ฮึดสู้ชะตากรรม ครั้งแรกที่มาที่นี่รู้สึกอยากกลับบ้าน ไม่รู้ว่ามาทำไม มานั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม ทำแล้วมันได้อะไรดีขึ้นมา พอมาทำเอาเข้าจริงๆแล้วรู้สึกสำนึกอะไรได้หลายอย่าง คิดจะกลับตัวกลับใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองทำตัวไม่ดี และตอนอยู่มัธยมตอนต้น ตัวเองไม่ค่อยใส่ใจเรียน และเป็นคนที่บอกยาก จะทำอย่างไรได้ โชคชะตาชีวิตมันกำหนดให้หนูเป็นอย่างนี้ เพราะหนูเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมโชคชะตาชีวิตมันกำหนดให้หนูเป็นแบบนี้ ตัวหนูเองเป็นเด็กมีปัญหาครอบครัวหลายเรื่อง พ่อของหนูไม่เข้าใจหนู หนูเลยคิดมากและเห็นแต่พ่อกินเหล้าทุกวัน กลับมาบ้านก็เห็นทะเลาะกับแม่ ภาพนั้นมันติดตาติดใจหนู มันเป็นภาพตราบาปที่หนูไม่อยากเห็นมัน หนูเห็นมันมาตั้งแต่เล็กและเพื่อนที่โรงเรียนชอบล้อว่าพ่อขี้เหล้า หนูถามตัวเองว่าทำไมไม่เกิดมาเหมือนคนอื่นเขา บางครั้งคำล้อของเพื่อนทำให้หนูคิดอยากฆ่าตัวตายด้วยซ้ำไป ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แต่พอหนูหายโกรธ หนูก็กลับมาคิดอีกครั้งว่าคนที่อยู่ข้างเรา แม่ และพี่ เขาจะเป็นอย่างไร เขาจะเสียใจหรือเปล่าที่หนูทำอย่างนี้ หนูจึงบอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้ และฝ่าฟันอุปสรรคนี้ไปให้ได้ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน ถ้าเราทำดี ผลดีนั้นก็จะตอบแทนเราสักวัน และวันนี้ตอนที่ได้มาอยู่ ณ วัดวะภูแก้ว แห่งนี้ ทำให้หนูคิดอะไรได้หลายอย่าง และมีสมาธิ ก่อนจะทำอะไรต้องมีสติก่อน และจิตไม่ฟุ้งซ่าน ควบคุมตัวเองอยู่ อยากจะฝากบอกเพื่อนๆอีกหลายคนที่เป็นอย่างหนู อุปสรรคที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรามันย่อมแก้ไขได้เสมอ ไม่ว่ามันจะยากสักเพียงใด และหนูต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่าน และท่านวิทยากรทุกท่าน ที่ทำให้มีกำลังใจต่อสู้ต่อไป และทำให้หนูคิดได้ว่าชีวิตไม่ได้อยู่แค่วันนี้ เราต้องเดินหาจุดหมายของชีวิต หนูรู้สึกว่าการนั่งสมาธิของหนูครั้งนี้เหมือนหนูได้ทำบุญครั้งใหญ่ในชีวิต อยากจะบอกทุกคนว่า สู้ต่อไปอย่าได้ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ที่ขวางหน้า นางสาว วรวี ทั่งกลาง ม.4/4 โรงเรียนครบุรี 13/07/53 เปลี่ยนสันดานได้จริง ขึ้นต้นว่า “วัด” วัยรุ่นแทบทุกคนก็ต้องรู้สึกว่าไม่อยากมา ข้าพเจ้าก็เป็นอีกคนที่รู้สึกอย่างนั้น เพราะไปเข้าค่ายที่ไหนก็ไม่เคยนานขนาดนี้ 4 คืน 5 วัน ปกติที่เคยไป 2 คืน 3 วันก็ว่านานแล้ว พอรสบัสเลี้ยวเข้าเขตวัด โอ้โฮ! ช่างงามอะไรขนาดนี้ นั่นเป็นความรู้สึกแรก เมื่อมาถึงวัดวะภูแก้ว พอเอาเสื้อผ้าไปเก็บ ก็ถูกเรียกมารวมที่ศาลาปฏิบัติธรรม รู้สึกดี อากาศเย็นสบาย 1 ชั่วโมงผ่านไป เมื่อยมาก 2-3 ชั่วโมงผ่านไปก็นึกเพียงอย่างเดียวว่า “อยากกลับบ้านมาก ๆ” แล้ววันที่ 1ก็ผ่านไป วันที่ 2 เหนื่อยมาก นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า เมื่อยก็เมื่อย แล้วยังต้องมาทำวัตรเช้าอีก สิ่งที่ข้าพเจ้าท้อใจที่สุดคือการนั่งสมาธิ มันเป็นอะไรที่ทรมานมาก บอกตรงๆเลยว่าการนั่งสมาธิ 12 ยก ข้าพเจ้านั่งได้จริงๆเพียงยกเดียวเท่านั้น วันที่ 3 รู้สึกดีใจขึ้นมาอีกเหมือนกันเพราะใกล้กลับบ้านแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยได้ฟังการเทศน์หรือการฝึกจิตที่ไหนน่ากลัวขนาดนี้ สามารถเปลี่ยนสันดานเสียๆ ให้คิดใหม่ได้ เริ่มที่จะได้คิดทั้งในเรื่องการดำรงชีวิตและได้เข้าใจในพระพุทธศาสนามากขึ้น วันที่ 4 แล้ว “พรุ่งนี้ก็จะได้กลับบ้าน” ข้าพเจ้ายังคิดคำนี้อยู่ แต่จากที่เคยทรมานในการนั่งสมาธิ ก็ดีขึ้น แต่ไม่ดีที่สุด วันนี้ ดร.ดาราวรรณ ให้นั่งระลึกถึงพ่อแม่ ทำให้ข้าพเจ้าเริ่มคิดอีกว่า ข้าพเจ้าเป็นลูกที่นิสัยเอาแต่ใจจริงๆ ตอนกลางคืนได้ดูการคลอด น่ากลัวมาก ๆ จากที่เคยคิดว่าจะได้อะไรต้องได้ คิดอะไรก็ต้องได้ กลับได้มาคิดใหม่ว่า มีอะไรจะให้พ่อแม่บ้าง ทำอะไรให้พ่อแม่ได้บ้าง วันสุดท้ายที่จะกลับบ้าน ข้าพเจ้าสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก ที่สดชื่นไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าเบื่อวัด แต่เป็นเพราะข้าพเจ้าอยากกลับไปกราบเท้าพ่อและแม่ ขอโทษท่าน อยากกลับไปล้างบาป ไปทำสมาธิเงียบๆ วัดนี้เป็นวัดที่สมคำล่ำลือมากๆ เพราะเป็นวัดที่ฝึกเด็กได้ดีจริงๆ
นางสาว ขนิษฐา หริ่งกระโทก ม. 4/1 โรงเรียน ครบุรี 13/07/53
ถ้าย้อนเวลาได้จะใช้ทุกวินาทีให้มีค่า ตั้งแต่ก้าวแรกที่ข้าพเจ้าย่างก้าวเข้ามาในวัดวะภูแก้วแห่งนี้ ข้าพเจ้ารู้สึกเฉยๆเพราะดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรที่แตกต่างจากวัดอื่นๆ แต่ใครจะไปรู้ว่า ที่วัดแห่งนี้ยังทีระเบียบวินัยมากมาย ที่คอยดัดนิสัยของเราอยู่ และยังเริ่มแสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์เมื่อได้เข้ามานั่งในศาลา ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจมาก วัดที่ใครผ่านไปผ่านมามองเข้ามาก็คงไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่างจากวัดอื่น กลับกลายเป็นที่ที่สะสมความดี เพราะข้าพเจ้าได้นั่งสมาธิ เมื่อหลับตาลงในวันแรกก็ได้เจอกับอุปสรรคนับพัน เพราะรู้สึกปวดไปทั้งตัว วันที่สองก็แล้ว วันที่สามก็แล้ว ยังไม่หายปวด แต่เช้าวันที่สี่ข้าพเจ้าก็รู้สึกถึงสมาธิ และรู้สึกว่าจิตสงบมาก จะทำอะไรก็รู้ตัวมากกว่าแต่ก่อน เมื่อถอนจิตข้าพเจ้าก็ได้พบกับความสุขอันประหลาด ในหัวรู้สึกเบามาก พอถึงเวลาจะกลับก็นึกย้อนถึงวันเวลาที่ผ่านมาที่เคยใช้ไปอย่างไม่มีประโยชน์ เวลาที่ข้าพเจ้าปล่อยไปให้สูญเปล่า ถ้าย้อนเวลาได้ ข้าพเจ้าก็อยากจะทำทุกเวลาให้เต็มที่และมีคุณค่าทุกวินาที และอยากจะขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ได้มอบความสุขที่แท้จริงให้ข้าพเจ้า ขอขอบพระคุณท่านวิทยากรทุกๆ ท่านที่ได้แนะนำวิธีการต่างๆ ให้ ขอบพระคุณครับ นายชยานันต์ ชอนครบุรี ม. 4/1 โรงเรียนครบุรี 13/07/53 คนดีย่อมไม่กลัวการทำดี ความรู้สึกที่หนูได้มาวัดวะภูแก้ว สิ่งแรกคือบรรยากาศดีมาก หนูอยากบอกว่าการที่หนูมาที่นี่หนูไม่ได้ถูกบังคับมา แต่หนูเต็มใจมา เพราะไม่กลัวการทำความดีเลยสักนิด หนูเชื่อว่าคนดีย่อมไม่กลัวการทำความดี หนูอยากบอกว่าวันแรกหนูกลับรู้สึกไม่ค่อยเมื่อย แต่วันต่อๆมาเริ่มเมื่อยเพราะนั่งสมาธิบ่อย ถึงแม้การนั่งสมาธิของหนูจะไม่ได้ปีติเหมือนเพื่อนแต่แค่นี้หนูก็พอใจแล้ว เพราะสมาธิหรือสวดมนต์หนูก็พยายามทำให้ดีตลอด หนูไม่ต้องการฝึกให้ได้ทีเดียว แต่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วย หนูเชื่อว่าสักวันคงทำได้ดีกว่านี้ การปฏิบัติธรรมครั้งนี้อย่างน้อยก็ได้ช่วยขัดเกลาจิตใจของใครหลายคนได้ สิ่งที่ชอบมากคือการที่ ดร.ดาราวรรณเล่าเรื่องการระลึกชาติ เรื่องเวรเรื่องกรรมให้ฟัง หนูเป็นคนเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่ได้มาวัดนี้คงไม่ได้ฟัง และหนูยังตั้งใจไว้ว่าหนูจะนำเรื่องบาปบุญไปบอกกล่าวให้กับคนที่ยังไม่ได้มาฟังเรื่องจริงแบบนี้ บอกหลานบอกทุกคนที่กำลังทำผิดโดยไม่รู้ หนูถือเป็นประสบการณ์ที่ดีจริง ๆ หนูคิดถูกที่เต็มใจมา ถ้าไม่มาตอนนี้ก็ไม่รู้จะได้มาตอนไหน หนูจะจำภาพวัดวะภูแก้วไว้ในความรู้สึกที่ประทับใจต่อไปและหนูอยากบอกว่า “หนูรักวัดวะภูแก้ว” นางสาว ดวงสุดา แสงสว่าง ม. 4/3 โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม 20/07/53 ลูกคนเดิมของแม่จะกลับมา ฉันเป็นลูกคนเล็กในครอบครัว ซึ่งแม่รักและเอาใจมากกว่าพี่ๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดีในสายตาแม่ อยากได้อะไรส่วนมากก็จะได้มากกว่าพี่ๆ คนอื่น ตอนอยู่ประถมฉันเป็นเด็กดีมาตลอด แต่พอขึ้นมัธยมทุกกอย่างก็เปลี่ยนไป กล้าเถียงแม่ กระทืบเท้าใส่ ทำหน้าไม่พอใจเสมอเมื่อแม่เรียกใช้ จนทำให้แม่เสียใจและผิดหวังในตัวฉันเสมอเกือบทุกวัน ฉันรู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิดแต่ก็ยังทำเสมอ พยายามจะไม่ทำแต่ก็ทำไม่เคยได้ ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่แม่รักและเอาใจใส่มากกว่าพี่ๆ คนอื่นเสียอีก วันหนึ่งครูมาบอกว่าจะให้ไปเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว ก็ไม่อยากมาเลย แต่ต้องมาเพราะครูบังคับว่าถ้าไม่มาไม่ผ่านกิจกรรมของโรงเรียน ก็เลยจำต้องมา เมื่อได้มาถึงวัดวะภูแก้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่นี่ดีมากๆเลย มีอากาศที่บริสุทธิ์ มีการสวดมนต์ทำวัตรเช้าและเย็น ได้นั่งสมาธิ ตอนแรกปวดขามาก รู้สึกลำบากกายแต่ไม่ลำบากใจ เพราะรู้สึกจิตใจสงบ ไม่คิดอะไรที่วุ่นวายใจ และนั่งได้นาน พอนั่งนานไปก็เริ่มรู้สึกหายเจ็บขา พอตกดึกมาได้มีการเปิดสื่อให้ดูการคลอดลูก น่ากลัวมาก ได้รู้ว่าแม่เจ็บขนาดนี้ และมีการเปิดเสียงที่ครูพูดเรื่องแม่ต่างๆ นานา ฉันร้องไห้และเสียใจมากที่ทำอะไรเลวๆ กับแม่ไป อยากบอกแม่นะว่า “ลูกขอโทษในทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกเคยทำลงไป” ต่อไปนี้ฉันจะปรับปรุงตัวเองให้ดี และเป็นลูกที่ดี ลูกรักของแม่คนเดิมที่เคยเป็น ฉันให้สัญญา ลูกคนเดิมของแม่จะกลับมาอีกครั้ง “รักแม่เสมอ”นางสาว สุวนันท์ ทิ้งแสน ม.4/4 โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม 20/07/53 ความสุขบนความทุกข์ของพ่อแม่ ดิฉันรู้สึกว่าการมาวัดวะภูแก้ว ทำให้ดิฉันสามารถรู้จักตัวเองมากขึ้น ได้รู้พระคุณพ่อแม่ และอะไรอีกหลายอย่าง ก่อนมา ดิฉันเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ เพราะดิฉันเป็นลูกคนสุดท้อง เมื่อดิฉันบอกว่าอยากได้โทรศัพท์ แม่ก็บอกว่า อย่าเพิ่งเอานะลูก ดิฉันก็ไม่ยอม ไม่พอใจ ประชดโดยการเดินเสียงดัง เมื่อแม่เห็นดิฉันทำอย่างนี้แม่ก็เอาเงินมาให้ดิฉันไปซื้อ เมื่อดิฉันได้เงินก็พอใจโดยที่ไม่รู้ว่าแม่ดิฉันหาเงินมาจากไหน ดิฉันอยู่บ้านอย่างสุขสบาย แต่ในทางกลับกัน พ่อแม่ต้องออกไปทำงานหาเงินมาให้ ดิฉันก็ได้แต่ใช้เงินซื้อโน่นซื้อนี่ ดิฉันไม่เคยรู้ตัวเลยว่าดิฉันเลวแค่ไหน งานบ้านดิฉันก็ไม่เคยทำ ทั้งกวาดบ้านหรือถูบ้าน เมื่อแม่กลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ ก็ไม่เคยถามเลยว่า วันนี้แม่เหนื่อยไหม มีแต่ทำให้พ่อแม่เสียใจ เช่น ว่าแม่แรงๆ เมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ
กลับจากวัดวะภูแก้วดิฉันจะเลิกทำกิริยาแบบนี้ สิ่งไหนที่ดิฉันอยากได้แต่แม่ไม่ซื้อให้ ดิฉันก็จะยังไม่ซื้อ เมื่อพ่อแม่บอกอะไรฉันก็จะไม่เถียงพ่อแม่ เพราะรู้แล้วว่ากว่าจะคลอดดิฉันออกมาได้ท่านทรมานแค่ไหน เพราะฉะนั้นเมื่อดิฉันเกิดมาแล้ว ดิฉันจะทำให้สมกับที่แม่ตั้งใจให้เราเกิด และจะไม่ทำให้แม่เสียใจอีกตลอดชีวิตค่ะ นางสาวยลดา คำกลาง ม. 4/1 โรงเรียนเทพารักษ์ราชวิทยาคม 10/07/53 คิดถูก รู้ถูก การที่ผมได้มาวัดวะภูแก้ว แทบจะเป็นความบังเอิญเลยด้วยซ้ำไป เพราะก่อนจะมาวัดวะภูแก้ว 2 วัน แม่ของผมได้บอกว่าท่านจะไปกรุงเทพฯ เลยจะให้ผมอยู่เฝ้าบ้าน ผมตกลงว่าจะอยู่เฝ้าบ้านให้แม่ แต่ความบังเอิญก็เกิด เมื่อแม่เลื่อนธุระ แม่เลยให้ผมไป ผมดีใจที่สมความตั้งใจในครั้งแรก คือ ผมก็อยากไปอยู่แล้ว พอได้มาถึงวัดวะภูแก้ว แค่ผมก้าวลงจากรถเท่านั้น ผมก็ได้รับรู้ถึงความเป็นธรรมชาติในบรรยากาศที่เป็นป่า สวยงามและเงียบสงบ ตลอดเวลาการอบรม ผมก็ได้ตั้งใจฟัง เพราะผมเป็นคนชอบเรียนรู้อยู่แล้ว เมื่อวิทยากรให้ทำอะไร ผมมั่นใจว่าผมตั้งใจเรียนรู้ตลอด จนผมได้ความคิดดีๆ ขึ้นมามากมาย เช่น เรื่องพระคุณของแม่ โดยเฉพาะเรื่องของพระพุทธศาสนา ซึ่งแต่เดิมผมคิดว่าคนเราเกิดมาเมื่อตายแล้วก็สูญ แล้วพระพุทธศาสนาก็เป็นแค่ความเชื่อ ผมเคยเข้าใจพระพุทธศาสนาผิด คือคิดว่าไม่ใช่กฎธรรมชาติ การเวียนว่ายตายเกิดเป็นกฎธรรมชาติจริง ต่อไปนี้ผมก็อยากจะบอกว่า กลัวเรื่อง บุญบาปมาก สรุปการมาครั้งนี้มีเรื่องมากมายที่ผมได้ความคิดใหม่ ผมได้นั่งสมาธิและอยู่กับตัวเอง เกิดความคิดที่สร้างสรรค์มากๆ ซึ่งผมจะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวัน และการมาครั้งนี้อาจจะทำให้ผมเปลี่ยนเป็นคนดีไปเลยก็ได้ ผมอยากจะมาวัดนี้อีกและจะไม่ลืมวัด (วะภูแก้ว) นี้เลย นาย สนอง บุญลาด ม. 3/2 โรงเรียนชุมชนบ้านโคกสวาย 24/08/2553
ทำไมจะทำไม่ได้ คุณครูบอกผมว่า ครูจะพาไปวัด ไปทำกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะ ผมคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่ไปคุยกับเพื่อนรุ่นพี่ที่เคยมา มันถามผมว่า “มึงจะไปวะภูแก้วเหรอ” “เออ! ทำไม?” ผมงง “มึงตายยย!” “เข้าค่ายธรรมะ ยากหรือวะ” ผมถามมัน “นั่งสมาธินาน ผีมากอีก ตื่นเช้าอีก”
ผมเป็นคนชอบตื่นสาย บางทีตื่นเอาตอนบ่าย แล้วต้องมาตื่นตั้งแต่ตี 4 งานนี้จึงชักจะเป็นเรื่องยากสำหรับผม แต่ผมก็ต้องมา ผมรู้ว่า คนเราถ้าจะทำอะไรให้ได้มันก็ต้องทำได้ ผมตื่นแต่เช้าได้ และยังนั่งสมาธิได้ แต่ผมเป็นพวกใช้ความอดทนมากกว่า เพราะผมไม่เคยนั่งเลยแต่ก็ทำได้ดี ส่วนการสวดมนต์เป็นงานที่ง่ายมาก แต่มาพบ โรงเรียนหนึ่งที่ชอบคุยกัน ผมนี้ได้ชื่อว่าเป็นนักเลงหัวไม้ของตำบลเลย เห็นน้องเค้าคุยก็เกือบจะอดใจไม่ได้เหมือนกันแต่ก็เตือนตัวเองว่า เรามาวัดก็ต้องทำตัวให้ดี ผมรู้ว่าธรรมะสอนผมได้มาก และผมจะไม่ลืมเลยว่า วัดวะภูแก้วเป็นวัดที่อากาศดีและสวยงาม ถ้ามีโอกาส ผมจะมาอีก นาย วงศ์ชัยวัชร์ สินธูรัตนะ ม. 4/2 โรงเรียนมิตรภาพวิทยา 24/08/2553
ฆ่ามดหรือฆ่ายักษ์ บาปเหมือนกัน ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาวัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่มีสมาธิและจิตใจที่เข้มแข็ง แต่เมื่อข้าพเจ้าได้มาปฏิบัติธรรมบวชใจที่วัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้าถึงได้รู้ว่า ข้าพเจ้ายังเด็กนักสำหรับเรื่องนี้ เมื่อได้มาปฏิบัติจริงๆจึงได้รู้ว่า สมาธิที่แท้จริงเป็นอย่างไร พลังจิตที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร และในวันนี้ วันที่ 24 สิงหาคม 2553 ข้าพเจ้าเชื่อและมั่นใจในตนเองว่า พลังจิตของข้าพเจ้าได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล มีความหนักแน่น มีความมั่นคง มุ่งมั่น และมีสติมากขึ้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า เกิดจากการทำสมาธิ เมื่อข้าพเจ้าได้ฟัง อ.ดร.ท่านบรรยายเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด ข้าพเจ้าก็ได้รู้และได้คิดถึง การฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ว่าสัตว์ชนิดนั้นจะมีขนาดตัวเท่าขี้เล็บ หรือตัวโตเท่ายักษ์ ก็มีบาปเหมือนกัน เพราะเขาเป็นสิ่งมีชีวิต มีดวงจิต ซึ่งไม่ต่างจากเรา และไม่แน่ว่า ภพภูมิข้างหน้า เราอาจจะเกิดเป็นสัตว์อย่างเขา เราเองก็คงไม่อยากถูกใครฆ่าเหมือนกัน ข้าพเจ้าสำนึกได้แล้วว่า “สิ่งมีชีวิตทุกชนิด มี 1 ดวงจิตเหมือนกัน ต่างกันเพียงแต่รูปร่างภายนอก ก่อนจะทำสิ่งใดควรคิดถึงดวงจิตของผู้อื่นเสียก่อน” น.ส. ศรีแพร โมรานอก ม. 6 โรงเรียนมิตรภาพวิทยา 24/08/2553
เดี๋ยวจะมีสติให้ดู ตั้งแต่แรกที่ข้าพเจ้าได้ข่าวนี้ โอ้ว! มายก๊อต ข้าพเจ้าไม่อยากมาเลย ข้าพเจ้ามีพี่ที่เคยมาที่นี่ บอกว่า “เฮี้ยนนะ อย่าไปลบหลู่สถานที่นะ ตั้งใจทำสมาธิภาวนา อย่าไปคุยบนศาลา เค้าบอกอะไรก็ตั้งใจ ที่นั่นเทพเยอะ ผีก็เยอะ เคร่งครัดมาก ฉันก็เจอมาแล้ว” ข้าพเจ้าจึงไม่อยากมาเพราะกลัวผี ข้าพเจ้าแย่มาก ชอบเถียงผู้ใหญ่ ทั้งมีเหตุผลและไม่มีเหตุผล พูดออกมาโดยไม่มีสติ ข้าพเจ้าขี้เกียจทำงานบ้าน จะทำก็ต่อเมื่อใช้ ทำก็ทำไม่เรียบร้อย เรียบร้อยเป็นบางครั้ง “หนูไม่มีสตินะ เพราะอย่างนี้ถึงเรียนไม่เก่ง” นี้คือคำที่ ดร.ดาราวรรณ ทักข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอึ้งไปตั้งนาน ครั้งแรกที่ท่านพูดออกมา ข้าพเจ้าก็ไม่คิดอะไร แต่พอนึกไปนึกมา เอ๊ะ! มาว่าเราไม่มีสติ เดี๋ยวจะมีสติให้ดู ข้าพเจ้าจึงตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ แรกๆก็ปวดเมื่อย อยากกลับบ้าน คิดถึงที่นอนนุ่มๆ อาหารอร่อยๆ แต่พอทำไปนานๆ แหม! เราก็ทำได้ นั่งสมาธิได้นาน ได้แชมป์ด้วย ตอนที่มีเรื่องตื่นเต้นตกใจ ทุกคนวิ่งหนีกันเกือบครึ่งศาลา แต่ข้าพเจ้าก็มีสติไม่วิ่งไปกับเขาข้าพเจ้าเปลี่ยนไปมากเลย ไม่ว่าจะทำอะไรก็พยายามให้มีสติอยู่ตลลอดเวลา ขอขอบคุณค่ะ โดยเฉพาะ ดร.ดาราวรรณ ท่านสามารถเปลี่ยนคนเกือบดีอย่างข้าพเจ้าได้ น.ส. สุทิศา สิงห์ทอง ม. 4/6 โรงเรียนเมืองคง 17/08/2553
เข้าวัดดีกว่าเป็นเด็กแว๊น จากประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่า การทำความดีทำได้ง่าย โดยไม่ต้องรอเวลา รอโอกาส และได้เรียนรู้ในหลักธรรมคำสอนต่างๆของพระพุทธศาสนา ตอนแรกมาถึงที่วัด ดูท่าแล้วว่าจะไม่สนุกแน่ๆ 2-3วันแรก รู้สึกเบื่อๆ พอถึงวันสุดท้าย และก็ท้ายสุด รู้สึกว่าสนุก ไม่น่าเบื่ออย่างที่เราคิดเลย เพราะว่าดีออก ส่วนมากวัยอย่างเราจะไม่ชอบเข้าวัดเข้าวา พอได้มาเข้าค่ายอบรมแบบนี้ พิสูจน์ได้ว่าวัยเท่าไหร่นั้นก็ทำได้ ดีกว่าที่เราไปหา เป็นเด็กแว๊นบ้าง อะไรบ้างต่างๆนานา เราไม่ได้มาแค่เพื่อปฏิบัติธรรมเพียงอย่างเดียว การที่เรามานั้นก็ได้ประโยชน์หลายอย่าง เรายังสามารถที่จะนำเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ แถมยังได้บุญอีก และจากประสบการณ์ครั้งนี้ก็ได้สอนให้เรารู้ เราคิด และการกระทำ ได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ก็ต้องขอขอบพระคุณคุณครูทุกท่านที่ได้พาเรามาฝึก คนชั่วให้เป็นคนดีได้ ขอขอบพระคุณค่ะ และขอขอบคุณ “วัดวะภูแก้ว” น.ส. ร่มเกล้า อุตราช ชั้น ม. 4/3 โรงเรียนเมืองคง 17/08/2553
ควรคิดก่อนทำ ประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้มาวัดวะภูแก้วครั้งนี้ ในระยะเวลา 4 คืน 5 วัน ทำให้ข้าพเจ้ามีจิตสำนึกดีขึ้น มีความพยายามและอดทนต่อความยากลำบากมาก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งสมาธิ ที่ทั้งเมื่อยและปวดขา ปวดตามร่างกาย นอนดึกตื่นแต่เช้า จะทำอะไรในระยะเวลาที่มีจำกัด แต่ความยากลำบากมากนี้ ทำให้ข้าพเจ้ามีแต่สิ่งที่ดี และมีประโยชน์ต่อชีวิตข้าพเจ้า ทำให้จิตใจและชีวิตของข้าพเจ้าดีขึ้น มีจิตสำนึกที่ดี รู้ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ฝึกสมาธิให้แก่ตนเอง และทำให้มีสติในการกระทำของตนเอง เตือนตนเองตลอดเวลาขณะทำอะไร ไม่ใช่ทำโดยไม่คิด พอรู้ว่าผิดถึงคิดได้ เราควรคิดก่อนทำ ในการกระทำและทำอะไรต่างๆในชีวิตของเรา วัดวะภูแก้วฝึกคนให้เป็นคนดี และมีจิตสำนึกที่ดี ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบศีลธรรม เดินทางสายกลาง ถ้าเราไม่ได้มาทำกิจกรรมในครั้งนี้ทุกคนต้องเสียใจมาก เพราะเราพลาดโอกาสที่ดีที่จะทำให้จิตใจและชีวิตของเรามีแต่สิ่งที่ดี และมีความสุข สามารถอยู่บนโลกนี้ย่างสบายกายและใจ ด.ญ.ฐิติมา พานิชชา ม.3/1 โรงเรียนชุมชนบ้านโคกสวาย 24 ส.ค.2553
|