้น จนแม่เริ่มทนไม่ได้ ต้องด่าหนูอย่างรุนแรง หนูโกรธท่านมาก ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า ไม่กินข้าว ท่านถึงกับป่วย เพราะคุณแม่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ส่วนพ่อเป็นโรคประสาท ท่านทั้งสองจะต้องรับประทานยาตลอดเวลา วันนั้นคุณแม่ป่วยอย่างหนักถึงกับลุกไม่ได้ หนูสงสารแม่มาก ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่คอยดูแลท่าน ทายาและอาหารให้ท่าน และยังต้องดูคุณพ่อ เพราะถ้ามีสิ่งที่มากระทบใจท่านเล็กน้อยจะปวดหัวและเริ่มออกอาการจึงต้องดูแลท่านให้กินยาตรงเวลา หนูรู้สึกรักคุณพ่อคุณแม่ขึ้นมาจับใจ มองเห็นบุญคุณของคุณพ่อคุณแม่ที่ทำงานอย่างหนักเพื่อส่งให้หนูและพี่ได้เรียนหนังสือจนท่านได้ล้มป่วย พระคุณของท่านนั้นมากมายมากแต่หนูไม่เคยสัมผัสได้เลย รู้แค่เพียงว่าหนูมีความสุข แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ลำบากแค่ไหน รู้สึกถึงความรักของพ่อแม่ รักมาก กลับไปบ้านหนูจะไปกราบคุณพ่อคุณแม่และขอให้ท่านได้อโหสิกรรมในสิ่งที่หนูได้ล่วงเกินท่านทั้งทางกาย วาจา และใจนางสาวนันทพร อินทร์สูงเนิน โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ม.4/2 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 ประสบการณ์ การปฏิบัติธรรม หนูได้มาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว ทำให้หนูรู้ว่าความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่ บุญคุณพ่อแม่ยิ่งใหญ่ ทำให้รู้ว่าการที่หนูเถียงพ่อแม่มันบาป เวลาที่หนูขออะไรแล้วพ่อกับแม่ไม่ให้หนูก็จะบอกว่า เพื่อนเขามีกันหมด ไม่มีแต่หนูพ่อกับแม่ก็บอกว่า เรามันฐานะยากจนจะไปเอาอย่างเขาได้อย่างไร แม่จะชอบพูดว่า “อย่าเห็นช้างขี้ขี้ตามช้าง เพราะเรามันขี้กองไม่เท่ากัน” เวลาที่พ่อกินเหล้ามา หนูก็จะชอบบ่นว่าจะกินอะไรหนักหนา เอาเงินที่กินเหล้ามาซื้อขนมให้หนูจะดีกว่า แล้วพ่อก็บอกกินแก้เหนื่อยเท่านั้นเองลูก กินแค่นี้หรือกินทุกวัน ๆ ละ 20-40 บาท หนูจะชอบเถียงพ่อทุกครั้งที่พ่อกลับมา ต่อไปนี้หนูจะเลิกบ่นอีกแล้ว เพราะการที่หนูได้มาเข้าค่ายที่ทำให้หนูได้รู้ว่าพ่อแม่รักและยอมทำเพื่อเราได้ทุกอย่าง วันนี้ได้ดูหนังเรื่อง “บันทึกแม่” ซึ่งเป็นเรื่องราวของพ่อที่ขับรถบรรทุกส่งเงินให้ลูกเรียน หนูคิดถึงพ่อ เพราะพ่อก็ขับรถส่งหนูเรียนเหมือนกัน ทำให้หนูรู้ว่าเงินที่พ่อหามาให้หนูคงต้องทำให้พ่อลำบากมากค่ะ
นางสาวพรพิมล ตาปะสี ชั้น ม.4/4 โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม 9 กรกฎาคม พ.ศ.2556 ตามรอยพ่อ ฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใน อ.ห้วยแถลง ครอบครัวของดิฉันต่างดิ้นรนเพื่อความก้าวหน้าของชีวิต จากคนยากจนที่ไม่มีอะไรเลยมาเป็นครอบครัวที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ พ่อเป็นคนดีมาก ถึงแม้ท่านจะจน แต่ท่านก็รับอาสาเลี้ยงพ่อแม่พี่ชายที่พิการที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และน้องชายที่ต้องการใช้เงินในการเรียนหนังสือมาก พ่อสอนฉันให้ทำทานและนั่งสมาธิ ทำให้ฉันมีความรู้มาก มีสติ สัมปชัญญะ ฉันถามพ่อว่าทำไมจะต้องทำอะไรมากอย่างนี้ พ่อว่ามันเป็นกุศล ผลบุญอันสูงสุด ตอนแรกดิฉันไม่เชื่อ แต่พอมาเข้าอบรมที่วัดวะภูแก้วแล้ว 5 วัน ทำให้ฉันรู้ว่าพ่อแม่มีพระคุณต่อเรามากมายมหาศาล เมื่อฉันกลับไปฉันจะปฏิบัติเหมือนพ่อของดิฉันทุกประการ ก็อยากสวดมนต์ แผ่เมตตา เดินจงกรม และที่สำคัญ การนั่งสมาธิ ทำให้จิตใจสงบ บริสุทธิ์ เมื่อดิฉันประสบความสำเร็จในชีวิต ดิฉันจะไม่มีวันลืมเลยว่าวัดวะภูแก้ว เป็นสถานที่นำแสงสว่างแห่งธรรม ให้ข้อคิดและคติเตือนใจมากมายหลายอย่างนางสาวสุณิสา วงศ์คำ โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/2 9 กรกฎาคม พ.ศ.2556 พ่อแม่เหนื่อยเพื่อหนู จากการที่หนูมาเข้าค่ายครั้งนี้ ทำให้หนูได้มองย้อนกลับมาดูตัวเองในสิ่งที่ทำเคยทำต่อบิดามารดา และผู้มีพระคุณของหนู
แม่ของหนูขายอาหารตามสั่ง ทุกเช้าแม่จะไปซื้อของที่ตลาดระยะทาง 9 กิโล กลับมาแม่ต้องเตรียมของ พอหนูจะช่วยแม่ก็บอกไม่ต้องช่วยหรอก แม่บอกว่าไปอาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียนดีกว่าเดี๋ยวแม่ทำเอง หนูถามแม่ว่าทำไมแม่ไม่ให้ช่วย แม่ตอบหนูว่า เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ถ้าอยากช่วยแม่ขอให้ตั้งใจเรียนดีกว่า ตอนเย็นเลิกเรียนหนูลงจากรถรับส่ง ซึ่งจะมาจอดที่หน้าร้านของแม่ เห็นแม่ยืนทำอาหารให้ลูกค้าอยู่ แม่มีความอดทนมาก หนูเห็นจานข้าวซึ่งแม่ทำไว้ตั้งแต่เที่ยงแต่แม่ยังไม่ได้กินเลย หนูกลับมาบ้านทำงานบ้าน จนถึงเวลาประมาณ 17.00 น. แม่กับพ่อก็ยังไม่กลับบ้าน หนูกับน้องจึงไปดู ภาพที่เห็นทำให้หนูน้ำตาจะไหล คือ แม่ของหนูยังทำอาหารขายอยู่ พอแม่กลับบ้านหนูถามแม่ว่าแม่ขายอย่างนี้แม่มีกำไรไหม หนูเห็นแม่ขายตลอดเลย แม่ตอบว่าถ้าไม่ขายแล้วจะเอาเงินที่ไหนส่งให้หนูเรียน พ่อกับแม่จะกลับบ้านประมาณ 21.00 น. ทุกวัน พอถึงบ้านพ่อก็อาบน้ำนอน เราไม่ค่อยได้คุยกัน พอถึงวันแม่หนูไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หนูไม่กล้ากราบแม่กับพ่อ แต่หนูจะทำอย่างอื่นตอบแทน เช่น การทำงานบ้านต่าง ๆ ตามความถนัดของหนู
ในชีวิตของหนูใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก แต่ต่อจากนี้หนูคงไม่กล้าแล้วเพราะเท่าที่เห็นแม่ต้องลำบากทำงาน แม่ต้องอดข้าวกลางวัน แต่หนูกินอย่างสบายใจ หนูนั่งเรียนแต่แม่ต้องยืนขายของตลอดทั้งวัน หนูเข้าใจแล้วว่ามันเป็นอย่างไรและหนูต้องขอโทษในสิ่งที่ทำ หนูอยากให้เพื่อน ๆ ลองย้อนดูตัวเองนะคะ ขนาดแม่ของหนูเป็นแม่ค้าขายอาหารตามสั่งหนูยังไม่อายเลย แล้วเพื่อน ๆ บางคนที่พ่อแม่มียศฐาบรรดาศักดิ์เคยให้ความสำคัญกับท่านหรือเปล่า
นางสาวชลธิชา ฉาบสูงเนิน โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/7 วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2556
แก้ไขที่ตัวเอง ก่อนที่ดิฉันจะได้มาที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเกี่ยวกับการทำงาน รู้สึกว่าทำแล้วมันวุ่นวาย งานเยอะไปหมดและมีสังคมในที่ทำงานที่หลากหลาย จนบางครั้งกลับที่พักก็จะนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวบ่อยครั้ง จนกระทั่งล่าสุด ดิฉันถูกคนในที่ทำงานพูดจาส่อเสียดจนดิฉันต้องหนีกลับที่พักและคิดในใจว่า ดิฉันจะไม่ทำงานที่นี้แล้ว ดิฉันหวังว่าจะกลับบ้านในตอนเย็นวันนี้ เมื่อเรื่องที่ดิฉันหนีกลับรู้ถึงผู้จัดการ ผู้จัดการจึงเรียกกลับมาทำงาน และบริษัทมีนโยบายให้พนักงานมาเข้าค่ายอบรมพัฒนาจิตใจ ดิฉันจึงยินดีเป็นอย่างมาก พอได้มาถึงได้เห็นน้อง ๆ จึงทำให้เรานึกถึงสมัยตอนเรียนหนังสือ ซึ่งดิฉัน พึ่งเรียนจบในระดับปริญญาตรีและพึ่งเรียนจบในระดับปริญญาตรีและพึ่งเข้าทำงานได้ไม่กี่เดือน และได้ฟังธรรมที่ท่านวิทยากรได้เล่าให้ฟังมากมายพร้อมกับน้อง ๆ ทำให้ดิฉันคิดว่าดิฉันหลงลืมสิ่งสำคัญหลายอย่างในการใช้ชีวิต ทั้งหลักธรรมที่ดิฉันน่าจะใช้ในตอนเกิดปัญหาที่ทำงานคือ อริยสัจ 4 ทำให้เราคิดได้ว่า ความคิดมากของเราเองมันคือทุกข์ เราต้องหาสาเหตุและหาทางดับทุกข์นั่นเอง ไม่ใช่การหนีปัญหาอย่างที่ดิฉันได้ทำไป และดิฉันจะต้องมีความอดทน อดกลั้นให้มากกว่านี้ จะต้องมีสติในการทำงานมากขึ้น และดิฉันคิดได้ว่าที่ทำงานเยอะเพราะดิฉันทำให้มันวุ่นวายเอง เพราะขาดสติในการทำงาน ดิฉันจะกลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ทำงานอย่างมีสติต่อไป
นางสาวกมลรัตน์ ทศสูงเนิน บริษัท เขาใหญ่ การ์เด้น ลอคจ์ จำกัด วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ.2556
|
Last Updated on Friday, 04 October 2013 03:06 |