Monday, 29 June 2015 07:57 |
ตกต่ำเพราะริรัก
ตั้งแต่จำความได้ตอนอายุ 4 ขวบ พ่อกับแม่หนูแยกทางกัน แล้วหนูก็ต้องอยู่กับ ตา – ยาย แม่ก็ต้องไปทำงานหาเงินส่งมาให้หนูไปโรงเรียน ซื้อขนม แม่สอนหนูมาตลอดว่าต้องตั้งใจเรียน ต้องกตัญญูรู้คุณ ต้องดูแลยาย ต้องรักน้องให้มาก ๆ แม่ไปทำงานประมาณ 1 ปี แม่ก็กลับมาอยู่บ้าน ตอนนั้นหนูอยู่ ป.1 พอดี แม่ก็ให้อ่านหนังสือทุกวัน กลับบ้านมาก็ให้ทำการบ้าน มีวันหนึ่งหนูไปโรงเรียน แล้วแม่ถามว่ามีการบ้านไหม หนูก็บอกว่าไม่มีค่ะ แล้วแม่ก็ให้ไปเล่นได้ แต่จริง ๆ ก็มีอยู่ แต่หนูไม่อยากทำ พอวันต่อมาหนูก็ไปลอกการบ้านเพื่อนที่โรงเรียน พอกลับมาถึงบ้าน แม่ก็มาเปิดดูสมุด แล้วแม่เห็นผิดเยอะ แม่เลยถามว่าเรียนยังไงถึงทำงานผิดเยอะขนาดนี้ หนูเลยบอกแม่ว่าลอกเพื่อน วันนั้นโดนแม่ตีและหลังจากนั้นหนูก็ไม่ลอกการบ้านเพื่อนอีกเลย แล้วพอตอนเย็นหลังเลิกเรียน หนูก็ต้องทำการบ้าน และถ้าทำการบ้านผิดก็โดนแม่ตี ถ้าผิดสองข้อก็โดนตี 2 ที ถ้าผิดกี่ข้อก็โดนตีเท่านั้น
พอหนูอายุ 8 ขวบ แม่ก็มีพ่อใหม่ แต่หนูก็รักพ่อใหม่นะ เพราะท่านตามใจหนูและรักหนูมาก ท่านไม่เคยด่า ไม่เคยว่าเลย แต่ถ้าหนูทำผิดท่านก็สอนด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่เคยด่า พอหนูขึ้นมัธยมแม่ก็ไปทำงานหาเงินให้หนูเรียนหนังสือ หนูก็ตั้งใจเรียน ตั้งแต่จำความได้ ยายก็พาหนูเข้าวัดฟังธรรมอยู่เป็นประจำ ตอนเช้ายายก็พาใส่บาตรก่อนไปโรงเรียน ก่อนนอนก็ต้องสวดมนต์ ต้องอ่านหนังสือ ตอนเช้าก็ต้องตื่นแต่ตี 4 มาอ่านหนังสือ มานั่งสมาธิ ตั้งแต่เด็ก ๆ จนถึงปัจจุบัน ตอนอยู่ ม.1 – ม.2 หนูก็ทำเกรดได้ค่อนข้างดี 3.93 พอเริ่มขึ้น ม.3 ก็เริ่มมีรุ่นพี่มาจีบก็เริ่มมีแฟน จากเกรด 3.93 ก็ลดลงมาเหลือ 3.73 พอเทอมต่อมาก็เหลือ 3.67 พอตอน ม.4 เทอม 2 มันเป็นเหมือนชีวิตหนูตกต่ำที่สุด เกรดหนูเหลือแค่ 3.25 พอแม่เห็นเกรด แม่ถึงกับร้องไห้เลย พอแม่รู้ว่ามีแฟน เลยทำให้เกรดตกต่ำ แต่หนูก็ดีใจนิดๆ ที่หนูทำให้พี่คนที่เค้าเป็นแฟนหนู จากเกรด 2.00 จนได้ 2.98 อย่างน้อยหนูก็ทำให้เค้าพัฒนาขึ้น ถึงหนูจะตกต่ำลง แต่หนูก็ต้องเลือกแม่ เลือกการเรียน ก็เลยต้องเลิกกัน แม่พูดคำที่แรงที่สุดตั้งแต่หนูเกิดมา คือคำว่า “แกรักมันมากกว่าแม่ใช่ไหม” หนูเจ็บมาก แต่แม่ก็คงเจ็บไม่ต่างจากหนู หนูกลับตัวแล้ว ต่อไปหนูจะตั้งใจเรียน หนูจะไม่ทำให้แม่ร้องไห้อีก และจะดูแลยายให้ดีที่สุด ยายเส้นเลือดในสมองแตก ยายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หนูจะดูแลยายให้ดีและดูแลทุกคนในครอบครัว
นางสาวจิราพร อ่อนศรี โรงเรียนครบุรี เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
โชคดีที่พ่อแม่ยังอยู่ให้ขอโทษ ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงอดีตที่เคยเจ็บช้ำจากการที่ข้าพเจ้าเคยเป็นลูกเลว ปฏิบัติตัวไม่ดีกับผู้มีพระคุณ (แม่) ข้าพเจ้าเป็นลูกสาวที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นอย่างมาก อยากได้อะไรก็ต้องได้ บางครั้งไม่เคยคิดถึงหัวอกแม่ เมื่อถึงวันคล้ายวันเกิดข้าพเจ้าครั้งใด ข้าพเจ้าจะถามแม่ว่า แม่วันเกิดลูกแม่ให้อะไร แม่มองหน้าแล้วนิ่งเงียบ ข้าพเจ้าพูดขึ้นว่า เออเราพูดด้วยกลับไม่พูดกับเรา หูหนวกหรือไง แม่มองหน้าข้าพเจ้าแล้วน้ำตาร่วง แล้วแม่ของข้าพเจ้าพูดขึ้นว่า ตั้งแต่ลูกเกิดมาจนอายุ 17 ปีแล้ว นี่ลูกยังไม่พอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำให้ลูกอีกหรือ ข้าพเจ้าโกรธมากเดินกระทืบเท้า ปิดประตูบ้านอย่างแรงโดยไม่คิดถึงหัวอกของแม่ว่าท่านจะรู้สึกอย่างไร
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ข้าพเจ้าจะกลับไปขอโทษท่าน แล้วกราบเท้าท่านงามๆ พูดคำว่ารักและคำว่า ลูก...ผิดไปแล้วแม่ แม่ให้อภัยลูกเลวคนนี้ได้ไหม ข้าพเจ้าไหว้คนอื่นได้ แต่น้อยมากที่จะยกมือขึ้นมาไหว้พ่อกับแม่ พูดคำเพราะๆ เช่น ค่ะ จ้า กับคนอื่นได้แต่ไม่เคยพูดกับพ่อและแม่ ถ้าข้าพเจ้ากลับจากวัดวะภูแก้ว ข้าพเจ้าถึงบ้าน ข้าพเจ้าจะเป็นลูกที่ดี ไม่ทำให้ท่านเสียใจ แล้วกล่าวขอโทษที่เคยล่วงเกิน ทั้งกาย วาจา ใจ ที่ทำให้ท่านเสียใจจนน้ำตาร่วงไหลแทบขาดใจ อย่างที่ว่ามันคงไม่สายไปเพราะพ่อกับแม่ของข้าพเจ้ายังอยู่ ไม่มีคำว่าสายเกินไปหรอกถ้าเราคิดจะทำความดีเพื่อใครสักคนด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่น
ผู้คนหมื่นแสนทั่วแดนนับล้าน แต่ว่าแม่นั้นเห็นมีอยู่แค่คนเดียว ไม่มีใครแทนที่ได้ ข้าพเจ้าเป็นคนเรียนดีอยู่แล้ว เกรดก็เป็นที่น่าพอใจอยู่แล้วคือ 3.65 ถ้าเป็นไปได้จะเอาให้ได้เยอะกว่านี้ ข้าพเจ้าให้สัญญาจากใจของลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
ซึ้งแล้วแม่ที่รัก รู้แล้วว่าที่แม่ด่าเพราะแม่รัก คอยปกปักษ์รักษาไม่จางหาย ลูกเหมือนเด็กที่แม่ห่วงจนวันตาย แม้บั้นปลายชีวิตอย่างผูกพัน
ลูกคนนี้ขอกล่าวคำว่าขอโทษ ที่เคยโกรธและสร้างบาปอย่างมหันต์ ลูกรู้ซึ้งถึงความรัก ความผูกพัน ขอขมาแม่วันนั้นด้วยใจจริง นางสาวอรทัย ขจรจิตต์ โรงเรียนกนกศิลป์พิทยาคม ชั้น ม.5/1 เลขที่ 12 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
อยากได้ อยากดี การเข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ณ วัดวะภูแก้ว แห่งนี้ ได้ให้คุณธรรมในทุกเรื่อง สร้างสติสัมปชัญญะ ความมีสติ สมาธิ ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ คุณความดีในการปฏิบัติตน การสร้างวินัยให้ตนเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง เพราะไม่มีใครแก้ไขได้นอกจากตัวเราเอง อยู่ที่ความตั้งใจ ตั้งมั่นต่อการปฏิบัติว่าใครจะปรับเปลี่ยนได้มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นล้วน ๆ สิ่งที่ได้รับและจะนำไปแก้ไขมันมีมาก อยู่ที่ใครจะนำไปใช้ได้ถูกหรือไม่ เรื่องการเป็นคนดีของสังคม ทำอย่างไรให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า การตั้งใจจะทำอะไรจะประสบผลสำเร็จได้ถ้าเรามีอิทธิบาท 4 เป็นแนวทาง การเข้าค่ายครั้งนี้จะได้มากได้น้อยอยู่ที่การจดจ่อ – จ่องจด ทุก ๆ อย่างมีทางแก้ไขหมด อยู่ที่การเข้าใจ เข้าถึง
ดิฉันสามารถเห็นแนวทางการดำเนินชีวิตได้ จากการได้อ่านหนังสือที่อาจารย์ให้อ่าน การได้ดูวิดีโอเรื่องราวของคนที่ต่อสู้ชีวิต ทำให้เห็นถึงสิ่งที่ทำผิดกับพ่อแม่ ผู้ที่มีพระคุณมากต่อเรา ทำให้อยากแก้ไขในการเรียนของตนเอง อยากแก้ไขชีวิตตัวเองใหม่ อยากปรับเปลี่ยนตัวใหม่ อยากทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในทุก ๆ เรื่อง
การเข้าค่ายครั้งนี้เป็นประโยชน์ สร้างความมั่นใจความอดทน ใจเย็นกว่าเดิม กลับไปนี้ได้ประโยชน์มากสูงสุดเพราะทำให้ดิฉันคิดสำนึกได้และนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวัน หนูได้รับประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ
นางสาวอัจฉราพรรณ จันทร์สิงห์ โรงเรียนกนกศิลป์พิทยาคม ชั้น ม.5/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
ในหลวงคือแรงบันดาลใจ ความรู้สึกแรกที่ครูบอกว่า ม.5 – ม.6 จะต้องไปเข้าค่ายที่โคราช ผมถึงกับหงุดหงิดเพราะว่าผมเพิ่งจะออกมาจากค่ายปรับพฤติกรรม โดยเข้าปรับพฤติกรรมถึง 10 วัน โดยสัญชาตญานของผู้ชายจะชอบในสิ่งที่ท้าทายมาก ผมจึงไม่อยากมาวัดเพราะมีแต่กิจกรรมที่น่าเบื่อ แต่ในวันที่ 4 ของการเข้าค่าย ผมได้ฟังเรื่องของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องที่ท่านทรงมีกตัญญูต่อสมเด็จย่า จึงทำให้ผมมีสมาธิ ทำให้ผมคิดถึงแม่ รักแม่ ต้องการแสดงความกตัญญูต่อแม่มากขึ้น รู้สึกว่าเข้าค่ายนี้มีสาระทำให้ผมได้คิดถึงบุญคุณของพ่อแม่ นึกถึงบุญคุณของครูบาอาจารย์ ทำให้ผมมีสมาธิมากขึ้น มีการตรงต่อเวลา จากเป็นคนที่ไม่อ่านหนังสือเลย แม้จะจับก็อ่านไม่ถึง 2 หน้า แต่มาอยู่ที่นี่ทำให้ผมรักการอ่านอย่างมาก ทำให้ผมรู้ว่าการอ่านหนังสือมีความรู้รอบตัวเรามาก เช่นเรื่อง เด็กหญิงของเรา โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่พ่อของ ด.ญ.ขจรบอกว่าทำตัวเหลว ไม่ใช่ลูกข้า ทำให้เราคิดว่า ถ้าเราทำเขาท้อง พ่อแม่ของเรา พ่อแม่ของเขาจะรู้สึกอย่างไร พอใจในสถานที่พัก ที่ปฏิบัติธรรม ชอบที่นี่มากครับ
นายวรพล หมื่นสุข โรงเรียนกนกศิลป์พิทยาคม ชั้น ม.5/3 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
อยากกลับบ้านด้วยเหตุผลที่แตกต่าง การมาวัดครั้งนี้ผมกล้าการันตีเลยว่าทุกคนอยากจะกลับบ้านทั้งนั้น แต่เหตุผลจากวันแรกและวันสุดท้ายต่างกันมาก เหตุผลวันแรกของทุกคนคือ อยากกลับไปเที่ยว ไปหาแฟน หรือไปนอนอยู่บ้านเฉยๆ จะมีวัยรุ่นสักกี่คนที่จะอยากเข้าวัดฟังธรรมสวดมนต์เช้า – เย็น นั่งสมาธิ เดินจงกรมทั้งวัน แต่เมื่ออยู่มาเรื่อยๆ เราเริ่มชินกับการปฏิบัติ และเรานั่งสมาธิได้ มีความอดทนมากขึ้น พอมาถึงวันสุดท้าย เหตุผลที่เราอยากกลับบ้านต่างจากวันแรกลิบลับ เราทุกคนอยากกลับไปกอดพ่อและแม่ เห็นไหมครับว่าต่างกันจริงๆ โครงการนี้สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดีกลับคืนสู่สังคมได้ แต่พวกเราส่วนมากมีจิตสำนึกที่ดีขึ้น ผมตั้งใจว่ากลับไปผมจะเลิกบุหรี่ ตั้งใจเรียน ผมจบ ม.3 ด้วยเกรดเฉลี่ย 1.97 แต่ผมตัดสินใจเรียนสายวิทย์-คณิต เพราะทีแรกผมถูกแม่บังคับให้เรียน แต่พอได้มาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว ผมคิดว่าแม่ผมตัดสินใจถูกมาก ต้องขอบคุณแม่ของผมมากที่เลือกอนาคตให้ผมอย่างดี
นายอภิสิทธิ์ ยอดผักแว่น โรงเรียนครบุรี ห้อง ม.4/2 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
อยากกลับไปทำดีเหมือนตอนเด็ก ๆ ตอนเด็กหนูชอบไปทำบุญที่วัดกับย่า ไปเข้าศีลปฏิบัติธรรมกับย่าที่วัดทุกวันพระ ตอนนั้นหนูเป็นคนที่ชอบเข้าวัดมากเพราะติดย่าด้วย แล้วก็รู้สึกสงบสบายใจด้วย ทุกวันหยุดหนูชอบไปกวาดลานวัดที่วัดใกล้หมู่บ้านแล้วพระท่านก็ให้พระไปใส่ห้อยคอไว้
แต่มาตอน ม.2 หนูก็รู้สึกว่าขี้เกียจทำบุญ นึกสงสัยว่านรกมีจริงหรือ แล้วถ้าตายไปแล้วจะไปไหน พอมาวันนี้หนูก็เข้าใจแล้วว่า นรก สวรรค์ มีจริงเพราะมาที่วัดนี้ ทำให้หนูอยากกลับมาทำบุญเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกครั้ง ตอนนั่งสมาธินะคะ หนูรู้สึกเมื่อยมาก แล้วตัวก็เหมือนโยกเยก มันทำให้หนูเวียนหัวมากจนต้องลืมตา ไม่อย่างนั้นหนูอาจจะล้มก็ได้ ผ่านไม่กี่วัน หนูก็เริ่มนั่งได้นานขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมาก
ขอขอบคุณนะค่ะที่ทำให้คนที่ลังเลในพระพุทธศาสนา รู้ซึ้งว่า นรก สวรรค์มีอยู่จริง รู้ว่าเราควรกตัญญูต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณ จะได้ได้บุญ แล้วก็ฝึกสมาธิจากเมื่อเมื่อก่อนที่หนูจิตฟุ้งซ่าน ไม่ค่อยเป็นสมาธิ ชอบเหม่อลอย แต่ตอนนี้หนูรู้สึกว่าหนูมีสมาธิมากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ
“เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ จะตายทั้งทีฝากดีเอาไว้”
นางสาวมัณฑิตา หุ่นกระโทก โรงเรียนครบุรี ชั้น ม.4/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558 พระพุทธเจ้ามีจริงหรือไม่ ไม่สำคัญ ก้าวแรกที่หนูเดินเข้ามา หนูเห็นเมรุเป็นสิ่งแรก หนูรู้สึกว่าไม่ชอบที่นี่ แต่พอมาถึงศาลาปฏิบัติธรรม มันทำให้หนูอยากอยู่ที่นี่มากกว่าตอนแรก ที่นี่ทำให้หนูรักพ่อกับแม่มากขึ้น ที่นี่ทำให้หนูชอบการนั่งสมาธิมากขึ้น
การที่หนูมาวัดในครั้งนี้ เพราะถูกทางโรงเรียนบังคับมา แต่ในความคิดของหนูคิดว่า จะไปทำไม เพราะก็แค่ 5 วัน มันเป็นเวลาสั้น ๆ คงไม่พอที่จะเปลี่ยนคน ๆ หนึ่งได้ แต่พอหนูมาปฏิบัติ เวลา 5 วัน นี้แหละ ที่ทำให้หนูรู้สึกว่ารักพ่อกับแม่มาก และรักในพระพุทธศาสนามากขึ้น บางครั้งหนูไม่เคยเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามีจริง เพราะมันเป็นเพียงแค่เรื่องราวในพระไตรปิฎก หรือหนังสือที่ใครจะแต่งขึ้นก็ได้ แต่การมาฟังธรรมครั้งนี้ ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะมีจริงหรือไม่มีจริงมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะถ้าเราปฏิบัติแล้วมันทำให้เรามีจิตใจที่สงบ มีความสุข เราก็ควรปฏิบัติต่อไป
นางสาวพิมพ์ลภัส หลอดกระโทก โรงเรียนครบุรี ชั้น ม.4/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
ประสบการณ์ที่ได้มาวัดวะภูแก้ว ก่อนจะมานั้น ข้าพเจ้ารู้สึกหงุดหงิดมาก ไม่อยากมาเลย เพราะทำไมต้องมาหลายวันอย่างนี้ แต่พอได้มากลับรู้สึกว่า ร่มรื่นและอากาศดีเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมมาก ที่นี่สงบดูเป็นธรรมชาติ วันแรกนั้น จิตใจพอมีแรงบันดาลใจอย่างบอกไม่ถูก แต่พอได้นั่งสมาธิ โอ๊ย ปวดมากเสียจนทนไม่ไหว เลยถอนจิตออกมา สวดมนต์ก็นานมาก ไม่รู้ว่าจะสวดอะไรนานขนาดนี้ พอยกที่ 3-5 ข้าพเจ้าใจเย็นลงและสงบขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังปวด ก็เลยนึกถึงพ่อแม่และท่องคำว่าพุทโธ เออจิตใจสงบกว่าเดิม อาการปวดขา เริ่มหายปวดมาหน่อย และ ยกที่ 5 ก็ได้เป็นแชมป์กับเขาด้วย
พอวันที่ สาม วิทยากรเปิดเรื่องแม่ให้ดู ข้าพเจ้ารู้สึกสลดใจมาก พอนั่งสมาธิ แล้วรู้สึกปวด ก็คิดว่า เราทำเพื่อแม่ แม่ลำบากกว่าเราตั้งเยอะ แค่นี้ต้องอดทนสิจะถอยไม่ได้ ด้วยความอดทนพยายาม จึงเกิดสำนึกขึ้นมาว่าเราทำไม่ดีกับแม่เราหลายอย่าง รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาก็เลยไหลออกมา เพราะเราตั้งใจนี่เอง อดทน มุ่งมั่น จิตใจเราถึงได้สงบอย่างนี้ วัดแห่งนี้เปลี่ยนความรู้สึกของข้าพเจ้าได้
ด.ญ.รุ่งอรุณ จันเปลี่ยน โรงเรียนชลประทานบ้านกอโจด ชั้น ม.3 เขียนไว้ ณ วันที่ 9 มิถุนายน 2558
|
Last Updated on Monday, 29 June 2015 08:18 |