Wednesday, 17 August 2016 03:31 |
ฉันได้อะไรหลายอย่างจากค่ายนี้
ดิฉันเคยเข้าค่ายธรรมะบ่อยๆ เพราะที่โรงเรียนจัดค่ายทุกปี แต่ปีนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าค่ายนานถึง 5 วัน ตอนแรกดิฉันรู้สึกว่า ทำไมนานจัง ไม่อยากมา แต่พอได้มาถึงที่วัด ฉันรู้สึกชอบบรรยากาศที่วัดมากๆ ที่นี่ดูร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมมาก ตอนนั่งสมาธิยกแรก ฉันรู้สึกว่าปวดขามาก ไม่อยากนั่ง จิตเลยไม่เป็นสมาธิ แต่พอยกที่ 2 ดิฉันนั่งได้นานขึ้นและเริ่มรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ และตอนที่ท่าน ดร.ดาราวรรณ บรรยายเรื่องพระคุณของแม่ ฉันคิดถึงตัวฉัน ซึ่งไม่ได้อยู่กับแม่ เพราะแม่ยกฉันให้มาอยู่กับน้องสาวของยายที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงเดือน ฉันเคยรู้สึกน้อยใจแม่ที่เลี้ยงดูพี่ฉันได้ แต่ทำไมเลี้ยงฉันไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นจะให้ฉันเกิดมาทำไม แต่พอมาค่ายนี้ ทำให้ฉันเข้าใจ มันเป็นเพราะกรรมของฉันเอง ดังนั้น ต่อไปนี้ฉันจะเลิกน้อยใจแม่ และจะหาโอกาสทดแทนบุญคุณแม่และค่ายนี้ทำให้ฉันเข้าใจวิธีการทำสมาธิที่ถูกต้อง เข้าใจศาสนาพุทธมากขึ้น เข้าใจเรื่องของบาป - บุญ กรรมดี - กรรมชั่ว และการดำเนินชีวิตมากขึ้น ค่ายนี้ทำให้ฉันอยากทำบุญและทำสมาธิมากขึ้น นางสาววราลักษณ์ คล้ายสุทธิ โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/1
เลิกกันที จะไม่มีเค้กวันเกิดอีกแล้ว จากที่ข้าพเจ้าเคยนั่งสมาธิแค่ 5 -10 นาที ข้าพเจ้าก็ปวดขาทนไม่ได้ ก็เลยออกจากสมาธิ แต่เมื่อข้าพเจ้ามาอยู่แห่งนี้ ก็ทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจที่จะนั่งสมาธิให้ได้และข้าพเจ้าก็ทำได้จริงๆ ข้าพเจ้าก็นั่งได้นานประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ และนั่งได้นานขึ้นในครั้งต่อ ๆ มา ข้าพเจ้ามีเทคนิคคือ นึกถึงหน้าผู้มีคุณ ให้เราคิดว่าเรากำลังตอบแทนพระคุณของท่าน และให้ตั้งใจปฏิบัติ และใช้ความอดทนเข้าสู้ ในที่สุดจิตของข้าพเจ้าก็สงบ ข้าพเจ้าก็คิดว่าโอกาสที่เราจะมานั่งสมาธิแบบนี้ไม่ค่อยมี เพราะเวลาอยู่บ้าน ส่วนใหญ่ก็จะเล่นโทรศัพท์ แต่ในเมื่อเรามีโอกาส เราจงตั้งใจทำความดี และในการเข้าค่าย วิทยากรก็พูดเรื่องพระคุณพ่อแม่ ก็ทำให้ข้าพเจ้าคิดได้ว่า วันเกิดของเรา เป็นวันเจ็บของแม่ ทำให้รู้ว่า เวลาหลายปีที่ผ่านมาข้าพเจ้าทำอะไรอยู่ มัวแต่ฉลองวันเกิดกับเพื่อน แต่ไม่เคยแม้สักครั้งที่จะมีพวงมาลัยไปกราบเท้าพ่อแม่ นับจากนี้ต่อไป การจัดงานวันเกิด เค้กวันเกิดที่ฉลองกับเพื่อน จะไม่มีอีกแล้ว จะมีแต่พวงมาลัยไปกราบเท้าพ่อแม่ นายธวัชชัย ศรีหะ โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/3 อย่ารอให้เห็นโลงศพจึงหลั่งน้ำตา จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หนูเป็นคนเจ้าอารมณ์มาก เอาแต่ใจ อารมณ์ร้อน ไม่ค่อยฟังใคร แล้วก็ชอบเถียงพ่อกับแม่ ณ ตอนนั้นคิดว่าความคิดของตัวเองถูกเสมอ และตั้งแต่หนูได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ซึ่งมีการจัดกิจกรรมเข้าค่ายธรรมะทุกระดับชั้น หนูก็เข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่ ม.1 ก็ได้รับการอบรมมาพอสมควร หนูดีใจที่ได้มาเรียนที่นี่และมีท่านอาจารย์ที่ใจดีและมีความเมตตามาคอยอบรมสั่งสอน และทุกๆ ค่ายธรรมะจะสอนเรื่องบุญคุณของบิดามารดา ทำให้หนูได้คิดว่าเราทำอะไรผิดไปบ้าง มีจุดไหนบ้างที่เราควรปรับปรุงและแก้ไข ซึ่งตัวหนูเองก็มีอยู่หลายจุดที่ต้องแก้ไข หนูจำได้ว่าแต่ก่อนหนูเป็นเด็กที่ก้าวร้าว ชอบเถียงผู้ใหญ่ทุกคนแถวบ้าน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครหนูไม่สนใจ แต่หนูรู้สึกว่าจะมาสำนึกเมื่อตอน ม.2 ว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ถูกต้อง หลังจากนั้นก็เริ่มปรับปรุงตัวเองใหม่ ไม่ค่อยเถียงพ่อแม่แล้วและการที่หนูได้มาที่นี่ก็เช่นเดียวกัน ทำให้หนูรู้สึกอยากจะทำดีกับพ่อแม่ให้มากกว่านี้ก่อนที่สาย เพราะตอนที่ท่านยังอยู่เราสามารถทำอะไรได้หลายอย่างแต่เราลองคิดสิว่า ถ้าวันหนึ่งท่านจากเราไป เราเอาข้าวเอาน้ำให้ท่านกินได้ไหม ต้องรอให้ต้องไปเคาะข้างโลงศพก่อนใช่ไหมถึงจะรู้สึกนำนึก ดิฉันคิดว่าตอนมีท่านอยู่ทำไปเถอะค่ะ ทำให้ท่านมีความสุขมากๆ แล้วเราจะได้ไม่มานั่งเสียใจภายหลัง นางสาวจิตตาภา ชูศรี โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/8 ถ้าวันใด ไม่มีตากับยาย... ประสบการณ์ของดิฉัน การที่ดิฉันได้มาอบรมธรรมทำให้ดิฉันได้รู้ว่าบาปบุญมีจริง ทำให้ดิฉันรู้จักการกตัญญูต่อพ่อแม่ ได้ทำให้ดิฉันฝึกสมาธิได้ ตอนที่ดิฉันเรียนอยู่มัธยมคุณครูให้ดิฉันทำสมาธิ ดิฉันไม่เคยทำได้เลย มีแต่นั่งคุยกับเพื่อน ๆ แต่พอดิฉันได้มาวัดวะภูแก้ว ดิฉันรู้สึกว่าดิฉันทำสมาธิได้ และทำให้ดิฉันรู้สึกผิดต่อตายาย เวลาท่านด่า ท่านบ่น ดิฉันเคยคิดในใจว่าเมื่อไรท่านจะตาย เบื่อ บ่นอยู่นั่นแหละ รำคาญ ตอนนี้ดิฉันรู้แล้วว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีท่าน ดิฉันจะอยู่กับใคร ดิฉันจะนอนกอดใคร และใครจะมาปลุกให้เราตื่นขึ้นมาหุงข้าว อาบน้ำ แต่งตัวมาโรงเรียน ใครจะบอกให้ดิฉันใส่บาตร ดิฉันอยากจะกราบท่าน นางสาวมลพิชา ชื่นรัมย์ โรงเรียนห้วยแถลงพิทยาคม ชั้น ม.4/6
|
Last Updated on Wednesday, 17 August 2016 05:55 |