Monday, 24 September 2012 02:06 |
อะไร ๆ ก็ชอบไปหมด ดิฉันมีประสบการณ์มากมายยิ่งนักสำหรับการอบรมในครั้งนี้ ดิฉันได้รู้จักตนเองมากขึ้น ได้รู้ผิดชอบชั่วดี วันแรกที่เข้ามารู้สึกว่าที่นี่ร่มเย็นสงบน่าจะเป็นที่ปฏิบัติธรรมที่ได้ผลดี และก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ อาจารย์ทุกท่านที่มาบรรยายนั้นใจดีทุกท่าน เฉพาะ ดร.ดาราวรรณ ที่อบรมนั้นสนุกได้ความรู้เยอะแยะมากมาย ได้รู้ถึงการปฏิบัติตนตามศีล สมาธิ ปัญญา อาจารย์ให้นั่งสมาธินึกถึงคุณบิดา มารดา รู้ถึงจิตของตน
อาจารย์ทุกท่านก็น่ารักมีของมาแจกขณะที่ยกมือตอบคำถาม สอนให้รู้จักความเป็นระเบียบ มีสติสัมปชัญญะตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน หรือจะรับประทานอาหาร
ได้รู้จักเพื่อนต่างโรงเรียนที่เป็นมิตรกัน เห็นหน้ากันก็ยิ้มให้กัน ได้อ่านหนังสือที่อาจารย์นำมาแนะนำให้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเด็กเล่าให้ฟัง ผลบุญ-ผลบาปติดตามพระพุทธเจ้า ตายแล้วฟื้น และอีกมากมาย ซึ่งน่าสนใจทั้งสิ้น ได้ขึ้นไปบนศาลาที่มีรูปปั้นของหลวงปู่พุธ ฐานิโย ท่านน่าเลื่อมใสนัก ได้เดินดูรอบๆ เต็มไปด้วยความสงบสุข ได้รู้จักกับภพต่างๆ อดีตชาติต่างๆ
ทุกอย่างที่ได้นี้ชอบมากค่ะ คิดว่ามันไม่สูญเปล่าเลยที่ตัดสินใจมาในครั้งนี้พอใจที่สุดในชีวิต ถ้าไม่ได้มาครั้งนี้คงจะเสียใจมาก
น.ส.สุพัตรา บุญเลี้ยง ชั้น ม.5/14 โรงเรียนลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เขียนไว้ ณ วันที่ 4 กันยายน 2555 ค้นพบสิ่งที่ชอบจากสิ่งที่ไม่ชอบ เอาความจริงเลยนะคะ หนูโกรธคุณครูสมบัติมากที่สุด ที่ให้พวกหนูมาที่นี่ หนูเกลียดการนั่งสมาธิ หนูเกลียดการสวดมนต์มาก ขนาดให้สวดมนต์หน้าเสาธงทุกวัน หนูยังไม่อยากจะทำเลย นี่คือความคิดของหนูก่อนขึ้นรถ แต่ในวันนี้ วินาทีนี้ คือวันสุดท้ายที่จะกลับ หนูจึงนึกย้อนไปว่า เออ...ที่นอนเอย อาหารเอย ที่เราบ่นว่าไม่ถูกใจ มันก็สามารถทำให้เราอิ่ม ทำให้เราหลับสบายได้ไม่แพ้ที่บ้านเราเลย มันทำให้เราคิดได้ว่า ความสุขสบาย มันก็แค่เปลือก เพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจต่างหาก และอย่างที่บอกว่าการนั่งสมาธิ มันเป็นสิ่งที่หนูเกลียดที่สุด ในวันแรก มันทรมานอย่างแสนสาหัส ปวดตั้งแต่ปลายเล็บจนมาถึงหัวเข่า เอว หลัง ต้นคอ ฯลฯ มันเป็นความเจ็บปวดอย่างมหันต์ นั่นก็เพราะในใจเราคิดว่าเราไม่ชอบ เลยรู้สึกฝืน แต่ไม่น่าเชื่อ หนูค้นพบสิ่งที่หนูชอบ จากสิ่งที่หนูไม่ชอบ หนูชอบการนั่งสมาธิไปเสียแล้ว เพราะพอเจ็บไปเจ็บมา ทนไปทนมาหนูกลับนั่งได้นานๆ อย่างไม่ต้องฝืน หนูยังคิดว่าถ้าหากหนูนั่งสมาธิบ่อยๆ เกรดหนูคงดีขึ้น และหนูคงมีสมาธิมากขึ้น หนูจะกลับไปนั่งสมาธิที่บ้านเมื่อมีเวลา หรือก่อนอ่านหนังสือสอบ
น.ส.พัฒน์นรี ภูนพมาศพงษ์ ชั้น ม.5/15 โรงเรียนลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เขียนไว้ ณ วันที่ 4 กันยายน 2555 มาที่นี่ไม่มีผิดหวัง
ข้าพเจ้าเคยมาที่วัดวะภูแก้วนี้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนอายุ 12 ปี เมื่อตอนนั้นอยู่ ม.1 ที่ร.ร.บ้านหนองแวงและมาที่นี่แค่ 3 วันเอง ตอนนั้นมีความรู้สึกว่า เหนื่อย ไม่อยากอยู่อยากกลับบ้าน เมื่อถึงเวลากลับบ้านแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกว่าจะต้องนำความรู้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทุกวันข้าพเจ้าจะสวดมนต์ก่อนนอน กราบ 5 ครั้ง พยายามตั้งใจเรียน ก่อนที่มาวัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้ามีผลการเรียนได้ที่ 2 และที่ 3 ตลอด หลังจากที่มาที่วัดวะภูแก้วแล้ว ผลการเรียนเริ่มดีขึ้น ม.1 ม.2 ได้ที่ 2 ตลอด พอมา ม.3 ข้าพเจ้าได้ที่ 1 ผลการเรียนเฉลี่ยทั้ง 3 ปี ได้ 3.98 พ่อกับแม่ไม่เชื่อเลยว่าข้าพเจ้าทำได้จริง ก่อนจะมาที่นี่ข้าพเจ้าโทรไปบอกครู ว่าไม่อยากมา ครูจึงบอกว่า “ไปเถอะลูก นานๆ จะได้มีโอกาสสร้างบุญสร้างกุศล” จากการมาเข้าอบรมที่นี่ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตัวเองมีสติมากขึ้น ทำอะไรก็ระวังตัวตลอด ปกติจะต้องกินยาแก้หอบ อย่างน้อยก็ 2 วัน 1 ครั้ง แต่มาที่นี่ข้าพเจ้าไม่ได้กินยาเลย ที่วัดวะภูแก้วนี้สอนให้ข้าพเจ้ารู้ถึงบุญคุณของพ่อแม่ ในวันสุดท้ายนี้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า มาที่นี่แล้วไม่ผิดหวัง ถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะทำสมาธิได้ไม่ดีนัก แต่ก็ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำสอนของในหลวงว่า “ไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จงทำทุกๆ สิ่งทุกอย่าง อย่างค่อยเป็นค่อยไป”
น.ส.จุฑาลักษณ์ กามขุนทด ชั้น ม.4/14 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 4 กันยายน 2555 ธรรมะทำให้มีเหตุผลมากขึ้น ตอนก่อนจะมารู้สึกไม่อยากมา เนื่องจากไม่มีเสื้อยืดใส่ ถ้าจะขอเงินแม่ซื้อ แม่ก็ต้องบอกไม่มี ตอนนั้นบ้านข้าพเจ้ามีปัญหาด้านการเงิน ต้องส่งงวดรถหลายหมื่นเกือบแสนบาท ทำให้ทางบ้านไม่ค่อยมีเงินเหมือนแต่ก่อน พ่อทำงานขับรถรายได้ก็พอใช้แต่เดือนนี้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านเยอะมาก พ่อให้เงินไว้ 1,000 บาท เพื่อจะได้เก็บอีก 1,500 บาท ก็จะครบไปจ่ายค่าเรียนพิเศษ ก่อนมาข้าพเจ้าได้บอกแม่ว่าไม่มีเสื้อใส่ไปเข้าค่ายไม่มีกางเกง ขอเอาเงินที่พ่อให้ไปจ่ายค่าเรียนพิเศษไปซื้อก่อนได้ไหม แม่บอกว่าจะซื้ออะไรมากเสื้อผ้าก็มี แต่ข้าพเจ้าไม่ฟังมาโรงเรียนก็เลยเอาเงินมาด้วย มาซื้อเสื้อผ้าเงินหมดประมาณ 400 บาท กลับมาบ้านบอกแม่ว่าจะเก็บเงินแทนเงินที่เอาไปซื้อเสื้อผ้า จึงเกิดการโต้เถียงกับแม่จนข้าพเจ้าร้องไห้ นึกในใจแม่ทนแค่ไหนทำงานแค่ไหนเพื่อที่จะให้เราเท่าเทียมกับเพื่อนคนอื่น
คืนสุดท้ายเป็นคืนของพ่อแม่ ทำบุญเพื่อแม่ตอนที่เราดูภาพวิดีโอการคลอดของแม่ ทำให้น้ำตาร่วงออกมาแทบไม่ทัน ทำให้ข้าพเจ้าสงสารแม่ คิดถึงแม่ อยากกลับไปหา ธรรมะทำให้ฉันมีเหตุผลในการทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว และพ่อแม่ของเรา
น.ส.กรรณิการ์ แก้วสินสวัสดิ์ ชั้น ม.4/15 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 4 กันยายน 2555
|