Wednesday, 27 May 2015 08:43 |
นอกเหนือไปจากสรรพนาม กู-มึง และเขกหัวโป๊กๆให้พร ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนั่งยองๆ สูบบุหรี่ของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เหล่าลูกศิษย์ลูกหาคุ้นตากันดีเมื่อครั้งอดีต
กระทั่งในปี 2539 หลวงพ่อคูณอาพาธด้วยอาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ จึงตัดสินใจประกาศเลิกอย่างเด็ดขาด ด้วยประโยคอันลือลั่น "กูเลิกบุหรี่แล้ว" ตอนนั้นเองที่มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่เล็งเห็นโอกาสทองในการที่จะเชิญชวนให้คนไทยเลิกบุหรี่ จึงนำถ้อยคำดังกล่าวมาจัดทำโปสเตอร์ โดยมีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเป็นพรีเซนเตอร์ ต่อไปนี้คือ เรื่องราวเบื้องหลังโปสเตอร์รณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในตำนาน "ผมได้จำแม่นว่า ปี 2538 ขณะกำลังระดมคนให้ได้ 4,000 คน เพื่อมาเดินขบวนรณรงค์ในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค.ที่จุฬาฯ ตอนนั้นเองท่านอดีตอธิการบดีจุฬาฯ อาจารย์เกษม จันทร์น้อยก็พูดกับผมว่า "เราทำแบบนี้เหนื่อยตาย ช่วยได้ไม่กี่คนหรอก โรงงานยาสูบเขานำภาพหลวงพ่อคูณคีบบุหรี่มาเป็นพรีเซนเตอร์ จะไปสู้อะไรเขาได้ ผมว่าถ้าจะให้ดีคุณหมอไปขอให้หลวงพ่อคูณเลิกบุหรี่ได้ คนจะเลิกสูบบุหรี่กันอีกเยอะเลย" ประโยคนั้นจุดประกายให้ผมคิดที่จะไปกราบท่านที่วัดบ้านไร่ เพื่อขอให้ท่านเลิกสูบบุหรี่" คำบอกเล่าของ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ศ.นพ.ประกิตเล่าต่อว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน นพ.มงคล เชษฐากุล ก็ได้พาทีมงานมูลนิธิฯเดินทางไปเข้าพบหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ พร้อมทั้งกราบเรียนถึงจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ "พวกเราอยากให้หลวงพ่ออยู่กับลูกหลานนานๆ ครับ" หลวงพ่อซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัย 72 หัวเราะ ก่อนบอกว่า "กูมันแก่แล้ว อีก 2 ปี อายุ 75 กูก็ละสังขารแล้ว มึงปล่อยกูไปเถอะ ไปบอกเด็ก ๆ มันดีกว่า" ใช้เวลาเป็นชั่วโมงโน้มน้าวหลวงพ่อคูณแต่ก็ไม่สำเร็จ ทีมงานจึงเลิกตื๊อ แต่ขออนุญาตหลวงพ่อถ่ายรูปเพื่อไปลงโปสเตอร์รณรงค์ ท่านก็ยินดี พร้อมกล่าวเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยหันมาลด ละ เลิกบุหรี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อหลวงพ่อคูณเองยังไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ การที่จะไปกล่าวเตือนสติให้คนมาเลิกบุหรี่นั้นช่างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดโปสเตอร์ดังกล่าวก็ถูกเก็บเข้าตู้ไว้เพื่อรอเวลาอันเหมาะสม "ประมาณปี 2539 หลวงพ่อคูณท่านเกิดอาพาธด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และถูกนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี หมอประเสริฐ บุญเกิด แพทย์ผู้ดูแลอาการก็อธิบายถึงสาเหตุการเจ็บป่วยครั้งนี้ว่ามาจากการสูบบุหรี่ และแนะนำให้ท่านเลิกเสีย สุดท้ายวันที่หลวงพ่อจะออกจากโรงพยาบาล มีนักข่าวมารอทำข่าวเต็มไปหมด ท่านก็ประกาศต่อหน้าทุกคนเลยว่า "กูเลิกบุหรี่แล้ว" คำพูดคำนั้นกลายเป็นพาดหัวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเลย ผมก็นำคำพูดนั้นมาไว้บนโปสเตอร์พิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนทันที ขณะเดียวกันก็บอกลูกศิษย์ท่านว่า ถ้ากลับวัดบ้านไร่ไปแล้ว ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมภายในวัดด้วย อย่าให้ญาติโยมมาสูบบุหรี่ให้ท่านเห็น เพราะเดี๋ยวจะไปกระตุ้นท่าน ปรากฎว่าตอนขึ้นฮ.กลับพร้อมหลวงพ่อ เห็นข้างล่างมีป้ายเบ้อเริ่มเลยว่า "วัดบ้านไร่ ห้ามสูบบุหรี่" (หัวเราะ)" น้อยคนจะรู้ว่า สาเหตุที่หลวงพ่อคูณสูบบุหรี่จัดนั้น มีส่วนสำคัญจากญาติโยมตัวดีที่มากราบไว้นั่นแหละ "ขณะที่กูติดและสูบอยู่ก็มีแต่คนอยากให้กูสูบ ยัดเยียดจุดให้กูสูบ ชนิดว่ามวนต่อมวน แทบไม่ให้กูว่างเว้นเลยทีเดียว หลังสูบได้นิดหน่อยมันก็จะขอก้นยาจากกู แล้วก็จุดมวนใหม่ให้กูสูบอีก กูก็ตอบสนองให้มัน" หลวงพ่อคูณเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ศ.นพ.ประกิต บอกว่า หลังจากนั้นเมื่อถึงวันงดสูบบุหรี่ 31 พ.ค.ทีไร หลวงพ่อคูณก็จะกล่าวเชิญชวนให้ญาติโยมเลิกสูบบุหรี่ทุกครั้ง โดยไม่ต้องขอร้องให้ท่าน กลายเป็นว่าท่านคือพรีเซนเตอร์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ไปในตัว "29 ปีที่ก่อตั้งมูลนิธิฯมา หลวงพ่อคูณท่านเป็นพรีเซนเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด โด่งดังที่สุด ยิ่งกว่าพรีเซนเตอร์ที่เป็นดาราเสียอีก อานิสงส์ที่ท่านเลิกสูบบุหรี่ช่วยให้คนจำนวนมากพากันเลิกตามท่าน โปสเตอร์หลวงพ่อคูณเป็นโปสเตอร์ที่ผลิตเยอะที่สุดในบรรดาโปสเตอร์ที่เคยผลิตมา จนทุกวันนี้ยังมีคนมาขออยู่เรื่อย ๆ ผมคิดว่าคนที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ควรดูท่านเป็นตัวอย่าง หัวใจท่านเด็ดเดี่ยวมาก ท่านเลิกเด็ดขาดครั้งเดียวเลย อย่างที่ท่านบอกว่า "จะเลิกบุหรี่ต้องอยู่ที่ใจ เป็นคนใจไม่จริงก็ละไม่ได้ ต้องเป็นคนใจเด็ดขาด พูดคำไหนคำนั้นถึงจะละได้ทำได้ วิธีละง่ายๆก็อย่าสูบ วางเลย ทิ้งเลย ไม่ต้องสูบทั้งต่อหน้าและลับหลัง กูละแล้ว กูไม่สูบแล้ว" เนื่องในโอกาววันงดสูบบุรี่โลก 31 พ.ค.นี้ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนลด ละ เลิกสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและคนรอบข้าง โดยนำประโยคของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เมื่อปี 2540 มาเป็นคำสอนเตือนสติสิงห์อมควันทั้งหลายดังนี้ "ถ้าใครเลิกสูบบุหรี่ได้กูก็เห็นดีด้วย เนื่องจากขณะนี้ไปที่ไหนๆก็เห็นแต่ป้ายที่เขาติดเอาไว้ให้ ‘งดสูบบุหรี่’ ซึ่งมันกลายเป็นที่รังเกียจของวงสังคมไปเสียแล้ว นอกจากเขาจะไม่มองว่าเท่หรือมาดแมนเหมือนดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ยังกลับถูกมองแบบเยาะเย้ยหยันถึงขนาดขาดความเกรงใจ และด่าว่าให้เอาซะอีกด้วยซ้ำไป ซึ่งทำลายสุขภาพของตัวเองยังไม่พอยังเป็นอันตรายและเป็นการทำลายสุขภาพบุคคลอื่นๆที่อยู่รอบข้างตัวเราอีกด้วย วันนี้กูเลิกแล้ว พวกมึงล่ะเลิกหรือยัง
|
Last Updated on Wednesday, 27 May 2015 09:04 |