Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์เด็กนักเรียน ร.ร.พงษ์ศิริวิทยา ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 6 - 10 กรกฎาคม 2555
ประสบการณ์เด็กนักเรียน ร.ร.พงษ์ศิริวิทยา ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 6 - 10 กรกฎาคม 2555
Wednesday, 25 July 2012 03:08

 

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 

 

เพิ่งรู้ว่าวัดมีดีหลายอย่าง


          ผมเป็นคนที่สนุกสนานไปวันๆ  ไม่ค่อยได้เข้าวัด   ไม่รู้ว่าที่วัดมีอะไรดี   เมื่อแม่ชวนผมไปวัด   ผมมักจะพูดว่าไปทำไมวัด   ไปนั่งเมื่อยจะตาย   เมื่อมีงานบุญต่างๆ  ผมก็ไม่ค่อยได้ไป  ขนาดงานศพของปู่ผมยังไม่กล้าที่จะบวชให้ท่านเลย    ผมเป็นคนที่นิสัยไม่ค่อยดีเมื่อพ่อแม่ดุด่ามักจะหนีออกนอกบ้านและจะไม่กลับเข้าบ้าน   ชอบเถียงพ่อแม่ไม่ว่าเรื่องนั้นจะถูกหรือผิด   

  

          ผมพอที่จะรู้เรื่องศาสนาอยู่บ้าง    รู้จักบุญ  รู้จักบาปอยู่บ้างแต่ก็ทำผิดอยู่เสมอ  

  

          แต่เมื่อได้มาวัดวะภูแก้วชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป   จากเคยคิดว่ามาวัดมีอะไรดี   กลับได้คิดว่าวัดนี้มีอะไรดีเยอะเลย   ได้นั่งสมาธิและบำเพ็ญประโยชน์แถมยังได้บุญอีกด้วยและได้มาใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ    วันแรกผมรู้สึกท้อมากอยากจะกลับบ้านเพราะนั่งสวดมนต์และนั่งสมาธิ  ปวดเมื่อยไปทั้งกาย   บอกว่าถ้าหากนั่งสมาธิได้นานจะมีรางวัล    ผมจึงตั้งใจทำสมาธิเพราะอยากรู้ว่ารางวัลนั่นคืออะไร  พอนั่งสมาธิวันที่สองก็มีอาการปวดเล็กน้อยลงจนทำสมาธิได้นานเป็นลำดับที่ 3     วันที่สามผมก็รู้สึกว่ามีแสงอะไรก็ไม่รู้อยู่รอบกาย   จนวันที่สี่ผมรู้สึกว่าตัวเองมีอาการแปลกๆ  มือ  แขน  ขา  หายไป  แต่วิทยากรบอกว่านั้นเป็นเพราะว่าพลังจิตของเรามีมากทำให้ผมนั่งสมาธิได้นานมากกว่าปกติ  

          ผมดีใจมากที่คนอย่างผมที่ไม่เอาไหนกลับทำสิ่งดีๆ นี้กับเขาได้


เด็กชายนิพัทธ์  พิงสันเที๊ยะ  ชั้น ม.2/2
โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา   อ.ด่านขุนทุด   จ.นครราชสีมา
เขียนไว้ เมื่อ วันที่ 10 ก.ค. 2555

  

  

 

 


ใช้ธรรมโอสถบำบัดโรค


           ในตอนเย็นที่คุณครูได้พาขึ้นไปนั่งสมาธิที่บนอุทยานธรรมซึ่งเป็นที่พักของหลวงปู่พุธ   ในขณะนั่งสมาธิ   ฉันรู้สึกว่าร่างกายส่วนล่างของฉันนั้นหายไปหมด    รู้สึกว่าตัวของฉันเหลืออยู่ครึ่งตัว    แล้วมือทั้ง 2 มือก็หายไป   ฉันรู้สึกว่าจิตใจของฉันสงบ    ฉันมีสติที่ดีเสมอในการเดินทุกย่างก้าว

  

    
          ในวันที่  2  ฉันมีอาการปวดหัวข้างเดียว   แล้วฉันก็นั่งสมาธิ   และได้ภาวนาว่า  "หายปวด  หายปวด"  ไปเรื่อยๆ   จนกระทั่งอาการปวดหัวของฉันก็หายไป  โดยไม่มีอาการปวดอีกเลย    ต่อมาเกิดอาหารเป็นพิษ  ทำให้ฉันปวดท้องอย่างรุนแรง   ฉันก็เลยนั่งสมาธิเหมือนเดิม  แล้วตั้งใจภาวนาว่า   "หายปวด  หายปวด"  ไปเรื่อยๆ    ทำให้ฉันรู้สึกหายปวด   ไม่รู้สึกเมื่อยเลย   รู้สึกว่าตัวเอง  ตัวเล็กบ้าง  ใหญ่บ้าง  แล้วเห็นแสงสีแดง  สีม่วง   สีขาวลอยระยิบระยับ บนหน้าของฉัน   ตัวของฉันโยกไปมา   ฉันได้สติ   ได้สมาธิ  จากการปฏิบัติธรรมที่นี่

 

เด็กหญิงสุดนิดา  เลาขุนทด  ชั้น ม.2/2
โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา   อ.ด่านขุนทด   จ.นครราชสีมา
เขียนไว้ ณ วันที่  10  กรกฎาคม  2555

  


 

ครูไม่ได้พาเรามาทรมาน


          ครั้งแรกผมไม่อยากมา   พอมาถึงผมได้ปฏิบัติธรรม  เช่น  สวดมนต์  นั่งสมาธิ  เดินจงกรม   ผมคิดในใจว่าครูพาผมมาทรมาน   พอถึงวันที่ 2 ผมเริ่มทำสมาธิได้แต่ก็ยังปวดเหมือนเดิม    ผมทนไม่ได้ ก็ได้แต่นั่งหลับตาได้สักพักก็ลืมตาดูเพื่อนที่เขากำลังนั่งสมาธิอยู่   เพื่อนเขานั่งกันได้ดี   แต่ผมกลับเปลี่ยนท่านั่งตลอดเวลาจนครูทนไม่ไหวจึงเดินมาบอกผมให้นั่งดี ๆ   ผมพยายามเท่าไรก็ทำไม่ได้   พอเข้าวันที่ 3  ดร.ดาราวรรณบอกว่าการนั่งสมาธิต้องทำให้จิตอยู่กับปัจจุบัน   ไม่ให้จิตวอกแวกไปไหน   ผมเลยทำดูเริ่มทำได้   ความปวดเริ่มบรรเทาลง    พอถึงวันที่ 4 ผมรู้สึกว่าผมไม่มีความปวดเพราะผมไม่ได้ไปสนใจความปวด    แต่ผมภาวนาในใจว่าพุทโธไปเรื่อยๆ จนผมเกิดอาการอะไรไม่รู้  รู้สึกว่าขาผมหายเหลือแค่ส่วนเอวขึ้นไป    ดร.ดาราวรรณบอกว่าเป็นอาการสมาธิ
 

  

          วันสุดท้ายผมทำได้ดีกว่าทุกวันเพราะรู้แล้วว่าการนั่งสมาธินานทำอย่างไร    ผมก็อยากจะไปขอโทษคุณครูที่คิดว่าครูพาผมมาทรมาน   แต่ที่แท้ครูพาผมมาหาความสุขและมาเอาบุญ


เด็กชายวธัญญู  เต็มศักดิ์ไพโรจน์  ชั้น ม.2/3
โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา   อ.ด่านขุนทด   จ.นครราชสีมา
เขียนไว้ ณ วันที่  10  กรกฎาคม  2555

  

  

  


วันแรกกับวันนี้ไม่เหมือนกัน


           ผมกับเพื่อนๆ  คิดว่ามาวัดคงจะสบายและสนุก  ได้จอผีสางเทวดา   แต่การปฏิบัติเริ่มเข้มขึ้นทุกวัน   จนผมเริ่มท้อ แต่พอเข้าวันที่ 4  ผมเริ่มเข้าสมาธิได้   จิตเริ่มสงบ และสู้กับร่างกาย ความเจ็บปวดได้ดีขึ้น   ผมเกิดอาการหลายอย่างเช่น กายเริ่มเอียง  สั่น  และร่างกายบางส่วนขาดหายไป    และเริ่มเห็นนิมิตในช่วงหนึ่ง   ผมคิดถึงพ่อแม่และผู้มีพระคุณจนร้องไห้แบบไม่รู้สึกตัว   ร้องไห้ไม่หยุด   เพื่อนทุกคนก็สงสัยว่าผมเป็นอะไร   ตอนนั้นจิตผมคิดถึงความชั่วหรือกรรมชั่วที่เคยทำกับพ่อแม่และผู้มีพระคุณ   น้ำตาก็เลยไหลออกมา

  


          ในวันสุดท้าย  ผมรู้สึกแปลกกว่าเดิมคือ   ตั้งแต่วันที่ก้าวเข้ามาในวันจนถึงวันนี้  ผมมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเยอะ   เช่น   ผมมีสติมากขึ้น  และมีความรู้ความกลัวเกี่ยวกับบุญบาป    ดังนั้น  ผมคิดว่าการเข้ามาปฏิบัติธรรมครั้งนี้มีประโยชน์ต่อผมมากและก่อนกลับ  ผมเองก็ยังรู้สึกไม่อยากกลับด้วยซ้ำไป


เด็กชายอภิวัฒน์   โสภกุล  ชั้น ม.2/1
โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา   อ.ด่านขุนทด   จ.นครราชสีมา
เขียนไว้ ณ วันที่  10  กรกฎาคม  2555

  

 

 

ทำได้ไง


          หลังการอบรมวันแรกๆ   ผมไม่อยากสวดมนต์เพราะมันปวดขาและนิ้วเท้า และผมมีความรู้สึกว่ามีเหมือนใครมากดไหล่ข้างขวาผมไว้และเช้าวันที่สามผมเริ่มชอบ   ผมนั่งได้นานมากจนเพื่อนผมชมว่าทำได้ยังไงไม่น่าเป็นไปได้

  


          เพื่อนของผมไม่เชื่อว่าผมจะทำได้   ผมก็ไม่เชื่อเหมือนกันแต่ผมก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ     วันที่สี่ผมก็นั่งสมาธิได้นานกว่าวันที่ 3 ผมรู้สึกดีที่ผมได้รางวัลเป็นแชมป์    ผมดีใจที่ผมนั่งนานได้และกลับบ้านไปผมจะสวดมนต์และนั่งสมาธิ

  

เด็กชายภัทรพงศ์   มางาม  ชั้น ม.2/7
โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา   อ.ด่านขุนทด   จ.นครราชสีมา
เขียนไว้ ณ วันที่  10  กรกฎาคม  2555

 







Last Updated on Wednesday, 25 July 2012 03:43
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner