Tuesday, 20 November 2012 07:56 |
จะเก็บความทรงจำที่ดีนี้ไว้จนตาย
เมื่อถูกบังคับให้มาปฏิบัติธรรม ดิฉันคิดว่า เอ้อไปก็ได้ เขาไม่พาไปตายหรอกแต่กระนั้น ดิฉันก็ยังไม่อยากมาเหมือนเดิม เหตุที่ไม่อยากมาเพราะคิดว่าวัดนี้จะมีอะไรกันเชียว ก็แค่ให้ปฏิบัติภาวนา นั่งสมาธิ สวดมนต์ ก็แค่นั้น แต่พอมาถึงวัดวะภูแก้วจริง ๆ วัดสวยงามมากกกกก มาก เพื่อนๆ บอกให้ขึ้นไปดูวิวที่ลานธรรม พวกเราพากันขึ้นไปและก็เป็นอย่างที่เพื่อนบอก วิวที่ลานธรรมสวยมากมากเลย ขอยอมรับ
การนั่งสมาธิครั้งแรกไม่ชอบเลยเพราะเมื่อยมากๆ ไม่เคยนั่งสมาธินานขนาดนี้มาก่อน พอนั่งไปจิตก็ไม่สงบสักที ปวดก็ปวด แต่พอ ดร.ดาราวรรณแนะแนวทางสอนการนั่งสมาธิให้ก็ทำสมาธิได้ดีขึ้น ดร.บอกว่าหากใครนั่งได้นาน 5 คนสุดท้ายจะให้รางวัลเหรียญหลวงพ่อพุธ ดิฉันอยากได้มากจึงพยายามนั่งสมาธิให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดิฉันนั่งได้หลายครั้ง ดิฉันได้หนังสือฆราวาสธรรมมา 1 เล่ม ตั้งใจจะเอาไปให้พ่อแม่และยายที่บ้านอ่านเพราะ แม่ของดิฉันเป็นคนธรรมะธรรมโม ชอบทำบุญ ทำทาน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงวันนี้ วันที่ดิฉันคงจะได้กลับบ้านแล้ว ใจหนึ่งก็อยากกลับใจหนึ่งก็ไม่อยากกลับเลยเพราะชอบบรรยากาศที่ดี บรรยากาศดีสวยมาก ดร.ก็สอนดี ใจดี ดิฉันชอบอ่านหนังสือมากเรื่องพระดนัย แต่เสียดายมากอ่านไม่จบต้องกลับแล้ว ดิฉันมาที่นี่ได้ประสบการณ์ความรู้มากมายและได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้ตื่นแต่เช้ากว่าทุกวันที่อยู่บ้าน ดิฉันจะเก็บความทรงจำที่ดีนี้ไว้ตลอดสิ้นลมหายใจเลยค่ะ
ปล. จะนำความรู้ที่ได้มาใช้ประโยชน์ให้สูงสุด
สัญญาใจของ ด.ญ.หทัยรัตน์ แก่นสันเทียะ ชั้น/ห้อง ม.3/1 โรงเรียนพระทองคำวิทยา เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555
จิตแจ่มใสหายมืดหม่น ในการที่ฉันมาเข้าค่ายในครั้งนี้เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของฉันที่ได้มาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ ตอนแรกใจฉันก็ไม่อยากมาเท่าไรเพราะกลัวลำบาก แต่กลับด้านกันเลย มาวัดวะภูแก้วตอนนี้ฉันว่าเป็นประโยชน์กับฉันมาก เป็นวัดที่สวยบรรยากาศดี ฉันก็อยากจะหาวิธีแก้ปัญหาของฉัน แต่ฉันก็คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไร ก็อยากจะขอบคุณครูที่พามาที่นี่ ทำให้ฉันมีสมาธิและสติปัญญาดีกว่าเดิม มีความคิดที่ฉลาดและบริสุทธิ์ สมาธิทำให้ฉันแจ่มแจ้งไม่มืดหม่นเหมือนตอนแรก ซึ่งฉันได้นึกถึงแต่เรื่องที่ไม่อยากนึกเพราะจิตฉันมันฟุ้งซ่าน ฉันเลยตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ ภาวนา ก่อนจะออกจากวัดวะภูแก้ว ฉันก็รู้ถึงความสำคัญของชีวิตที่ต้องอยู่กับปัจจุบัน ทำความดีเพื่อจะเป็นบุญกุศลต่อในชาตินี้และชาติหน้า ให้อยู่อย่างมีความสุขไม่มีความทุกข์มาปะปน
เด็กหญิง ลลิตา ท้าวฉนนท์ ชั้น/ห้อง ม.3/1 โรงเรียนพระทองคำวิทยา เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555
ความสุขอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ผมเป็นคนวะภูแก้วมาโดยกำเนิด แต่ผมก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดหรอกครับ จนวันหนึ่งโรงเรียนให้ผมมาเข้าค่ายอยู่วัดวะภูแก้ว ผมเลยคิดว่า “โห่ ใกล้บ้านแค่นี้ ไม่อยากมาเลยว่ะ” แต่พอได้มาอยู่จริงๆ ผมกลับรู้สึกดีอย่างประหลาด ถึงแม้ผมจะทำสมาธิไม่ค่อยได้ แต่ผมก็พยายามมากที่สุดแล้ว ตอนที่ผมชอบที่สุดคือ ตอน พระคุณพ่อแม่ ผมนึกถึงแม่ผมมากที่สุดเลยครับ
พ่อผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 3 ขวบ แม่เลี้ยงผมมาคนเดียวตลอด ถึงแม่ผมจะท้องตั้งแต่อายุ 18 ก็เถอะ แม่ผมยังเลี้ยงผมได้เป็นอย่างดี แม้ผมจะเกเรมากแต่แม่ผมก็บอกว่า “แม่เข้าใจ นี่แหละวัยรุ่น” คำๆ นี้ติดอยู่ในใจผมตั้งแต่วันนั้นเลยครับ
ขอบคุณมากครับที่ทำให้ผมรู้ว่าความสุขอยู่ใกล้แค่นี้เองครับ
นายพชร วิตรุวริยา โรงเรียน สีคิ้ว “สวัสดิ์ผดุงวิทยา” ชั้น/ห้อง ม.4/4 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555
การอบรมครั้งนี้ไม่ใช่เล่น ๆ นะ การพาเด็กๆ มาฝึกอบรม หรือเรียกว่าการเข้าค่ายปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ที่วัดวะภูแก้วก็เหมือนการเข้าค่ายธรรมะปกติทั่วไป แต่การมาครั้งนี้มีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้น เพราะการที่ดิฉันได้มาอบรมในครั้งนี้ มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ที่วัดอื่นๆ ที่นี่ทำให้ฉันสำนึกอะไรบางอย่าง
ปกติดิฉันเป็นคนชอบเข้าค่ายธรรมะมาก แต่การมาเข้าค่ายครั้งนี้ ดิฉันรู้สึกแปลกๆ มาก รู้สึกว่ามันหงุดหงิดไม่อยากมา อาจเป็นเพราะดิฉันเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด เพิ่งมาทำเรื่องย้ายเข้าโรงเรียนใหม่ที่ จ.นครราชสีมา เป็นวันแรก แล้วดิฉันก็โดนไล่ให้มาเข้าค่ายเลยทันทีในวันนั้น พอดิฉันมาถึงที่วัดในตอนค่ำๆ ก็มองไม่เห็นบรรยากาศอันสวยงามอย่างที่คนกล่าวขาน ดิฉันก็คิดว่าคงเหมือนค่ายปกติที่เคยเข้ารับการอบรมมา แต่คราวนี้พอดิฉันตั้งใจฟังวิทยากรพูด ดิฉันก็รู้สึกว่า การอบรมครั้งนี้คงไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจทำ ต้องตั้งใจอบรม วันแรกๆ พอได้นั่งสมาธิก็ไม่ค่อยมีความตั้งใจ รู้สึกปวดขามากปวดไปทั้งตัว รู้สึกว่าเวลาในการนั่งมันช่างยาวนานเหลือเกิน ทำไมถึงไม่จบสักที พอมีโอกาสลืมตา มามองเห็นเพื่อนๆ บางคนที่เขามีสมาธิดี นั่งสมาธิอยู่ ดิฉันก็รู้สึกไม่ค่อยดี อยากทำได้บ้าง พอวันที่ 2-3 ดิฉันได้ขึ้นไปที่ลานธรรม พอมองเห็นบรรยากาศ สัมผัสสายลม เห็นตะวัน และยังได้รับฟังเสียงของพี่ๆ ผู้บรรยายถึงความตั้งใจในการทำสมาธิภาวนา แล้วรู้สึกตัวเบา จิตโล่ง จนมีสติควบคุมอารมณ์ได้ ดิฉันตั้งใจฟังอย่างดี แล้วรู้สึกมีกำลังใจ มีพลังใจในการที่จะทำการภาวนา ตั้งใจว่าจะทำการนั่งสมาธิอย่างสงบตั้งแต่ยกนั้นมา ดิฉันก็นั่งสมาธิได้นานขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นแชมป์ ดิฉันรู้สึกภูมิใจมากที่ตัวเองทำได้ ดิฉันอยากขอบคุณทุกๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่างที่ทำให้ดิฉันได้หูตาสว่าง ได้สำนึกในสิ่งที่ทำผิดกับพ่อแม่ ดิฉันจะนำความรู้ทุกอย่างที่ได้รับมา นำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวันทุกๆ วัน
น.ส.พิชิญาภรณ์ แพทย์รัตน์ โรงเรียน สีคิ้ว “สวัสดิ์ผดุงวิทยา” ชั้น/ห้อง ม.4/8 เขียนไว้ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2555
|