Sunday, 11 December 2016 05:51 |
ประสบการณ์จากการอบรมพัฒนาจิต ก่อนมาอบรม หนูไม่ทราบด้วยซ้ำว่าคุณแม่จะพามาอบรม รู้แค่ว่ามา จ.นครราชสีมา พอมาถึงได้รู้ว่า คุณแม่ต้องการให้เรามาอบรม หนูรู้ว่าแม่หวังดี ตอนแรกหนูก็เสียใจว่าแม่จะพามาอบรมทำไม ในเมื่อหนูก็ไม่ใช่ เด็กไม่ดี เมื่อได้ฟัง ดร. พูด หนูก็เข้าใจว่าการมาอบรมครั้งนี้ล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น หนูเลยมองตนเองใหม่ เพราะที่นี่ สอนทั้งความรู้ คุณธรรม กตัญญู ได้รู้สำนึกว่ายังมีคนอีกมากมายที่ไม่มีเงินทอง ลำบาก แต่เขาก็ยังรักพ่อแม่ ถึงแม้พ่อแม่จะยากจน แต่ก็เลี้ยงเขามา แต่หนูมีทั้งเงินทอง ทั้งการศึกษา ทำไมต้องไปเปรียบเทียบกับเพื่อนว่า เพื่อนมีสิ่งนั้นสิ่งนี้ พ่อแม่ทำงานยากลำบาก ทำไมเรากลับเหนื่อยเวลาทำงานบ้านล่ะ หนูควรต้องช่วยท่านบ้างเพราะที่ผ่านมาหนูก็ล้างแต่จานตัวเอง ไม่ค่อยช่วยพ่อแม่ล้าง ไม่ช่วยงานบ้าน อ้างว่าการบ้านเยอะ หนูชอบเถียงพ่อแม่ พูดจากับท่านไม่ดี ทั้ง ๆ ที่ท่านดูแล เลี้ยงดูเรายากลำบาก แต่เรากลับก้าวร้าวไม่เคารพใส่แบบนั้น เรากลับใช้เงินฟุ่มเฟือย ถึงหนูจะเก็บเงินเก่ง ประหยัดกว่าเด็กคนอื่น ๆ แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ท่านทรงประหยัด พอเพียง แม้แต่หลอดยาสีฟันก็ยังใช้จนหมดเกลี้ยงหลอด และพระองค์ยังกตัญญูต่อสมเด็จย่า แล้วทำไมหนูเรียนในสถาบันของสมเด็จย่า ถึงไม่กตัญญูต่อแม่บ้าง ตั้งแต่หนูมาอบรมครั้งนี้ หนูก็เข้าใจคำว่ากตัญญู อย่างถ่องแท้แล้วค่ะ เข้าใจทั้งความกตัญญูต่อพ่อแม่ ครู อาจารย์ ต่อพระราชา และพระบรมวงศานุวงศ์ เข้าใจบุญบาปและนรกสวรรค์ กรรมดี กรรมชั่วต่าง ๆ หนูจะนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปปรับใช้เพื่ออนาคต เพื่อความสำเร็จในชีวิตต่อไป ขอขอบคุณ ดร.ดาราวรรณ อาจารย์หลาย ๆ ท่าน หลวงพ่อพุธและสถานที่แห่งนี้ วัดวะภูแก้วค่ะ
ด.ญ.หทัยชนก จันทร์รุ่งฤทธิ์ (ผู้อบรมสมทบ) โรงเรียนสตรีวิทยา 2 กทม. ชั้น ม.3
ประสบการณ์จากการอบรมพัฒนาจิต ก้าวแรกที่หนูลงจากรถบัส โห้... วัดวะภูแก้วเป็นวัดที่สงบสะอาดมาก สมกับการมาปฏิบัติธรรมจริง ๆ วันแรกที่ได้มาอยู่ หนูรู้สึกสนุกกับการปฏิบัติธรรม แต่ก็มีบางครั้งที่อยากกลับบ้านเพราะเหนื่อยเมื่อยล้า มาก ๆ ค่ะ แต่พออยู่มาเรื่อย ๆ เหมือนหนูเป็นแก้วที่น้ำยังไม่เต็มแก้ว ท่านวิทยากรจะคอยเติมให้หนูเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ มีทั้งเนื้อหาสาระแฝงความรู้ไว้มากมาย เต็มไปด้วยเรื่อง บุญ – บาป มากมาย อีกทั้งความรู้ที่เต็มไปด้วยคติเตือนใจ คำสอนที่น่าจะเอาไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ท่านวิทยากรสอนหนูในเวลา 5 วัน 4 คืน นี้ ถึงจะไม่กี่วันแต่ความรู้ที่ได้ไปมันมากกว่าที่จะเปรียบประเมินคุณค่าเป็นเงิน หรือ มูลค่าไม่ได้จริง ๆ ส่วนในการนั่งสมาธิ หนูถือว่ามีคุณค่ากับชีวิตหนูมาก ๆ เพราะถ้าไม่ได้มาวัดวะภูแก้วนี้ ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะได้ทำสมาธิภาวนาให้จิตสงบ ตอนแรกเมื่อยขามาก แต่เหมือนกับการเอาชนะใจตนเองจริง ๆ ค่ะ มาวัดวะภูแก้วนี้ หนูไม่ผิดหวังเลยที่มาวัดนี้ ถือว่าหนูมีบุญจริง ๆ ที่ได้มา หนูจะไม่ลืมเลยค่ะว่าครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มาอยู่ในวัดนี้ ปฏิบัติธรรมทำสมาธิอย่างเต็มใจ ไม่มีคำว่าไม่อยากปฏิบัติอยู่ในหัวเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสมาวัดนี้อีกหนูก็จะมาอีกค่ะ เพราะที่นี่เป็นมากกว่าวัดที่อบรมพัฒนาจิตเลยค่ะ
นางสาวณัชรีภรณ์ นวลงาม โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/2 ประสบการณ์จากการอบรมพัฒนาจิต
ดิฉันเคยไปอบรมธรรมะหลายครั้ง ต่างสถานที่ แต่ไม่มีสถานที่ใดที่เหมือนวัดวะภูแก้วแห่งนี้เลย ตอนแรกดิฉันคิดว่ามาที่นี่ก็คงจะเหมือนสถานที่อื่น ๆ แต่ดิฉันคิดผิด วัดวะภูแก้วแห่งนี้ สอนและทำให้ดิฉันสำนึกในพระคุณบิดามารดาและผู้มีพระคุณทุกท่าน ครูบาอาจารย์ และพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งแตกต่างจากสถานที่อบรมอื่นที่ดิฉันเคยไปมาก เพราะวัดวะภูแก้วปลูกฝังสิ่งดีงามให้เป็นจิตสำนึก แต่ที่อื่นให้เพียงแค่ความรู้ทางพระพุทธศาสนา แต่ที่ดิฉันรู้สึกสำนึกที่สุดคือ “พระคุณแม่” เนื่องจากดิฉันเป็นเด็กกำพร้าแม่ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ตอนนั้นอายุดิฉันเพียงแค่ 2 ขวบ จนตอนนี้ดิฉันอายุ 16 ปี ไม่เคยเจอหน้าแม่แม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยติดต่อสื่อสารใด ๆ กันเลย ดิฉันคิดเสมอว่า “แม่ไม่รักเราเลยหรือ ถึงทิ้งเราไป” ดิฉันไม่เคยมีความคิดที่จะตามหา หรือค้นข้อมูลเกี่ยวกับแม่ของดิฉันเลย ในบางครั้งดิฉันคิดไปว่า เราไม่มีแม่ และเขาก็ไม่ใช่แม่ของเรา ดิฉันคิดอย่างนี้มาตลอดชีวิต จนดิฉันได้มาปฏิบัติที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ทำให้ดิฉันสำนึกและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก หากดิฉันไม่ได้มาที่นี่ ดิฉันก็ไม่ต่างอะไรกับลูกอกตัญญูที่เคยคิดไม่ดี และไม่รักแม่ ตอนนี้ดิฉันได้สำนึกแล้ว ดิฉันจะรักแม่ เทิดทูนแม่ แม้จะไม่เคยเจอกันเลยก็ตาม นางสาวณัฐวรรณ จงแจ้งกลาง โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/1
มีแต่สิ่งเย้ายวนชวนฟัง ชวนอ่าน ก่อนที่ผมจะมาที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ ผมเป็นเด็กเกเร ไม่ตั้งใจเรียน หนังสือก็ไม่เคยอ่าน เวลาสอบก็ไปนั่งเดา ขีดๆ กาๆ ไป พอผมรู้ว่าจะต้องมาอบรมที่วัด ผมถึงกับอยู่ไม่เป็นสุข ชวนเพื่อนย้ายโรงเรียน ม.5 ค่อยกลับมา แต่ในที่สุดก็ต้องมาเพราะถ้าไม่มาปีนี้ ปีหน้าก็ต้องมาอยู่ดี พอมาถึงที่วัดวะภูแก้วแห่งนี้ก็เฉย ๆ ผมก็คิดไว้แล้วแหล๋ะ วัดไหนๆ ก็เหมือนๆ กัน แต่พอได้ฟังเนื้อหา กลับรู้สึกแปลกๆ เนื้อหาสาระมันเย้ายวนชวนให้อยากฟัง ปกติผมจะพูดแต่เรื่องไร้สาระ เรื่องมีสาระผมจะคิดในหัวคนเดียว นอกจากไม่รู้จริงๆ ถึงจะเล่าและถามคนอื่น พอถึงเวลาอ่านหนังสือ โอ้!!! แม้เจ้าเอ้ย!! ขนาดสอบกลางภาค ปลายภาค หยิบหนังสือมาถือยังไม่เคย ไปสอบก็ปากกาด้ามเดียว แต่พอได้อ่านหนังสือที่พิธีกรแจก เนื้อหาน่าอ่านมาก อ่านแล้วทำให้อยากอ่านต่อ เรื่องแม่นี่ทำผมเกือบร้องไห้ แต่ผมเป็นคนแบบไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น ผมอยากจะบอกว่าผมคิดได้แล้ว แต่แม่จากผมไปแล้ว พ่อกับแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่สมัยผมเด็กๆ ส่วนที่ที่ชอบก็ลานธรรม วิวสวยมาก ผมก็ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเพราะปกติไม่ตั้งใจเรียนเลยไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มาที่นี่ผมได้อะไรมากมาย จะนำกลับไปใช้ในชีวิตประจำวันครับ
นายสุทธิพงศ์ พิทักษ์ใจ โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/1
ถ้าตั้งใจก็ได้ดี วันแรกที่รู้ว่าต้องมาเข้าค่ายอบรมธรรมะที่นี่ ไม่อยากมาเลยค่ะ คิดไว้ล่วงหน้าเลย มันต้องน่าเบื่อแน่ๆ ต้องไม่น่าอยู่แน่ๆ ไม่ไปดีไหม แต่ก็ไม่ได้เพราะทางโรงเรียนบอกว่าต้องไปทุกคน ไม่งั้นไม่ผ่าน ก็เลยต้องจำใจมา มาแบบคิดว่าชั่งมันเถอะแค่ 5 วัน ทนเอา แป๊ปเดียว พอมาถึงก้าวแรกที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศ โอ้โห! ทำไมอากาศดีจัง มันดีมากกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย แต่ก็คิดในใจแค่อากาศดี เดี๋ยวได้เข้าฟังแต่ธรรม มีแต่นั่งสมาธิ ก็น่าเบื่ออยู่ดี สวดมนต์ทำวัตรเช้า แต่เพื่อนคนอื่นทำได้กันหลายคนแล้ว แต่หนูไม่ได้อะไรเลยก็เริ่มคิด เอ้! ทำไมเพื่อนทำได้ แต่เราทำไมทำไม่ได้ ทำไมแย่แบบนี้ มาวันที่ 3 จึงเริ่มจริงจัง เริ่มตั้งใจ เพราะอยากได้บุญ ได้สิ่งดีๆ กลับบ้านกับเขาบ้าง ฟังธรรมบรรยายก็ตั้งใจ ไม่คุย เริ่มดี เริ่มเปลี่ยนความคิด ครูพูดเรื่องพระคุณแม่ก็ร้องไห้โฮ คิดได้ที่ทำไม่ดีกับพ่อแม่ไว้ แล้วก็คิดว่าจะกลับบ้านแล้วหรือ ใจไม่อยากกลับเลย เพราะทุกอย่างกำลังเข้าที่ จะตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อตัวหนู เพื่ออนาคตค่ะ
นางสาวธัญวรัตน์ รักตะขบ โรงเรียนขามสะแกแสง ชั้น ม.4/6
|
Last Updated on Sunday, 11 December 2016 06:07 |