Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก ระหว่างวันที่ 3 - 7 มีนาคม 2557
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์ ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่ทัณฑสถานเกษตรอุตสาหกรรมเขาพริก ระหว่างวันที่ 3 - 7 มีนาคม 2557
Saturday, 16 August 2014 06:24

 

 
คิดได้ด้วยบารมีพระศาสนา


          ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่กรอบสี่เหลี่ยมกำแพงสูงในคดี พ.ร.บ.ยาเสพติด  โดนตัดสินมา 4 ปี 6 เดือน  ต้องใช้ชีวิตที่ทรมานลำบากในเรือนจำ  เพื่อชดใช้กรรมเก่าแน่เลย  (คุณแม่ท่านบอกอย่างนั้น ให้สู้ๆ กับมัน ทำดีๆ เข้าไว้) และอโหสิกรรมให้กับเขาคนนั้นที่ทำให้ผมโดนจับโดยไม่ได้ตั้งใจ   เพื่อนเขาเอาตัวรอดจากตำรวจ   โดยยัดสิ่งนั้นไว้กับผม  ผมเลยต้องรับเคราะห์กรรมแทนเขา   ถึงจะอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมกำแพงสูงที่ลำบาก   ผู้คนอยู่ร่วมกันร้อยพ่อพันแม่  สี่พันกว่าคน นิสัยแตกต่างกันทั้งเจ้าถิ่น  เจ้าพ่อ  มาเฟีย  ผมต้องสู้ปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด และที่สำคัญผมได้กำลังใจจากคุณแม่พี่สาว ครอบครัวของผมที่มาเยี่ยมตลอดเวลา   ท่านจะสอนผมเสมอให้ทำดีเข้าไว้  คบเพื่อนดี ๆ  และอย่ายุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดี  และเพื่อนๆ ก็สอนผมเสมอว่า  อยู่ที่นี่ ถ้าอยากอยู่รอดและพ้นโทษต้องรักษา 3 สิ่งเอาไว้คือ


          1. รักษาช้อนเท่าชีวิต  เอาไว้ทานข้าวและป้องกันตัว
          2. รักษาชั้น  อย่าทำผิดกฎ ถ้าถึงชั้นเยี่ยมจะมีวันลดโทษให้และทำเรื่องพักโทษได้
          3. รักษาชีวิต  ให้อยู่รอดปลอดภัยจนพ้นโทษ


          ผมจึงปฏิบัติอย่างนี้เสมอ  และวันที่ผมต้องเสียใจอีกครั้งและใหญ่หลวงมากคือการที่ผมเสียคุณแม่ไปด้วยโรคเก่ากำเริบ   ท่านสัญญากับผมว่าจะรอผมพ้นโทษ  ให้ผมได้กราบเท้าท่านและบวชทดแทนคุณท่าน   ผมล้มทั้งยืนเลยครับ  มันวูบหมดแรงไปเลย  ท่านจากผมไปเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 56   กว่าผมจะทำใจได้ก็นานทีเดียว   ความหวังผมพังทลายหมดเลย


          แต่ก่อนผมเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าวัดไหว้พระเท่าไร   เพราะผมหมดศรัทธาในพระสงฆ์สมัยนี้ ที่ทำผิดศีลเยอะมาก  ออกข่าวบ่อยๆ ไม่เหมือนพระสงฆ์สมัยก่อน   สิ่งที่ผมตั้งใจจะทำให้คุณแม่ก็หายไปจากความคิดผมเลย  จนกระทั่งผมได้รับคัดเลือกจากเรือนจำเชียงใหม่เพียงคนเดียวจากผู้ต้องขัง 4,000 กว่าคน  ได้มาเป็นนักเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์ที่เขาพริก  ซึ่งโทษของผมเหลืออีก 2 ปี  นับว่าผมโชคดีมากๆ เลยครับ

 

          ชีวิตใหม่ผมเกิดขึ้นอีกครั้ง  เมื่อได้เข้าอบรมฝึกจิตภาวนาของโครงการนี้ โดยคุณครูอาจารย์แม่  “ดร.ดาราวรรณ  เด่นอุดม”  และคณะ  ที่ปลุกประกายความคิดใหม่ๆให้กับผม  ทำให้ผมรู้ว่าทางพุทธศาสนายังไม่สิ้นคนดีเช่นอาจารย์แม่และพระสงฆ์ที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดมีอีกมาก   ผมได้ฝึกอบรมครั้งนี้เป็นเวลา 5 วันที่พิเศษสุด  ได้รู้ซึ้งถึงรสพระธรรม  รู้จักบาปบุญคุณโทษ  รู้จักพุทธศาสนามากขึ้น  จากที่ไม่เคยอ่านบทสวดมนต์  เดี๋ยวนี้ชอบอ่านมากขึ้น   ไม่เคยนั่งสมาธิ  กลับชอบนั่งสมาธิมากขึ้น  ฝึกจิตและนั่งได้นานกว่าเดิมอีกครับและได้เดินจงกรมด้วย  รู้สึกทำให้จิตเรานิ่งสงบมากขึ้น  มีสติในการย่างก้าวแต่ละครั้ง  ทำให้ผมได้แง่คิดหลายๆ เรื่องในการดำเนินชีวิต  กลัวบาปมากขึ้นเพราะเราทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง  กระทำดี กระทำชั่วก็จะได้รับผลจากการกระทำนั้น  ผมเชื่อเลยครับ   และสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำเมื่อพ้นโทษคือ  กลับไปบวชทดแทนคุณให้คุณแม่ของผมครับ  จะบวชที่เชียงใหม่หาวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบสักแห่ง  และจะใช้ชีวิตกับโลกภายนอกอย่างมีสติและปัญญา  จากคำสอนของอาจารย์แม่ ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม และคณะวิทยากรทุกท่านที่ทำให้ผมรู้แก่นแท้ของพุทธศาสนา   พุทธศาสนาช่วยเตือนสติ  ช่วยหยุดให้เราคิดว่า “ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว”   ผมสัญญาครับว่าจะก้าวไปข้างหน้าด้วยสติ ธรรมะ และความดี   ผมขอขอบคุณอาจารย์แม่และวิทยากรทุกท่านที่ได้มาอบรมพัฒนาจิตภาวนาในครั้งนี้   ให้ผมได้ตาสว่างขึ้นเยอะมากทีเดียวครับและได้บุญใหญ่ด้วย


ศิวัช
โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 

 


ก้าวหนึ่งที่พลาดไปคือก้าวใหม่ที่มั่นคง

         ชีวิตของกระผมถูกปลูกฝังทางด้านวัฒนธรรมและความเชื่อแบบชาวเขา แบบชนเผ่า  กระผมอยู่ชนเผ่าเย้าเมี่ยน  บรรพบุรุษให้นับถือผี   ไม่มีการสั่งสอนเรื่องความผิดชอบชั่วดี    ผมจึงมีความเชื่อแบบผิดๆ มาโดยตลอดและไม่เคยเกรงกลัวต่อบาปกรรมเลย   อีกอย่างบรรพบุรุษก็ไม่เคยสั่งสอนให้ไหว้พระไหว้เจ้าเลย  มีแต่สอนให้เกรงกลัวต่อผีเจ้าป่าเจ้าเขา   พูดตรงๆ เลยด้วยว่าถ้ามีพระไปบิณฑบาต   แถวบ้านก็คงไม่มีใครใส่บาตรให้อยู่ดีเพราะบรรพบุรุษและพ่อแม่ไม่เคยสั่งสอนให้ใส่บาตรหรือทำบุญเลย    นอกจากนี้ ในละแวกบ้านไม่เคยมีวัดเลย   เวลาเจ็บไข้ได้ป่วย  ถ้าไปหาหมอกลับมาแล้วไม่หายก็โทษผีป่าผีเขา  ต้องเตรียมของมาเซ่นไหว้ อย่างถูกปลูกฝังมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

 

          จวบจนวันหนึ่งกระผมได้ก้าวผิดพลาดเพราะเดินทางสายอุบาทว์คือการค้ายาและสูญสิ้นอิสรภาพของชีวิตตั้งแต่ปลายปี 53   แต่ความผิดพลาดครั้งนี้ก็ใช่จะเลวร้ายไปเสียทุกอย่างเพราะเมื่อกระผมได้เข้าโปรแกรมเป็นนักเรียนวิวัฒน์พลเมืองที่เขาพริกและได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมจิตภาวนาเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้เพราะ กระผมยังไม่เคยได้ทำอะไรอย่างนี้มาก่อน  ได้ฟังธรรมและได้มานั่งสมาธิ   มันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ   ผมได้อะไรหลายๆ อย่างจากการอบรมในครั้งนี้  ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ   แต่มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกและความเชื่อเดิมๆ ของกระผมไปจนหมดสิ้น   สิ่งที่ผมได้รับจากวิทยากร  กระผมสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้เลย    เวลาที่กระผมได้นั่งสมาธิทุกครั้งมันทำให้จิตใจของผมสงบมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   กระผมได้เรียนรู้อีกว่าอะไรที่เรียกว่าบุญและอะไรถึงเรียกว่าบาป   อีกแค่เดือนกว่ากระผมจะได้กลับออกไปสู่โลกภายนอกแล้ว   กระผมจะนำสิ่งที่กระผมได้ทำได้ปฏิบัติได้เรียนรู้มาในช่วงเวลา 5 วันนี้นำกลับไปใช้บอกต่อและเปลี่ยนทัศนคติของชนเผ่าผมเองและถ้ามีโอกาสกระผมจะเชิญชวนเพื่อนๆ ของกระผม มาบวชที่วัดวะภูแก้วสักครั้งเพราะกระผมอยากให้เพื่อนๆ นำสิ่งที่ได้จากการบวช  นำกลับไปพัฒนาหมู่บ้านกระผม

 

สิงห์ภูลังกา

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 

ได้โอกาสแล้วไม่เอา  เลยต้องเข้าคุก

 

          โครงการอบรมจิตภาวนานักเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์เป็นโครงการที่ดีมาก  ทำให้จิตใจสงบ   จิตเบาสบาย  ได้ฝึกสมาธิ   ทำให้จิตไม่ฟุ้งซ่าน    ทำให้ข้าพเจ้าสงบมากขึ้น  ถึงข้าพเจ้าเคยฝึกจิตภาวนามาแล้วครั้งหนึ่งที่วัดวะภูแก้ว   ตอนที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่โรงเรียนในตัวอำเภอแห่งหนึ่งเมื่อปี 2548   แต่ตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็ก  ยังเป็นวัยรุ่นอยู่  เลยไม่สนใจกับการนั่งสมาธิ   เวลาเดินจงกรมก็เล่นกันกับเพื่อน    แกล้งกันไป แกล้งกันมา   เวลาฟังบรรยายก็จะคุยกันมากกว่า   ไม่เหมือนตอนที่อยู่เขาพริก   ซึ่งข้าพเจ้าตั้งใจมากกว่า ไม่คุย  ไม่เล่น  ตั้งใจฟัง   ข้าพเจ้าเสียดายที่ครั้งหนึ่งเคยอบรมจิตภาวนาแต่ข้าพเจ้าไม่สนใจเลย   ถ้าข้าพเจ้าตั้งใจ สนใจ  ข้าพเจ้าคงไม่ได้มาอยู่ในนี้   คงจะรู้ผิดชอบชั่วดี มากกว่านี้

 

คนอร์ 

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 

 

ระงับเวรด้วยการไม่จองเวร

           ผมมีภรรยาคนหนึ่ง  มีลูก 3 คน  เธอเคยสัญญากับผมว่า  เธอจะรอผม  เธอรอผมมาได้ 2 ปี แล้ว  เหลืออีกไม่กี่เดือน  ผมก็จะได้รับการปล่อยตัว  ต่อมาไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไร  เธอหายไปจากบ้านผม  วันหนึ่งแม่ของผมก็บอกกับผมว่า  เธอมีสามีใหม่แล้ว  ตอนนั้นผมโกรธมากๆ ที่ทิ้งผมกับลูกได้ลง    ผมคิดอยู่ตลอดเวลา  ผมออกไป  ผมจะไปฆ่าภรรยาผมกับสามีใหม่

 

          พอผมได้มาเข้าอบรมภาวนาจิต   ผมก็ได้เข้าใจว่ามันอาจจะเป็นเวรเป็นกรรมของผมที่ติดตัวผมมาในชาติก่อนก็ได้   ที่เคยไปแย่งคนรักของเขา  ชาตินี้ผมต้องชดใช้กรรมที่ผมก่อไว้   ถ้าผมไปอาฆาตเขา  ก็จะจองเวรกันไปไม่รู้จักจบจักสิ้น   ผมคือผู้ที่อบรมแล้ว   ผมจึงทำใจให้สูง  ไม่คิดอาฆาตและขออโหสิกรรมให้สามีใหม่กับภรรยา และเจ้ากรรม นายเวร  เพื่อเวรกรรมนี้จะได้จบลงตรงนี้

 

          พระพุทธเจ้าสอนผมอยู่เสมอว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของไม่เที่ยง  ไม่มีอะไรเป็นของเรา  เพราะเราเกิดมาไม่มีอะไรติดตัวเรามา  มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น

 

นฐกานต์

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 

เพราะความโลภ  ความหลง จึงลงเอยแบบนี้

          ชีวิตของข้าพเจ้าก่อนต้องโทษมีความสุขดี  มีพร้อมทุกอย่าง  มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูก 2 คน   ผมเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี   ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด   ผมดำเนินชีวิตอย่างนี้ได้ 7 ปี  แล้วชีวิตผมก็เปลี่ยนไป  เมื่อผมได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานใหม่ที่ดีขึ้น   ผมจึงอยากได้บ้านสักหลัง  รถยนต์สักคัน   แต่ถ้าผมมีความอดทนรออีกสักหน่อย   ผมก็คงไม่ได้ติดคุกอย่างนี้   เพราะความโลภ อยากที่จะได้สิ่งของที่ผมอยากจะได้   ผมเลยหันมาค้ายาเสพติดโดยที่ไม่ได้มีใครชักชวน   ผมตั้งใจที่จะค้ายาเสพติดด้วยตัวเอง   เริ่มขายแรกๆ ก็ดี    ผมรู้จักเก็บเงินไว้เพราะผมอยากได้สิ่งที่ผมอยากได้   เพื่อจะให้ครอบครัวมีความสุข   อีกอย่างลูก 2 คนก็กำลังโต

 

         แต่มาช่วงหลัง   ผมเริ่มเปลี่ยน  จากที่เคยเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีกลับบ้านตรงเวลา   ก็กลายเป็นคนที่ไม่สนใจครอบครัว   เป็นคนชอบเที่ยว   ติดผู้หญิง ไม่ค่อยกลับบ้าน   เงินที่ได้มาจากการขายยาเสพติด  ก็ใช้จ่ายไปหมดกับเหล้า  กับผู้หญิง  โดยที่ไม่สนใจลูกเมียที่รออยู่ที่บ้าน   ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยตั้งใจ ผมลืมไปหมดเพราะผมมัวแต่หลงระเริงกับความสุขชั่วครั้งชั่วคราว เพราะเงินที่หามาได้มันง่ายเกินไป   รู้ทั้งรู้ว่าถูกตำรวจตาม  ผมก็ไม่กลัว  แล้ววันนั้นก็มาถึง  วันที่ถูกจับ  วันที่หมดอิสรภาพ  ไม่มีใครช่วยผมได้เพราะผมทำตัวของผมเอง   ผมอยากฝากเตือน พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านที่คิดเดินทางผิดให้คิดใหม่ให้ดี  เพราะสุดท้ายจะไม่เหลืออะไรเหมือนผม

 

          ผมขอขอบคุณ ดร.ดาราวรรณ กับ อาจารย์วิทยากรทุกท่านที่มาช่วยอบรมจิตภาวนาในครั้งนี้มากครับ   ทำให้ผมนึกถึงคุณค่าของเวลาที่เสียไป  ให้รู้ถึง บาป  บุญ ที่ผมได้เคยทำเอาไว้   ผมจะจดจำคำสอนทุกคำนำไปใช้ในชีวิตอีกครึ่งที่เหลือของผม

 

ตุ๊ก น้ำพอง

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์


 

ถ้าไม่ถูกจับ ชีวิตคงดับแน่

              ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้   ผมไม่เคยมองเห็น บาป บุญ คุณ โทษเลย  เพราะผมไม่เคยเข้าวัดฟังธรรมเลย  ชีวิตที่ผ่านมาของผมทำให้ แม่-พ่อ เสียใจ  เสียน้ำตามานับไม่ถ้วน   ไม่เคยทำให้พ่อแม่ภูมิใจเลยสักครั้ง   ฆ่าสัตว์มาก็เยอะ   ฆ่ามาเป็นอาหารบ้าง  ฆ่าเพราะความสนุกบ้าง  จนวันหนึ่งผมอายุ 20 ได้แต่งงานกับคนที่ผมรัก   แต่ความเลวของผมยังมีต่อเนื่อง  ได้เมียมาก็รักเมียมากกว่าแม่ – พ่อตัวเอง  ไม่เคยมองเห็นความลำบากของพ่อ-แม่เลย   จนถึงวันที่ผมถูกจับเข้ามาในนี้ (คุก)  คงเป็นกรรมของผมเองที่ผมทำให้ พ่อ-แม่ ตัวเองเสียใจ เสียน้ำตา และอีกอย่างผมเคยให้เมียกินยาฆ่าลูกออกอีก  แต่ดีนะที่ลูกไม่ออก   แต่ก่อนผมไม่เคยรู้เลยว่าผมจะบาป เพราะลูกไม่ได้ออกอย่างที่คิด   เขายังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้

 

          ตลอดที่อยู่เรือนจำ ผมคิดว่าผมคงหมดอนาคตแน่   ผมก็อยู่ไปวันๆ  อยู่แบบมองอะไรไม่ออก  มองไม่เห็นแสงสว่างเลย  จนวันหนึ่งที่ทางเรือนจำได้ประกาศชื่อนักเรียนวิวัฒน์พลเมือง  1 ในนั้นมีชื่อผมด้วย และผมก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการอบรมจิตภาวนา จำนวน 5 วัน  ตอนแรกๆ  ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง   แต่พอถึงวันที่ 2 ที่ 3  ผมได้รู้สึกถึงบาปที่ผมกระทำไว้ซึ่งมาก  ยิ่งได้นั่งสมาธิ ซึ่งชีวิตนี้ผมไม่เคยทำเลย  ยิ่งได้รู้ว่าบาปผมมาก-น้อยแค่ไหน   ต่อไปนี้ผมจะทำแต่ความดี และจะทำความดีตลอดไป และจะไม่ทิ้งปฏิบัติธรรม  ผมจะเอาไปทำต่อที่บ้านด้วย

 

          ตอนแรกก็มีความโกรธให้กับตำรวจที่จับผมขังไว้   แต่ตอนนี้วันนี้ผมไม่มีแล้วความโกรธ  จะขอบคุณตำรวจด้วยซ้ำที่จับผมมา  ถ้าวันนั้นตำรวจไม่จับผม   ผมอาจจะเป็นพ่อค้ารายใหญ่ไปแล้ว  และอาจจะถูกยิงตาย หรือประหารชีวิตก็เป็นได้   อาจจะไม่มีโอกาสรู้จักบาป-บุญ จากโครงการดีๆ อย่างนี้เป็นแน่  ที่ผมถูกจับไม่ใช่ความผิดใคร   มันเป็นเวรกรรมของผมเอง  ผมเข้าใจแล้วครับ

 

          สุดท้ายนี้ผมก็ขอขอบคุณ ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม และทีมงานทุกคนที่สละเวลาส่วนตัวมาให้ความรู้แก่พวกผม   ผมได้มองเห็นทางเดินแล้วว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของผมควรทำอย่างไร ทำอะไรต่อไป  ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมได้เข้าถึงคำว่าธรรมะ  ขอบคุณนะครับที่มาหยุดผมก่อนที่ผมจะทำผิดไปกว่านี้  ชีวิตต่อไปนี้   ผมจะไม่ทำให้พ่อ-แม่เสียใจอีกแล้ว  จะทำแต่ความดีครับ

สุเรนทร์

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 

 

ใครจะรักเราเท่าแม่

           เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ข้างนอก   ผมไม่เคยคิดถึงหัวอกคนเป็นแม่เลย  มีแต่เกเรกับเพื่อนไปวัน ๆ    ผมเป็นคนที่รักเพื่อนมากๆ  ยอมทุ่มเท ยอมทำทุกเรื่องที่เพื่อนมีปัญหา   เงินที่ผมหามาได้ก็ไม่เคยคิดให้ท่านเลยมีแต่หมดไปกับเพื่อน  คิดแต่ว่าจะสนุกไปวัน ๆ จนมาถึงวันที่ผมโดนจับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2555   ผมก็ได้แต่คิดว่าจะมีเพื่อนสักคนมาเยี่ยมผม   แต่ก็ผิดหวังเพราะตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่มีใครมาเยี่ยมผมเลยนอกจากแม่

 

          วันแรกที่แม่มาเยี่ยม ผมรู้สึกผิดมาก ๆ เลย เพราะผมเห็นแม่แอบร้องไห้   แม่บอกผมว่าทนหน่อยนะลูก 2-3 ปี ไม่นานหรอก และแม่ก็มาเยี่ยมผมเกือบจะทุกอาทิตย์  ไม่เคยขาดเลย  แต่พอเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี  แม่หายไปเป็นเดือน  แม่ไม่มาเยี่ยมผม   ผมก็รู้สึกแปลกใจและได้เขียนจดหมายกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับ   จนวันหนึ่งผมได้ยินชื่อเยี่ยมญาติ  พอผมเดินออกไปก็เห็นแม่ยืนอยู่มีไม้ค้ำแล้วก็ใส่เฝือกมา  สรุปว่าแม่โดนรถชนเพิ่งขอเขาออกจากโรงพยาบาล  แล้วผมก็บอกแม่ว่ายังเจ็บอยู่มาเยี่ยมผมทำไม   คำที่แม่ตอบผมคำแรกทำให้ผมร้องไห้ออกมาทันที   แม่บอกว่า กลัวผมจะอด  กลัวผมจะไม่มีตังค์ใช้   กลัวผมจะไม่ได้กิน  กลัวผมจะมองหน้าคนอื่นทำให้ผมรู้สึกบาปมาก

 

          จนผมได้ปฏิบัติธรรม   ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะทำได้ดี  วันแรกที่ผมนั่งสมาธิ   ผมรู้สึกปวดหลังและปวดขามาก   พอมาวันที่สองก็รู้สึกดีขึ้น   แต่ก็นั่งได้แค่ 30 นาทีเอง   พอมาวันที่ 3-4  ก็รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ  ทุกๆ ครั้งที่ผมหลับตา  ผมก็ได้นึกถึงแต่แม่  อยากให้แม่ได้บุญด้วย   อยากให้ท่านหายเร็วๆ  ผมจะตั้งใจปฏิบัติ   และผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนดีของแม่ให้ได้  การได้ปฏิบัติธรรม  ทำให้ผมรู้ว่าไม่มีใครรักเราจริงนอกจากพ่อ-แม่   เพื่อนกินหาง่าย  เพื่อนตายหายากครับ

 

รณชัย

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 

 


ธรรมะคือยารักษาแผลในใจ

           ความรู้สึกของผมแค่ได้ยินชื่อว่าจะได้อบรมจิตภาวนาก็รู้สึกเบื่อ เซ็ง  ขี้เกียจ และอะไรอีกที่ตามมาอีกมากมาย   แต่ผมเองก็ยังมีความหวังว่าเอานะแค่เพียงห้าวันคงจะไม่ถึงกับตายมั๊ง  ลองดู   พอถึงวันที่ไม่คิดที่จะรอก็มา   เริ่มชั่วโมงแรกอาการปวดทุกอย่างเริ่มมา   นั่งไม่เป็นสุขอยากไปโน่นไปนี่  พอจะออกไปก็ได้ยิน ดร.ดาราวรรณ ที่กำลังพูดในตอนนั้นบอกให้ไปทีละคน  ผมก็รอต่อไป  รอมาผมไม่ได้ไปสักที   ผมก็เลยเปลี่ยนใจมาฟังดีกว่า   ครูจะพูดอะไรลองฟังไปฟังมาชักสนุกเพลินดีจนผมไม่อยากที่จะลุกเดินไปไหนแม้วินาทีเดียว

 


          วันต่อมาผมเริ่มชอบใช้สมาธิในการฟังจดจ่อมากขึ้น  รู้สึกว่าไม่อยากให้สิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังหยุดหรือขาดหายไป ทำให้ผมนึกถึงยาย  เพราะชีวิตของผมอยู่กับยายมาตลอดครับ   ขณะเวลาที่ครูพูด  ผมมองถึงความจริงใจในแววตาของครูทุกคนที่ไม่ต้องการอะไร   มองพวกผมเหมือนลูกๆ ที่แม่พ่อทุกคนต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุด  ผมเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง  ได้กลับไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองอีกครั้งทั้งที่ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรอีกบ้าง   เป็นเหมือนแผลที่เกิดในจิตใจที่ยากจะรักษาหาย  เจ็บทุกครั้งที่นึกถึง  คงไม่มีอะไรที่จะช่วยรักษาเยียวยาอีกแล้วที่จะทำให้ความเจ็บปวดทุเลาเบาบางลงไปบ้าง   แผลที่เกิดในจิตใจของผมครั้งนี้คงต้องใช้ความศรัทธาที่เกิดจากใจของตัวเอง    ผมเองคงจะไม่ต้องเสาะแสวงหายาอะไรที่จะมาช่วยรสชาติจะเป็นอย่างไร  หวานหรือขมไม่ต้องไปสนใจเพราะสิ่งนี้อยู่ใกล้ตัวผมตลอดเวลา   แต่ผมเองกลับไม่เคยนึกถึงเลยด้วยซ้ำไป  คือ ธรรมะ นี่เอง รสพระธรรมเท่านั้นที่จะช่วยผมได้  อีกเรื่องคือความตั้งใจที่จะตั้งใจนั่งสมาธิควบคุมจิตใจความอยากของตัวเอง สั่งตัวเองว่าต้องทำได้   ผมเองเคยเอาชนะทุกอย่างก็มากมายแต่ส่วนมากจะไปในทางที่ไม่ดีเท่าไร   แต่ในครั้งนี้ตัวผมสามารถเอาชนะจิตใจตัวเองในทางที่ดี  มันยิ่งกว่าความภูมิใจในทุกครั้งที่ผ่านมาเสียอีกครับ  และแรงศรัทธาที่จะปฏิบัติก็มีมากเพิ่มขึ้นโดยที่ผมไม่ต้องไขว่คว้าหาความสุขที่ไม่รู้ว่าจะสุขจริง  สุขปลอมอีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญเสียงเชียร์เสียงกระซิบต่างๆ ที่ยั่วยุให้ทำชั่ว ก็พลอยหายไปด้วย คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว  ถ้าผมยังปฏิบัติอยู่อย่างนี้ต่อไปความสุขที่แท้จริงต้องเกิดกับผมอย่างแน่นอน

  

แรงศรัทธา

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 
 
 
เพิ่งเจอของจริง

           ตั้งแต่เกิดมา  กระผมพึ่งจะได้ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง เข้มข้น จริงจัง จริงใจ ในครั้งนี้  ซึ่งเป็นครั้งแรกในชีวิตครับ   ที่ผ่านมาเคยเข้าวัดก็ไม่ได้ปฏิบัติธรรม  ฝึกฝน ฝึกจิตภาวนาอย่างนี้   เพียงเข้าวัดเพื่อไปขอบูชาวัตถุมงคลเท่านั้น  ที่เคยบวชมาก็เพียงการบวชหน้าไฟงานศพเท่านั้นเอง   ไม่ได้ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิจิตภาวนาอย่างนี้  ช่างดีอัศจรรย์มากเหลือเกิน

 

          กระผมมีความสุขสงบใจและได้รับความรู้มากมายที่มีค่าเป็นความดีงามไม่อาจจะบรรยายให้หมดได้    แม้จะได้ปฏิบัติเพียงระยะเวลาสั้นๆ กระผมค้นพบและสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากเลยครับ   เลิกคิดเพ้อฝัน  ห้ามใจไม่พูดจาไร้สาระได้ดีมากๆ ครับ

 

          กระผมขอขอบพระคุณ อาจารย์ ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม และคณะครูที่ช่วยอบรมสั่งสอนทุกๆ ท่านด้วย  ท่านและคณะคือบุคคลที่มีจิตใจดีงาม เป็นคนจริงของโลก  กระผมขอยกย่องไว้เป็นครูตลอดชีวิต  กระผมขอขอบคุณที่ช่วยชี้ทางสว่าง ดีงามให้กับกระผม   ตอนนี้กระผมสามารถนั่งสมาธิภาวนาได้ถูกต้องบ้างแล้วจากคำแนะนำของทุกๆ ท่านครับ

 

          กระผมจะพยายามฝึกหัด  ฝึกฝนจิตใจตนเองให้ดียิ่งขึ้น  ในวันนี้หรือวันหน้ากระผมจะประกอบแต่อาชีพสุจริตเป็นลูกที่ดีของแม่  เป็นลูกศิษย์ที่ดีของครู-อาจารย์ไปตลอดชีวิต

 

วีรยุทธ

โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองราชทัณฑ์

 


 

 


 

Last Updated on Friday, 29 August 2014 01:38
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner