Monday, 03 July 2017 03:32 |
แม่ลูกผูกพัน ในวันแรกที่ทางโรงเรียนส่งจดหมายมาให้ถามว่าจะไปหรือเปล่า? ฉันมีคำตอบเดียวคือไม่ ไม่มีทางไปเด็ดขาด ยิ่งนอนวัดยิ่งไม่ไป แต่จากที่ครูบอกว่าคนที่ไม่ไปให้ทำทดแทน 48 ชั่วโมง กลับกลายมาเป็นไม่ต้องทำแล้วโดยหัก 20 คะแนน 2 วิชา แน่นอน มัดมือชกแบบนี้ไม่มีทางที่จะไม่มา
ยอมรับว่าชีวิตค่อนข้างสบาย ไม่ถึงกับคุณหนูมากแต่ไม่เคยต้องมาลำบากแบบนี้พอมาถึงก็มีความรู้สึกแอนตี้นิดหน่อย แต่พอเอาความรู้สึกโกรธจากการโดนบังคับออกไปก็ทำให้เข้าใจ จากเรื่องที่รู้ก็รู้มากขึ้น จากรักพ่อกับแม่ก็รักมากขึ้น ตั้งใจสวดมนต์ให้พ่อกับแม่ให้พวกท่านอยู่กับเราไปนานๆ เพราะว่าเป็นลูกสาวจึงไม่สามารถบวชให้พ่อกับแม่เกาะชายผ้าเหลือง ฉันว่าฉันเป็นลูกที่ดีนะ ฉันทำตัวไม่ให้คนอื่นมาด่าว่าพ่อกับแม่ได้ ทำตัวให้มีค่า ตอนแม่นั้นขาหักก็เป็นฉันที่เฝ้าท่านเป็นเดือน จนท่านไล่ให้กลับบ้านแต่ฉันก็ไม่กลับ ทำไมล่ะ เพราะตอนเด็กเวลาป่วยฉันก็มีแม่คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียง ท่านอดหลับอดนอนเพื่อดูว่าไข้ลดลงหรือยัง ลูกจะเป็นอะไรไหม ฉันเคยไข้ขึ้นจนชักแม่เห็นว่าฉันจะกัดลิ้นตัวเอง แม่จึงเอามือมาให้ฉันกัด ตอนฉันผ่าตัดตอนนั้นเข้าห้องไปดมยาสลบแม่ก็เป็นคนที่จับมือคอยลูบผมปลอบ ปากก็พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรลูก ไม่ต้องกลัว แม่จะอยู่ข้างหนูนะ จนผ่าเสร็จฉันฟื้นในห้องพักฟื้น คนแรกที่สบตามาเห็นก็ยังเป็นคนเดิมก็คือแม่ เป็นแม่ตลอดที่เฝ้าฉันเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ฉันจึงคิดว่าตอนเด็กท่านเฝ้าเราพอโตมาเราจะมาเฝ้าท่านบ้างมันไม่หนักหนาหรอก ฉันก็เลยคิดว่ากำลังทำหน้าที่ลูกที่ดีถึงจะไม่ดีมากก็ตาม วัดวะภูแก้วเป็นวัดที่สอนหลายๆ อย่างได้ดีมากๆ ดีใจจริงๆ ที่ครูบังคับให้มาเจอสิ่งดีๆ
กมลชนก ภูกิ่งหิน ม.6/12 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า แสงสว่างปลายอุโมงค์ ย้อนกลับไปตั้งแต่วันแรกที่รถโดยสารนักเรียนจอดลงที่สถานที่แห่งนี้ เมื่อเดินลงจากรถมาสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ความเงียบสงบ ความรู้สึกเย็นสบายที่แทบจะหาไม่ได้เลยในสังคมเมืองหลวง ชีวิตประจำวันของผมในเมืองหลวงนั้นอาศัยอยู่กับความเร่งรีบความวุ่นวาย แต่เมื่อมาที่นี่ก็เหมือนกับว่าได้พักผ่อน พักทั้งร่างกายและจิตใจ แต่สิ่งที่ผ่อนคลายมากกว่าเห็นจะเป็นจิตใจ ก่อนที่จะมาที่นี่ผมมีความรู้สึกว่าจิตใจและความคิดของผมวุ่นวาย วุ่นวายไปกับความกลัวความกังวลในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ว่าผมจะสามารถทำความความฝันของตนเองและครอบครัวได้หรือไม่ เพราะที่บ้านโดยเฉพาะแม่ค่อนข้างที่จะตั้งความหวังกับผมไว้สูง ความคาดหวังนั้นเองในบางครั้งก็เป็นแรงผลักดันและในบางครั้งก็เป็นแรงกดดัน ทำให้ความคิดและจิตของผมเกิดความวิตกกังวลอยู่เกือบตลอดเวลา
เมื่อได้รับการฝึกจิต ฝึกนั่งสมาธิที่นี่ ผมเองก็ไม่ทราบว่าความวิตกนั้นหายไปหรือเปล่ารู้แต่เพียงว่าตัวเองมีความนิ่งและความสงบมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมแม่ต้องตั้งความหวังในตัวผมไว้สูงมากขนาดนั้นด้วย แล้วผลจะทำได้ตามความคาดหวังนั้นหรือ? ตัวผมทำไม่ได้ตามที่คาดหวังล่ะ แม่จะเสียใจแค่ไหน? แต่เมื่อได้ฟังท่านวิทยากรที่นี่อบรมเรื่องพระคุณของพ่อและแม่แล้ว จากความกังวลนั้นกลับกลายเป็นว่า ผมอยากทำความคาดหวังนั้นของแม่ให้สำเร็จแทน เพราะกว่าที่ผมจะมีทุกวันนี้ ทั้งพ่อและแม่เหน็ดเหนื่อยมากกว่าผมหลายเท่าตัวนัก กับแค่การตั้งใจเรียนและมีความเพียรกับการอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยทำไมผมจะทำให้ท่านทั้งสองไม่ได้ ต่อจากวันนี้ผมจะเพิ่มความพยายามเข้าไปอีกกับทุกๆ สิ่งในชีวิต ทั้งการเรียนและกิจกรรมอื่นๆ ขอบคุณสถานที่ปฏิบัติธรรม “วัดวะภูแก้ว” ที่ให้อะไรหลายๆ อย่างกับผม ทั้งความอดทน ความเพียรพยายาม ความมีจิตสำนึกที่ดี ความนิ่งสงบของจิตใจที่ก่อให้เกิดสมาธิและปัญญา เปรียบเสมือนแสงสว่าง แสงสว่างปลายอุโมงค์
คคนะ จิตสชน ม.6/5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาเป็นเรื่องเดียวกัน หนูเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่ห่วงเรียนมาก อันที่จริงตอนแรกหนูจะไม่มาแล้วเพราะคิดว่าจะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านทำงานล่วงเวลา แต่ก่อนหนูเป็นคนที่ไม่เคยสนใจพุทธศาสนาแต่หนูสนใจวิทยาศาสตร์มาก หนูสนใจกฎ Action = reaction เท่นั้น ส่วนความเชื่อทางศาสนา สนใจแค่ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว หนูคิดมาโดยตลอดว่าศาสนาคือเรื่องงมงาย ตายไปก็เป็นศูนย์ แต่พอมาที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ คณะคุณครู/วิทยาการทำให้หนูเห็นว่า วิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนามันเชื่อมกัน หลังจากนั้นหนูก็ตั้งใจนั่งสมาธิจดในสิ่งที่ดี อาจารย์สอนอย่างตั้งใจ หนูดีใจมากเพราะว่าหนูนั่งสมาธิได้ครั้งแรกคือที่นี่เลย และนั่งได้นานที่สุดตั้งแต่เด็กมา หนูรู้สึกว่าหนูมีสติสัมปัชชัญญะมากขึ้น ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าการเข้าวัดไม่ใช่เรื่องเสียเวลาหรือน่าเบื่อ แต่เป็นการพัฒนาจิตใจและสมองของตนให้ดีขึ้น ทำให้เรียนได้ดี ดำรงชีวิตเข้าสังคมให้ดีได้ สำหรับหนูแล้ว หนูเป็นความหวังเดียวของครอบครัว หนูเลยตั้งใจอ่านหนังสือก้มหน้าก้มตาไม่เข้าสังคม ที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ทำให้หนูเห็นแล้วว่า การที่เราจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ต้องมีหลายปัจจัย หลังจากนี้ต่อไปหนูจะนำคำสอนของวัดวะภูแก้วแห่งนี้ไปประยุกต์ใช้และหนูหวังว่าหนูจะสอบคณะแพทย์ได้
ณัฐนรีพอลลีนกราเซียสคอค ม.6/1 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
สร้างพลังบุญสู้พลังบาป พอได้รู้ว่าโรงเรียนจะจัดกิจกรรมให้มาค่ายที่วัดวะภูแก้ว ส่วนตัวผมแล้วผมรู้สึกดีใจมาก เพราะทางครอบครัวชอบเข้าวัดอยู่แล้วโดยเฉพาะวัดป่า การมาค่ายครั้งนี้ทำให้ผมมีความสนใจในเรื่องของกฎแห่งกรรม โดยเฉพาะเรื่องพลังบุญพลังบาป ทำให้รู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรนั้นมีอยู่จริง แต่ถ้าเราทำบุญมากๆ จะทำให้กรรมไม่ดีที่เราทำมา อาจทุเลาลงบ้าง
ต้องขอขอบคุณ ดร.ดาราวรรณ ที่ได้ชี้แนะแนวทางในเรื่องการนำธรรมะหรือพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้กับเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องชีวิตหลังความตาย ทำให้ผมได้รู้ว่า สวรรค์ นรก มีอยู่จริงๆ หากเราทำชั่วเราต้องไปนรกแต่หากทำดีจะได้ไปสวรรค์ ส่วนเรื่องพลังบุญ พลังบาป พอได้ฟังรู้สึกว่าเริ่มเกรงกลัวเจ้ากรรมนายเวร แต่พอ ดร.ดาราวรรณได้มีแนวทางการแก้ไขต้องการใช้พลังบุญในการต่อสู้พลังบาป ทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ และผมตั้งใจว่าหลังจากกลับจากวัดวะภูแก้ว ผมจะทำบุญให้มาก เพื่อที่จะได้มีพลังบุญไปต่อสู้กับพลังบาปครับ
ณัฐสิทธิ์ สมประสงค์ ม.6/5 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
รู้แล้วว่าทำไมโรงเรียนพามาที่นี่ ความรู้สึกที่มาวัดวะภูแก้ว วันแรกที่มาถึงรู้สึกน่าเบื่อมาก วิทยากรพูดนานจนจะหลับ ให้นั่งสมาธิกับสวดมนต์นานมาก แต่กลับชอบคำที่วิทยากรบอกว่า “พระองค์ไม่ได้บอกให้เชื่อที่พระองค์พูดทันที แต่ให้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง” แล้วก็ชอบวิดิโอที่เปิดให้ดูตอนกลางคืน ดูแล้วรู้สึกซึ้งใจมาก ทำให้เรารู้ถึงจิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ ว่าเขารู้สึกอย่างไรถ้าเราทำตัวไม่ดี ถึงแม้เขาจะไม่บอกให้เรารู้
วันต่อ ๆ มา พอได้ตั้งใจฟังวิทยากรดี ๆ แล้วก็ไม่ได้น่าเบื่อเหมือนวันแรก มีสอนบาปบุญคุณโทษ นรก สวรรค์ และมีหนังสือให้อ่านไม่เบื่อเลย แต่ก็ยังปวดขาเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการฝึกฝนความอดทนไปอีกแบบ และผมชอบวิดีโอที่วิทยากรเปิดมากที่สุด ดูแล้วประทับใจมาก ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า 4 วันที่มาอยู่ที่วัดวะภูแก้วไม่เสียดายเลย ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าโรงเรียนเสียเงินเสียเวลาให้เด็ก ม.6 มาที่นี่ทำไม ดุลยวัต วิไลพันธุ์ ม.6/5 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
เกลียด...ใคร? ตั้งแต่ย่างกรายปลายฝ่าเท้าและรองเท้าแตะคู่ใจลงมา ณ พื้นที่แห่งนี้ ก็รู้สึก “เกลียด” ค่ะ ตั้งแต่ได้พบเจอลานธรรมที่มีหินแข็งๆ กับผ้าปูพื้นบางๆ ที่ดูไม่สอดคล้องกัน “เกลียด” ค่ะ ตั้งแต่ได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารที่มีแต่ผักเสียส่วนใหญ่และคนกินเยอะมาก “เกลียด” ค่ะ ตั้งแต่ได้มาพบเจอการสวดมนต์ ปฏิบัติธรรมต่างๆ กิจกรรมต่างๆ “เกลียด” ค่ะ ตั้งแต่ได้มานอนร่วมกับเพื่อนๆ ในหอที่มีผ้าปูที่นอนลายดอกพื้นสีน้ำตาลพรั่งพร้อมด้วยสัตว์และแมลงนานาชนิด “เกลียด” ค่ะ ตั้งแต่ปลายเท้าจรดพื้นถนนที่ลาดยางจาก้นเขาขึ้นมาแทนจะบนเขา ก็รู้สึก “เกลียดตัวเอง” ที่รู้สึก อคติก่อนมาที่นี่อาจจะเป็นวัดปกติไม่เห็นมีอะไร เปล่าเลยในที่นี้ “ธรรมชาติ” คือคำนิยามของที่แห่งนี้ ตั้งแต่ได้พบเจอลานธรรมที่พื้นหินที่ทั้งแข็งและหนาวพรั่งพร้อมด้วยผ้าปูรองนั่งที่บางๆ มีกระเป๋า ช่องใหญ่ใต้ผ้านั้น “เกลียด” ไปอีกค่ะเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถทนได้ในวันแรกๆ พื้นนี้ ผ้านี้ ของจำนวนเหล่านี้ พระสงฆ์ท่านยังสามารถนั่งได้ โดยแทบจะไม่ปริปากบ่นสักคำ ตั้งแต่ได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารนั้น “เกลียด” ที่มื้ออาหารแห่งความอบอุ่นคนเยอะๆ นี้มีน้อยครั้งที่เราจะได้มีโอกาสเช่นนี้ เชื่อว่าหลายๆ คนตอนอยู่บ้านจะชินกับการกินข้าวคนเดียวมากกว่ากินกับครอบครัว ตั้งแต่ที่ได้มาพบเจอการสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ในลานธรรมแห่งนี้ “เกลียด” ค่ะ เกลียดที่เวลานั่งสมาธิ นั่งสวดมนต์ในที่อากาศดีๆ บรรยากาศดีๆ แห่งนี้ มีโอกาสหาได้ยากมากๆ ค่ะ ตั้งแต่ได้มานอนกับเพื่อนๆ ในหอแห่งนี้รู้สึก “เกลียด” ที่เวลานอนด้วยกันนั้นมีน้อยเกินไปอาจจะเป็นโอกาสครั้งเดียวในชีวิตที่ได้นอนกับเพื่อนบางคนในที่แห่งนี้ เกลียดที่ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้ มีเพียง 3 คืนเท่านั้นเอง
อยากจะชวนทุกคนมาร่วมกัน “เกลียด” ร่วมกัน “ลอง” มาที่ค่ายแห่งนี้ค่ะ แล้วคุณจะ “เกลียด” ที่ค่ายแห่งนี้มีเวลา “น้อยเกินไป”
ธนากร หวังศรีประเสริฐ ม.6/3 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
อยากเปลี่ยนตัวเอง มาค่ายธรรมะวัดวะภูแก้ว วันแรกผมเบื่อมาก มาถึงได้ยังไม่นานก็อยากกลับบ้านแล้ว ที่พักก็ไม่สบาย คุณครูก็พูดเยอะ พูดช้าๆ ทำให้ผมง่วงมาก แต่ก็นอนไม่ได้เวลานอนก็ให้น้อยมาก วนที่สองผมคิดว่าเขาจะพาไปเดินเล่นบ้าง มีกิจกรรมสนุกๆ บ้าง แต่ไม่มีเลย กลับให้นั่งที่เดิมอยู่ทั้งวัน ผมเมื่อย เบื่อ ปวดไปทั้งตัว ผมอยากกลับบ้านมาก วันที่สามก็ยังเหมือนเดิม ผมไม่มีอะไรจะทำ ผมนี้แค่คิดว่าเดี๋ยวก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่พอตกเย็นผมลองนั่งสมาธิดู เห็นคนอื่นนั่งได้ทำไมผมทำไม่ได้ ทำไมผมเมื่อย ปวด ผมลองทำดู คุณครูพูดถึงพ่อแม่ผมคิดตาม ไม่น่าเชื่อผมไม่ปวดเลย ผมทำได้ มันสบาย ผมคิดถึงพระคุณพ่อแม่มาก อยากกลับไปขอโทษ อยากเปลี่ยนตัวเอง ตอนเช้าวันสุดท้ายก่อนกลับ ครูให้นั่งสมาธิแล้วนึกถึงพ่อแม่ ผมน้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ที่นี่ทำให้ผมที่เคยเถียงพ่อแม่ ไม่ช่วยทำงาน ใช้เงินเยอะ ทำผิดกับพ่อแม่มากมาย แต่ตอนนี้ผมอยากเปลี่ยนตัวเอง ผมรักพ่อแม่มากขึ้นและผมจะดูแลพ่อแม่ของผมสุดความสามารถที่ผมทำได้ตลอดไป
โสภณวิชญ์ เตี่ยบัวแก้ว ม.6/7 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
ประทับใจความใส่ใจของครู วันแรกที่หนูมา หนูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะให้นั่งสมาธิ 30 นาทีแน่ะ หนูคิดว่าน่าจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเพราะหลายคนก็ไม่เคยทำนานขนาดนี้มาก่อน เหมือนการล่าสัตว์ถ้าอยู่ดีๆ จะให้ไปล่าเสือทั้งๆ ที่ไม่เคยล่ามันก็เป็นไปได้ยาก ต้องเริ่มจากการล่าสัตว์เล็กก่อน พอมีประสบการณ์แล้วจึงค่อยๆ พัฒนาไป แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้ชินแต่ชาๆ ไปเอง ก็พยายามทำให้ได้เพราะรู้ว่ามันดีต่อตัวเอง สิ่งที่ประทับใจคือ ความเอาใจใส่ของวิทยากร ที่พยามยามเก็บทุกรายละเอียดอยากให้เราได้สิ่งดีๆ พยายามให้ทุกๆ อย่างแก่เราให้มากที่สุดเท่าที่ท่านมีโอกาส พยายามให้เรามีระเบียบวินัย ค่ายนี้ให้อะไรหลายๆ อย่าง ได้ระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา หลายคนที่ไม่เคยคุยกันเลยก็มาคุยกันที่ค่ายนี้ ครูหลายท่านที่คิดว่าดุใจร้าย ก็อบอุ่นและใจดีกว่าที่คิด ได้ฝึกจิตให้สงบ ได้อยู่กับตัวเองมากกว่านั่งเล่นโทรศัพท์ ได้ถามตัวเองว่าวันนี้ทำดีหรือยังถ้าไม่ดีพอ พรุ่งนี้ก็ทำเพิ่ม ได้มีเวลาทบทวนสิ่งที่ผ่านมาและได้มีประสบการณ์ดีๆ ได้ความรู้จากวิทยากร ที่ใส่ใจมากๆ
สริดา มณีวัฒนา ม.6/8 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
|
Last Updated on Monday, 03 July 2017 04:38 |