Tuesday, 16 July 2013 02:45 |
รำคาญเพื่อนช่างคุย วันแรกที่ปฏิบัติสมาธิ ผมไม่ค่อยมีสมาธิเลย เพราะเพื่อนคุยกันเสียงดังมาก ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก พอเข้าวันที่ 4 ก็รู้สึกว่าตนเองมีสมาธิมากขึ้น แต่เพื่อนๆ นั้น เขาก็ยังคุยกันเสียงดังเหมือนเคย ผมรู้สึกรำคาญมาก ถ้าเป็นไปได้ผมอยากมาปฏิบัติธรรมแบบเงียบสงบ ไม่มีเสียงคุยรบกวนกัน ผมรู้สึกไม่ชอบเลยที่มีคนคุยกันเสียงดัง คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักเคารพสถานที่ ไม่เคารพผู้อื่น แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือไม่ต้องไปสนใจ เราอยู่ส่วนเรา และทำให้ดีที่สุด สัญญาใจของ นายจักรกฤษณ์ ขำอุปถัมภ์ โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น/ห้อง ม.5/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2556
เก็บบุญให้เต็มที่ จากความรู้สึกวันแรกที่ได้มาวัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าอยากกลับบ้านมาก คิดว่าการเข้าค่ายธรรมะมันน่าเบื่อมาก คิดว่าการเข้าค่ายธรรมะมันน่าเบื่อมาก ความรู้สึกของข้าพเจ้าเริ่มเปลี่ยนไปทุกๆ วัน พอถึงวันที่ 3 ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกไม่อยากกลับเพราะว่า การที่เราจะได้มีโอกาสมาทำบุญแบบนี้มันยากและลำบากมาก ได้มาทั้งที่ต้องมาให้เต็มที่ เก็บบุญเยอะ ๆ ข้าพเจ้าไม่เคยติดสมาธิมาก่อน พอทำได้ทำให้ข้าพเจ้าอยากนั่งต่ออีกทุกวัน วันนี้ข้าพเจ้าจะต้องกลับบ้านแล้ว อยากบอกความรู้สึกว่า ไม่อยากกลับอยากอยู่ต่อ อยากทำบุญ อยากได้บุญเพิ่ม พอข้าพเจ้าขึ้น ม.6 ก็คงไม่มีโอกาสมาที่นี่อีก แต่ข้าพเจ้าจะเอาความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับจากที่นี้ไปใช้ทั้งหมดค่ะ
สัญญาใจของ น.ส.ทอฝัน จำรัสไก โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น/ห้อง ม.5/3 เขียนไว้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2556
ขอบคุณคุณครู
ผมมาครั้งนี้ ผมมีความสำนึกผิดที่เคยทำให้แม่ร้องไห้ แล้วผมจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่ขอโทษพ่อแม่คุณครูที่นี่สอนดีมาก ทำให้ผมสำนึกผิดได้ แล้วผมจะให้สัญญากับพ่อแม่ว่าผมจะเป็นเด็กดีไม่เกเรไม่ดื้อ ไม่ซนจะตั้งใจเรียนหนังสือ แล้วถ้าพ่อแม่ป่วยไข้ผมจะคอยเฝ้าดูแลท่าน ขอบคุณครูที่ช่วยบอกช่วยสอนผมให้สำนึกผิดได้ ครูที่นี่มีแต่คนที่เก่ง ๆ ทั้งนั้นเลย ด.ช.ชนาเทพ จันทร์หนองแวง โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น/ห้อง ม.1/6 เขียนไว้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2556
เคล็ดลับเด็ด เกรดจึงดีขึ้น ดิฉันภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสมาทำบุญ มาเข้าค่ายธรรมะที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเรียน ดิฉันเคยมาที่นี่แล้ว ตอนอยู่ ม.2 แต่ก่อน ตอน ม.1 – ม.2 ดิฉันเป็นคนที่โง่มากแล้วก็ไม่ตั้งใจเรียน พอดิฉันได้มาที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ดิฉันได้จำเคล็ดลับเรียนเก่งไปปฏิบัติอยู่ที่บ้าน ปรากฏว่ามันได้ผลดีจริง ๆ ตอน ม.1 เกรดเฉลี่ยของดิฉันได้แค่ 2.56 พอ ม.2 ดิฉันได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว ดิฉันได้เกรดเฉลี่ย 2.96 ม.3 ก็เริ่มดีขึ้นได้ เกรดเฉลี่ย 3.28 ทำให้พ่อและแม่ตกใจมาก ที่ฉันทำได้อย่างที่พ่อแม่ตั้งใจไว้ ดิฉันจึงบอกพ่อและแม่ว่า ตอนมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว อาจารย์ได้สอนเคล็ดลับเรียนเก่งมา พ่อและแม่จึงบอกกับดิฉันว่า ดีแล้วล่ะลูก ทำดีเข้าไว้ เผื่อวันใดที่ไม่มีพ่อและแม่จะได้มีวิชาไว้เลี้ยงตน ที่พ่อและแม่ตกใจที่ฉันได้เกรดเฉลี่ย 3.28 เป็นเพราะว่า ตั้งแต่ดิฉันเรียนมาดิฉันไม่เคยได้เกรดเฉลี่ยถึง 3 สักครั้งเดียวเลย
น.ส.บุปผา มิตรสันเทียะ โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น ม.4/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556
บอกรักแม่ด้วยการทำดี
ก่อนที่จะมาอบรมค่ายวะภูแก้ว ข้าพเจ้าลูกที่ขึ้นชื่อว่า แย่มากคนหนึ่ง แย่ถึงขนาดคิดถึงทีไรก็นึกในใจเสมอว่า “แกทำลงไปได้ไง” เรื่องมันมีอยู่ว่าข้าพเจ้าเป็นคนเอาแต่ใจ เวลาไม่ได้อะไรดังใจ หรือแม่ทำอะไรไม่ได้ดังใจ สิ่งแรกที่ทำคือไม่พูดกับแม่ แม่พูดด้วยก็ทำเป็นเหมือนว่า แม่ไม่มีตัวตนขนาดพ่อที่อยู่ห่างกัน ข้าพเจ้าก็ยังทำให้ท่านเสียใจ แค่เรื่องที่พ่อผิดนัดส่งเงินมาให้ข้าพเจ้าเลี้ยงวันเกิด ข้าพเจ้าโกรธจนไม่อยากคุยกับพ่อ แค่เรื่องนิดเดียวแค่นั้นทำให้ความสัมพันธ์ของข้าพเจ้ากับพ่อไม่ค่อยดีนักถึงเกือบ 3 อาทิตย์ จนข้าพเจ้าได้มาเข้าค่ายธรรมะที่วัดวะภูแก้ว
ในคืนที่ 4 สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเลยก็เกิดขึ้น เมื่ออาจารย์ให้นึกถึงคุณของพ่อแม่ สิ่งแรกที่เข้ามาในสมองและจิตของข้าพเจ้าคือ บาปทั้งหมดที่ข้าพเจ้ากระทำไว้กับ “บุพการี” ของข้าพเจ้า พอนึกแล้ว น้ำตาก็ไหล ออกมาโดยไม่รู้ตัวไหลไม่หยุด หากกลับไปถึงบ้าน ถ้าข้าพเจ้าจะก้มลงกราบขอขมาข้าพเจ้าคงรู้สึกเขิน เพราะไม่เคยทำมาก่อน ข้าพเจ้าขอบอกรักพ่อแม่โดยการทำตัวใหม่ เลิกละสิ่งที่ทำให้ท่านเสียใจ และหากวันที่ใจกล้ามากพอก็จะเดินไปบอกแม่ด้วยตัวอย่างว่า หนูรักแม่ และขอบพระคุณคณะครูและวิทยากรทุกท่านที่ทำให้สำนึกของลูกที่ดีบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณจากใจจริง ๆ
น.ส.เพ็ญอักษร หมื่นพรมไพร โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม เขียนไว้ ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ชนะแล้ว!
ผมเคยมาอบรมที่วัดวะภูแก้วเมื่อปีที่แล้วครั้งหนึ่ง พอกลับไปผมเปลี่ยนแปลงไปนิดหนึ่ง จากที่ไม่ตั้งใจเรียน (แต่ถึงจะไม่ติด ร) ไม่ส่งงานอาจารย์ ก็สนใจทำการบ้านมากกว่าเมื่อก่อน จนทำให้ผมรู้สึกดีมาก พ่อแม่ก็พอใจ
แต่ก่อนไปผมติดเพื่อนมาก ห่วงเล่นมากกว่าเรียน แต่เมื่อผมรู้เลยว่าพ่อแม่ หวังมากกับผลการสอบ พ่อบอกเลยว่าต้องติด มันจึงทำให้ผมกดดัน แล้วยังมีคนดูถูกว่ายังไงผมก็ไม่มีทางสอบติดทำให้ผมกดดันเป็น 2 เท่า แต่เมื่อผมคิดว่า ถ้าผมตั้งใจแล้วมันไม่ได้ เราทำเต็มที่แล้ว ผมคิดว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างนั้น คือ ทำใจยอมรับผล เมื่อเข้าไปเรียนและติวเพื่อสอบ ผมลองใช้วิธีเรียนที่ได้จากวัดวะภูแก้ว คือ ชอบจดจดจ้อง ผมเอาไปใช้ในการติวในครั้งนี้ ทำให้ผมเข้าใจเร็วขึ้น ถึงผลออกมามันไม่ผ่าน แต่ความรู้ในการติวผมก็มีติดตัวมากขึ้น เมื่อเรียน ม.5 ก็เข้าใจในเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจ ผมตัดสินใจว่า ถ้าผมสอบไม่ติดจะเรียเป็นวิศวะ ในมหาวิทยาลัยเอกชน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้เรียนไหม คงจะได้ส่งตัวเองเรียนแน่ เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งแน่ ต้องใช้หนี้ที่มีเกือบ 8 แสน แต่ตั้งแต่รู้ว่าอาจารย์มาอบรมที่วัดอีก ก็ดีใจมาก เพราะมาครั้งนี้ 5 วัน เหมือนใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว มันสนุกและได้ความรู้ ได้ความท้าทาย ว่าเราสามารถชนะตัวเองได้ในที่สุดผมก็ชนะตัวเองได้ครับ
นายธนัฐชัย ขอขุนทด โรงเรียนบำเหน็จณรงค์วิทยาคม ชั้น ม.5/1 ณ วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556
|
Last Updated on Friday, 04 October 2013 02:48 |