Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์เด็กนักเรียน ร.ร.ชุมพวงศึกษา ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 8 - 12 มิ.ย. 2555
ประสบการณ์เด็กนักเรียน ร.ร.ชุมพวงศึกษา ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 8 - 12 มิ.ย. 2555
Saturday, 16 June 2012 07:33

 

 

หลวงพ่อพุธ  ฐานิโย

 

ประสบการณ์เด็กนักเรียน  ร.ร.ชุมพวงศึกษา

ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว 

ระหว่างวันที่  8 - 12 มิ.ย. 2555

 

 

 

 เชื่อพระพุทธเจ้า  รักพุทธศาสนา

          ที่ผ่านมาหนูไม่เคยเชื่อเรื่องบุญบาป   ไม่เคยเชื่อพระพุทธเจ้าเลยค่ะ    โรงเรียนเดิม เคยพาไปอบรมตามที่ต่างๆ มามาก   แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เปลี่ยนความคิดหนูได้    หนูจะชอบพูดคนเดียวทุกครั้งว่า “งมงาย”   บุญบาปมันไม่มีหรอก  เขาคงกุเรื่องขึ้นมาไม่ให้คนเราทำชั่วเท่านั้น   

 

           ปกติที่บ้านหนูไม่เคยใส่บาตรเลยค่ะ    ตอนเด็กๆ  คุณยายเคยพาหนูใส่บาตรบ่อยๆ   พอย้ายกลับไปอยู่กับแม่    แม่ไม่เคยพาใส่บาตร   ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ทำให้หนูไม่อยากไปทำบุญ   แต่หนูไม่เคยทำตัวเหลวแหลกนะค่ะ    หนูคิดว่าถึงไม่มีพุทธศาสนา   หนูก็ทำความดีได้ค่ะ   แต่ในใจไม่เชื่อพระพุทธเจ้า

 

          จนหนูได้มาปฏิบัติธรรมที่นี่   ตอนที่ลงจากรถ   หนูลงจากรถเป็นคนสุดท้ายค่ะเพราะไม่อยากเข้าเลยวัด    แต่ทำตัวเป็นปกติตลอด   ตอนเข้ามาที่ศาลา  หนูอึดอัดมากเลย  แถมให้นั่งสมาธิอีก  บางครั้งหนูก็อยากร้องไห้เพราะนั่งสมาธิเหมือนกัน   แต่พอวันที่ สอง  สาม  สี่  มาแล้ว  หนูชอบที่นี่ ชอบบทสวดมนต์  ชอบการนั่งสมาธิ    วิทยากรเล่าเรื่องบุญบาป   ทำให้หนูเชื่อและกลัว   แต่ทำไมที่อื่นหนูไม่เชื่อ   แต่ที่นี่เชื่อก็ไม่รู้นะคะ  อาจเป็นเพราะที่นี่มีเหตุมีผลมาก มาก จริงๆ  จนทำให้หนูเชื่อได้   ชอบที่นี่  ชอบการสวดมนต์   ชอบนั่งสมาธิ   จะไม่ลืมที่นี่เพราะเป็นที่ที่ทำให้หนูสำนึกและกลัวบาป   เชื่อพระพุทธเจ้า   รักศาสนาพุทธ


น.ส.สุภาภรณ์    สหานอก
ชั้น ม.4/6
โรงเรียนชุมพวงศึกษา

 

 


เพิ่งได้รู้คุณค่าของพระพุทธศาสนา


          เมื่อได้มาวัดวะภูแก้ว   ฉันรู้สึกเฉย ๆ  เพราะเคยมาตั้งแต่สมัย ม.1  แล้ว   มา  3 วัน  2 คืน   ถือว่าแป๊ปเดียว   ได้อะไรไปไม่มากเพราะเวลาน้อย และยังเด็กอยู่   แต่ยังเก็บสมุดที่จดความรู้ที่วัดไว้   และนำการทำสมาธิบางอย่างไปใช้กับการเรียน   คือนำไปช่วยทบทวนบทเรียนนั่นเอง    แต่เมื่ออยู่  ม.4  ได้มาอีกครั้ง  รู้สึกว่าได้สิ่งต่างๆ  หลายอย่างมาก    มาครั้งนี้ฉันมีความรู้สึกและความคิดที่เปลี่ยนไป  ชอบชั่วโมงอ่านหนังสือมาก   เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือและรู้สึกขัดใจมากๆ ที่อ่านหนังสือแล้วไม่จบเล่ม  ชอบการบรรยายของวิทยากรทุกๆ ท่านที่มาให้ความรู้  ไขข้อข้องใจ   แต่เมื่อได้สมาธิครั้งแรกรู้สึกยินดี  มีความสุขมาก   แม้จะปวดขามากๆ  เราก็ยังสามารถทำได้   โดยตอนแรกนั้นรู้สึกตัวทั้งหมุนและโยก   ได้ความรู้เรื่องการนั่งสมาธิเพิ่มขึ้นอย่างมาก   เพราะตอนอยู่ที่โรงเรียน  รู้แค่ว่าต้องนั่งหลับตานิ่งๆ   แต่เมื่อได้มาวัดวะภูแก้ว รู้สึกดีที่รู้ว่าการทำสมาธิทำได้หลายทางแม้จะลืมตา  ยืน  เดิน  อ่านหนังสือก็เป็นสมาธิได้



          เป็นครั้งแรกที่รู้ซึ้งในรสพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า   เพิ่งรู้ว่าทำไมคนไทยจึงโชคดีที่มีพุทธศาสนา   ทำไมไอน์สไตน์จึง ยกย่องพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาเอกของโลก   ฉันเคยยืมหนังสือจากห้องสมุดมาอ่านชื่อเรื่องว่า   ไอน์สไตน์พบ  พระพุทธเจ้าเห็น    ฉันคงไม่รู้ถ้าหากไม่ได้มาวัดวะภูแก้ว  กลับบ้านไปฉันคงเปลี่ยนไปมาก   ฉันพึ่งเปิดใจรับรู้เองว่าชีวิตคนเรามันเป็นอย่างนี้นี่เอง   สั้นบ้าง  ยาวบ้าง  ตามผลของกรรม


          การนั่งสมาธิที่นี่   ทำให้ฉันเรียกความทรงจำเก่าๆ  ที่ลืมไปนานแล้วกลับมาจำได้อย่างชัดเจนอีกครั้ง   โดยฉันไม่รู้ว่าจำได้อย่างไร   แต่ความทรงจำที่สำคัญที่สุดในชีวิตโดยที่ฉันลืมไปแล้วได้กลับคืนมาเพราะมันสะเทือนใจมาก    แม่ของฉันป่วยมาก   แต่แม่ไม่หลับตา   ลืมตาไว้ตลอดเพราะกลัวว่าหลับแล้วจะไม่เห็นลูกอีก    ฉันพึ่งจำได้  ฉันเสียใจมากที่ลืมไปแต่เพราะมาที่นี่ฉันเลยจำได้  ถ้ามีโอกาสก็อยากจะพาพ่อแม่มาปฏิบัติธรรมเพราะบรรยากาศที่นี่น่าปฏิบัติธรรมมาก   และต่อไปจะแนะนำให้คนอื่นๆ มาลองปฏิบัติธรรมที่นี่

 


น.ส. พิจิตรา  ดีหลาย
โรงเรียนชุมพวงศึกษา
ชั้น   ม.4/1
12  มิถุนายน 2555

 

 

 

ระงับเวรได้ที่นี่

 

          วันแรกที่มาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร   รู้สึกว่าเกร็งมาก  ได้นั่งสมาธิก็ปวดขามาก  ทำให้เปลี่ยนท่าไปๆ  มาๆ    รู้สึกเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามมาก    ตอนนั่งสมาธิวันที่ 4   หนูร้องไห้เสียงดังมากจนทำให้เพื่อนๆ  ตกใจ และเสียสมาธิ   เหตุที่หนูร้องก็เพราะหนูเคยไปตั้งสัจจะไว้ว่า   หนูจะตามจองเวรจองกรรมอาฆาตคนที่ขับรถสิบล้อชนแม่หนูแล้วหนีไป   ซ้ำยังถอยรถกลับมาเหยียบพ่อและแม่หนูซ้ำอีก  พ่อไปตายที่โรงพยาบาลมหาราช   ส่วนแม่เสียชีวิตทันที   หนูมีพี่ชายอีก 2 คน  อายุก็ไม่ห่างกันมาก   ทำให้พวกหนูต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า   แต่ด้วยตอนนั้นหนูมีอายุเพียง3 ขวบ    ผู้ใหญ่บอกว่าแม่หนูนอนหลับ  หนูจำภาพศพพ่อและแม่ได้ดี   ภาพนั้นยังอยู่ในจิตใต้สำนึก   พ่อแม่เผาพร้อมกันโดยใช้ฟืนท่อนใหญ่  เพราะตอนนั้นวัดยังสร้างเมรุไม่เสร็จ

 

           ตอนนั่งสมาธิ   พอจิตสงบ  หนูเห็นภาพรถสิบล้อขับมา   พ่อแม่กำลังจูงมือกันข้ามถนน   แล้วรถก็มาเหยียบพ่อแม่   หนูรู้สึกเจ็บปวดแทนพ่อแม่   แค่นั่งสมาธิก็ปวดขามากแล้ว   แต่นี้รถสิบล้อทั้งคันเหยียบทับลงไปจะทรมานสักแค่ไหน   กว่าจะหมดลมหายใจ   แม่พ่อคงจะทรมานมาก  หนูก็เลยร้อง  ไม่ใช่ร้องธรรมดา กรี๊ดด้วย

 

          การมาวัดวะภูแก้วครั้งนี้ทำให้หนูได้อะไรหลายอย่างทั้งการมีสติ  ความสงบและการมีเมตตา   และหนูก็รู้ว่าการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการให้อภัย   หนูจะไม่โกรธไม่จองเวรจองกรรมเขาแล้ว   หากหนูไม่มาหนูก็คงจะกลายเป็นคนไม่มีความคิด  หรือ  จิตอ่อน  สติอ่อน   ปัญญาอ่อน  หนูจะจำคำนี้ไว้เพื่อควบคุมตนเอง  ขอบคุณมากค่ะ  สำหรับบุญครั้งนี้

 

                นางสาวศศิมาพร   หมอนเมือง

โรงเรียนชุมพวงศึกษา   ชั้น/ห้อง  ม.4/3

เขียนไว้วันที่  12 มิ.ย. 2555

 

 

 

เลวซะขนาดนี้ก็ยังเอาดีได้

 

          “วัดวะภูแก้ว”  แค่ได้ยินชื่อก็ไม่อยากมาแล้ว   คิดว่ามาทำไมก็ไม่รู้   มีแต่นั่งสมาธิ   เดินจงกรม  อ่านหนังสือ  สวดมนต์  อยู่นั่นแหละ   นอนก็ดึก  ตื่นก็เช้า  เวลาพักก็ได้พักนิดเดียว  ปวดขาก็ปวด   ปวดหลังก็ปวด   วันแรกๆ ก็รู้สึกแบบนี้ จนมาถึงวันที่ 4  และวันสุดท้ายนี้  ความคิดกลับอยากอยู่ต่อ  เพราะวัดวะภูแก้ว ทำให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ   ทำให้มีสติสมาธิที่ปลอดโปร่ง   ทำให้รู้ถึงคุณบิดามารดา

 

          เมื่อก่อนทำบาปกับพ่อแม่ไว้เยอะมาก   ต้องว่ามากที่สุดด้วยสิเพราะจะมีลูกคนไหนจะทำชั่วได้ขนาดนี้   เข้าเรียนสาย  ไม่ตั้งใจเรียน   กลับถึงบ้านก็โยนกระเป๋า   ถุงเท้ารองเท้าไว้กระจัดกระจายเกือบจะถูกแม่    ไม่สนใจอะไรแล้วก็ไม่ทำงานบ้าน   เปลี่ยนชุดนักเรียนเสร็จก็ไปเที่ยวบ้านคนอื่น  ปล่อยให้แม่ทำงานบ้านอยู่คนเดียว   พ่อไปนามาก็เหนื่อยมากแล้ว   กลับมายังมาเหนื่อยกับฉันอีก   พ่อแม่ให้อ่านหนังสือก็บอกว่าอ่านมาจากโรงเรียนแล้ว    บอกให้ทำการบ้าน  ฉันก็บอกว่าการบ้านไม่มี   วันๆ นั้นก็ไร้สาระอยู่กับ Facebook   การงานไม่ทำ  เสาร์-อาทิตย์  ก็บอกพ่อแม่จะไปทำรายงาน   ขอเงินมา   เงินที่ได้มาก็หมดไปกับของไร้สาระ  รายงานก็ไม่ได้   กลับบ้านไม่ตรงเวลา   เถลไถลไปทั่ว   ถึงเวลาสอบก็ไม่อ่านหนังสือ  สอบไม่ได้ก็บอกพ่อแม่ว่า   มันไม่มีในเนื้อหาที่เรียน   ฉันไม่เคยสำนึกในบุญคุณของพ่อแม่เลย

 

          ...แต่เพราะที่ได้มาวัดวะภูแก้วนี่แหละ   ที่ทำให้ฉันกลับใจเป็นเด็กดี   จะทำบุญ  หมั่นสวดมนต์  ภาวนา  จะรักษาศีล   เพื่ออุทิศกุศลทั้งหมดให้แก่พ่อแม่  สำนึกในบุญคุณของพ่อแม่   ไม่งั้นฉันคงไม่มีโอกาสที่จะทำดี   ตายไปคงตกนรกชั้นลึกที่สุด   จนมาถึงวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่วัด    ฉันก็ไม่อยากจะกลับ   อยากจะปฏิบัติธรรมต่อ   แต่ไม่เป็นไร!!    ฉันจะนำประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมนี้ไปใช้ที่บ้าน   หมั่นสร้างบุญบารมีไว้

 

 

 

นางสาวศศินา   แต้มพิมาย

โรงเรียนชุมพวงศึกษา   ชั้น/ห้อง  ม.4/1

เขียนไว้วันที่  12 มิ.ย. 2555

 

 

 


Last Updated on Thursday, 03 October 2013 08:04
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner