Wednesday, 25 July 2012 03:08 |
เข้าใจหัวอกหัวใจของแม่
ก่อนผมจะมาที่วัดวะภูแก้วนี้ ผมเป็นเด็กอารมณ์ร้อนมาก ใครมาว่าผมไม่ได้ ผมต้องใส่อารมณ์อยู่เรื่อย แต่ผมก็มีความอดทนอยู่บ้าง ผมเถียงพ่อแม่ ผมไม่เคยฟังคำสั่งสอนของท่าน ผมไม่เคยปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่าน ผมเล่นแต่เกมส์ เอาแต่เที่ยว ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย ท่านบอกกับผมเสมอว่า ควรใช้เงินอย่างประหยัด คิดถึงอนาคตบ้าง วันข้างหน้าจะกินอะไร กลับไปนี้ ผมจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง ผมจะเข้าใจและเห็นใจท่าน ท่านเป็นผู้เลี้ยงดูเรา ต่อไปนี้เราต้องดูแลท่านเท่าที่จะทำได้
นายชลลพรรษ พัฒนตรีคุปต์ โรงเรียนมิตรภาพวิทยา ชั้น ม.5 เขียนไว้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 2555 ขนาดไม่อยากมา ยังทำได้ดีขนาดนี้ ตอนแรกผมไม่อยากมาเพราะมีรุ่นพี่มาบอกว่ามาแล้วทรมานมาก มากกว่ามาแก้ที่โรงเรียนวันละ 15 นาที 1 เทอม ผมว่าไม่มาดีกว่า พ่อแม่ผมตีจนเลือดแตกเต็มหลัง ผมก็ดื้ออยู่ ผมก็บอกว่าผมไม่ไปเพราะไปแล้วก็ทำตัวเหมือนเดิม พ่อมาส่งโรงเรียนก็แล้วก็ไม่อยากไป พอดีมีเพื่อนมาบอกว่าไปเถอะเพื่อนไปด้วยกันมันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก เขาไม่ได้เอาไปฆ่าหรอก เขาจะพาไปทำบุญ เอาบุญเยอะๆ โอกาสมีแค่ 1 ปี เท่านั้นและก็มีแค่ 5 วันด้วย มันคงไม่เป็นอะไรหรอก ผมก็บอกว่าไปก็ได้ทั้งๆ ที่เพื่อนก็ไปกันหมดแล้วเหลือผมคนเดียวที่ไม่ไป
วันแรกจิตใจผมยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเอาแต่คิดว่าเมื่อไรจะครบ 5 วัน ผมอยากกลับบ้าน วันที่ 2 มาก็ตื่นแต่เช้า ก็นั่งสมาธิได้ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ผมภูมิใจมากที่สุด อาจารย์ชมผม ต่อมาได้รับคำชมจากเพื่อนว่า ทำดีจังไหนบอกไม่อยากมาแต่ทำสมาธิได้ตั้ง 6 ยก ขนาดเราตั้งใจขนาดนี้ เรายังทำไม่ได้เลย ผมก็บอกเพื่อนว่าก็พยายามทำเอานะไหนๆ ก็มา อย่างน้อย 1 ครั้งก็พอ แล้วเพื่อนถามว่าแล้วไม่ปวดเลยหรอ ผมก็บอกว่าไม่ปวดเลยถ้าเราตั้งใจทำและตั้งใจปฏิบัติ ถ้าไม่ตั้งใจก็ทำไม่ได้
วันที่ 3 รู้สึกสบายกายสบายจิตมาก รู้สึกดีขึ้นเยอะ ได้ทำสมาธิและผมตั้งใจทำมาตลอดถึงแม้เพื่อนหาว่าผมหลับแต่จริงๆ แล้ว ผมไม่เคยหลับสักนิด วันที่ 4-5 มาก็รู้สึกภาคภูมิใจมากกว่าเดิม อยากขอบใจอาจารย์ทุกท่านที่ทำให้ผมรู้สึกขนาดนี้ว่าบาปมันมีจริง ผมเคยด่าพ่อแม่ทำประชดประชันพ่อแม่ ตอนนี้แผลที่หลังก็ยังไม่หายเลย โดนตีเพราะมีคนบอกแม่ผมว่าหนีเรียน 2-3 อาทิตย์ ซึ่งมันไม่เป็นความจริง ผมโกรธพ่อแม่มากที่มาตีโดยไม่ถามเลย ผมเข้าเรียนทุกวันไม่เคยหนีเรียนเลย
นาย ยสินทร กสิประกอบ ชั้น ม .4/7 เลขที่ 2 โรงเรียนสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 2555 ความรู้สึกเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม ในการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ที่มาเพราะถูกอาจารย์บังคับและคิดว่ามันคงจะน่าเบื่อมาก แต่พอมาถึงวัดวะภูแก้ว บรรยากาศของวัดวะภูแก้วสวยมาก โดยเฉพาะลานปฏิบัติธรรมซึ่งสวยมาก แรกเริ่มที่ปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ ข้าพเจ้าเมื่อยและเจ็บขามาก แต่พอเดินจงกรมข้าพเจ้ากลับรู้สึกดีกว่าการนั่งมาก ซึ่งมันเป็นเช่นนี้มาเรื่อยๆ
วันที่ 4 ของการปฏิบัติธรรม อาจารย์ได้บรรยายเกี่ยวกับพระคุณของบิดามารดา ข้าพเจ้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ข้าพเจ้านั้นเมื่อตอนก่อนจะมาที่นี่นั้นข้าพเจ้าได้ปฏิบัติสิ่งที่ไม่ดีต่อท่านไว้มากทั้งเถียง ทั้งขี้เกียจ เวลาทำงานบ้านก็จะให้ท่านบอกย้ำๆ ถึงจะทำได้ และแม่ของข้าพเจ้าก็กำลังเป็นโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งข้าพเจ้าเองก่อนมาก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาที่นี่แล้วได้รู้จักบาปกรรมและเห็นความไม่เที่ยงของชีวิต ข้าพเจ้าก็อยากจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น จะเรียนหนังสือให้ตั้งใจมากขึ้นเพราะเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านทั้งสองจะได้ภูมิใจในตัวข้าพเจ้าบ้าง ไม่ต้องผิดหวังช่ำใจในตัวข้าพเจ้า และในการมาที่นี่ทำให้ข้าพเจ้าได้ฝึกสติให้ดีขึ้นและได้เคล็ดลับในการเรียนดีมากขึ้นด้วย ก็ขอขอบคุณวัดวะภูแก้วมากค่ะ
น.ส.พัชรี ทุมนาหาด ชั้น ม.4/1 เลขที่ 36 โรงเรียนสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 2555 บอกรักแฟนได้ แต่ไม่กล้าบอกรักพ่อแม่ ข้าพเจ้ารู้สึกว่าการมาวัดเป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่าย เพราะการปฏิบัติธรรมมีแต่อะไรที่ซ้ำซาก เดี๋ยวก็สวดมนต์ เดี๋ยวก็นั่งสมาธิ แล้วก็เดินจงกรม แถมยังห้ามส่งเสียงดังอีก จะทำอะไรก็ยุ่งยากไปหมด วันแรกของการนั่งสมาธิรู้สึกว่าอยากจะปรี๊ดแตกเพราะปวดขา ทรมานมาก พอเริ่มเข้าสู่วันที่ 3 เริ่มหายปวดและรู้สึกว่าเริ่มตัวเบาสบาย เริ่มมีจิตใจสงบ
ในการมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ทำให้คนที่เคยหลงผิดอย่างข้าพเจ้าเริ่มคิดจะกลับตัวกลับใจ ข้าพเจ้าเคยคิดว่าเราเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ท่านทำให้เราเกิดมาท่านก็ต้องเลี้ยงดูเราเป็นอย่างดี เราอยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็ต้องหามาให้ ข้าพเจ้าอยากได้โน้ตบุคมาก เห็นคนอื่นเขามีก็อยากได้ ขอคุณพ่อ พ่อบอกว่ามันยังไม่จำเป็น ข้าพเจ้าก็ดุด่าท่านว่า ถ้าไม่ซื้อให้ข้าพเจ้าจะไม่ไปโรงเรียน จะไม่คุยด้วย 2 วันผ่านไปคุณพ่อก็ซื้อมาให้ ข้าพเจ้าเคยคิดว่าทำไมแม่ชอบดุด่าว่าเรา ไม่รักเราหรือยังไง พอได้ฟังธรรมเกี่ยวกับคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าก็เริ่มคิดได้ว่าท่านเป็นผู้ให้ชีวิตเรา เราต่างหากที่ต้องเลี้ยงดูท่าน มีหน้าที่เชื่อฟังท่าน ทดแทนบุญคุณท่าน เรามีบาปติดตัวมาตั้งแต่เกิด
ข้าพเจ้าจัดงานวันเกิดทุกปี นับต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะเปลี่ยนจากการจัดงานวันเกิดมาเป็นวันผู้ให้กำเนิด จะนำพวงมาลัยไปกราบคุณพ่อคุณแม่ ในการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้าสำนึกผิดในหลายๆ เรื่องที่เคยหลงทำผิด ข้าพเจ้าเริ่มชอบการนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม ได้รู้บุญคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ การนั่งสมาธิสามารถช่วยให้จิตใจสงบ อาจจะทรมานแค่ตอนแรก แต่ตอนนี้การนั่งสมาธิช่วยให้ข้าพเจ้ามีจิตที่สงบขึ้น ถ้ามีโอกาสข้าพเจ้าก็อยากกลับมาปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้อีก มีอีกอย่างที่ข้าพเจ้าอยากจะทำกับแม่คือบอกรักพ่อกับแม่ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยบอกรักพ่อเพราะพ่อทำงานอยู่ต่างจังหวัด ส่วนมากจะไม่กล้า แต่กลับบอกรักแฟนได้ทุกวันแทบตลอดเวลา แต่กลับไม่กล้าบอกรักผู้ให้กำเนิด กลับไปข้าพเจ้าจะโทรไปบอกคุณพ่อว่ารักท่านมากลูกจะไม่เกเรอีกต่อไปจะพยายามทำเพื่อพ่อแม่ ให้สมกับที่ท่านให้ชีวิตนี้กับเราให้เราได้มีโอกาสมาลืมตาดูโลก
น.ส. อจลญา เย็งประโคน ชั้น ม.4/3 เลขที่ 41 โรงเรียนสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 2555 ตอนนี้กล้ากราบแม่แล้ว
หนูเคยทำให้แม่ต้องเสียใจ เคยทำบาปแม่ เคยเถียงแม่ เคยว่าแม่ เคยด่าแม่ เคยโกหกแม่ เคยว่าแม่รักลูกไม่เท่ากัน หนูน้อยใจมากเคยคิดว่าไม่อยากอยู่บ้าน อยากหนีออกจากบ้าน บางครั้งก็รำคาญที่พ่อบ่นพ่อด่า รำคาญมากจึงเดินหนีแล้วก็เข้าไปนอนในห้อง บางครั้งก็เถียงท่านแล้วก็ยังโกหกว่าจะไปที่โน่นที่นี่ แต่ที่จริงแล้วหนูอยากเที่ยวก็เลยต้องโกหก หนูรู้แล้วว่ามันบาปมาก รู้แล้วว่าพ่อกับแม่เสียใจขนาดไหน
เมื่อหนูได้เข้ามาในโครงการอบรมพัฒนาจิตที่ทางโรงเรียนได้จัดขึ้นที่วัดวะภูแก้ว วิทยากรสอนให้เรามีสติสัมปชัญญะเพื่อให้มีปัญญาเห็นชอบ มีความจดจ่อ เกิดสำนึกของความกตัญญูกตเวที ความรับผิดชอบ สิ่งที่หนูเข้าใจมากเป็นพิเศษคือ ความกตัญญูกตเวที แต่ข้าพเจ้าก็ไม่กล้าแสดงออก อาย กลัวตัวเองจะร้องไห้ออกมาให้พ่อกับแม่เห็น แต่พอได้เข้าฝึกในโครงการอบรมพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้ว พอวิทยากรพูดถึงเรื่องพระคุณของพ่อแม่ เราน้ำตาไหลออกมาทันที เพราะเคยทำผิดอย่างใหญ่หลวง เคยทำให้แม่ร้องไห้ มันบาปมากแล้วกลับไปบ้านจะไปกราบพ่อกับแม่และอยากขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
น.ส. อนุตตรีย์ วินิจฉัยภาครุจ ม.4/5 เลขที่ 39 โรงเรียนสูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เขียนไว้ ณ วันที่ 3 ก.ค. 2555
|