Saturday, 16 June 2012 06:56 |
ประสบการณ์เด็กนักเรียน ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 1 - 5 มิ.ย. 2555 ดูคอนเสิร์ตหรือจะสู้เข้าวัดทำบุญ เมื่อผมได้ทราบว่าจะต้องมาปฏิบัติธรรม ที่วัดวะภูแก้ว ก็รู้สึกไม่อยากมาเลย เพราะว่ามันตรงกับวันที่มีคอนเสิร์ตที่แถวบ้านพอดี ซึ่งผมตั้งหน้าตั้งตารอมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไป
มาวันแรกทรมานมาก แทบจะวิ่งกลับบ้านเลย แต่พอเวลาผ่านไปเริ่มปรับตัวได้ รู้สึกเฉยๆ และบางครั้งก็มีความสุข สิ่งที่ผมประทับใจที่สุด คือ การ “เวียนเทียน” เพราะผมไม่เคยทำมาก่อน แต่ผมมาทำที่นี่เป็นครั้งแรก ประทับใจมากครับ เมื่อก่อนผมไม่เคยสนใจในศาสนาเลย วัดก็แทบไม่เคยเข้าเลย ผมว่ามันน่าเบื่อ ยิ่งการนั่งสมาธินี่ ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่เคยทำ แต่มาที่นี่ได้นั่งสมาธินานๆ ได้ประสบการณ์มากมาย และได้เรียนรู้คุณธรรม และมีความคิดใหม่ๆ ดีดี เกิดขึ้นในสมองมากมาย ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้ ซึ่งถ้าโรงเรียนไม่พามาวัดวะภูแก้ว ผมก็คงไม่เข้าวัดอีก เพราะผมไม่ชอบเข้าวัด แต่วัดนี้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป อยากทำบุญ ทำความดีมาก พึ่งรู้ว่าการเข้าวัดทำบุญ มันรู้สึกดีเช่นนี้นี่เอง! สิทธิศักดิ์ อนุพันธ์ ชั้น ม.5 โรงเรียนขามทะเลสอวิทยา 5 มิถุนายน 2555
พบพ่อครั้งแรกในสมาธิ วันแรกที่ข้าพเจ้ามาถึง ข้าพเจ้ารู้สึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยมาตอน ม.2 ข้าพเจ้าชอบบรรยากาศที่นี่มากๆ ร่มรื่น ครั้งนี้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ไปนั่งสมาธิที่ลานธรรม ข้าพเจ้ารู้สึกสงบมาก ๆ นั่งได้นานมากเป็นชั่วโมง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าข้าพเจ้าปวดขามากๆ จนเหมือนหงายหลังไป จากนั้นข้าพเจ้าก็รู้สึกเบาตัวไปหมดและเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งอุ้มลูกอยู่กับแม่ของข้าพเจ้า ภาพนั้นดูมีความสุขมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นดูอบอุ่น เป็นมิตร และอุ้มเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความรักและเอ็นดู แล้วข้าพเจ้าก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ด้วยความซึ้งที่ข้าพเจ้ารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น พอข้าพเจ้าถอนจากสมาธิ ข้าพเจ้าก็ร้องไห้และคิดว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเป็นพ่อของข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าไม่เคยเห็นหน้าพ่อของข้าพเจ้า และไม่รู้ว่าหน้าพ่อของข้าพเจ้าเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าใช้คำภาวนาว่า พ่อ-แม่ หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็นั่งสมาธิได้นานขึ้นเรื่อย ๆ และอยากจะนิ่งนาน ๆ ข้าพเจ้ารู้สึกดีมากๆ ที่ได้มา ณ วัดวะภูแก้ว ได้รับความสงบกลับไปมาก ๆ ค่ะ
นางสาวนิโลบล คูพันดุง ม.5/1 เลขที่ 21 โรงเรียน ขามทะเลสอวิทยา
พ่อกับแม่เจ็บปวดกว่าเราหลายเท่า
หนูได้มาที่วัดวะภูแก้วครั้งนี้เป็นปีที่ 3 ของการมาเข้าค่ายธรรมะ แต่มาคราวนี้หนูมาแบบบริสุทธิ์ใจไม่คิดอะไร คิดแค่ว่าหนูจะตั้งใจให้มาก ตอนนั่งสมาธินั้นมันเป็นอะไรที่ปวดมาก แต่พ่อนั่งไปไม่รู้ว่าเกิดอะไร อยู่ดีๆ หนูก็คิดขึ้นมา แค่ปวดแค่นี้ไม่เท่ากับความเจ็บปวดของพ่อกับแม่เราหรอก แม่นั้นก็ทนเจ็บทนเสี่ยงตายคลอดเรามา และพ่อก็ต้องเหนื่อยต้องทำงานหาเงินจนเป็นโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคปวดเมื่อย ปวดตามร่างกายจนต้องไปหาหมอนวด ไปโรงพยาบาล แม่หนูก็เป็นคล้ายกับพ่อ หนูเลยคิดว่าการที่หนูมาครั้งนี้ หนูจะนั่งสมาธิส่งจิตให้ผู้ที่ให้กำเนิดหนูมาให้หายจากอาการเจ็บปวดทั้งหลายเหล่านี้ ถึงจะไม่หายเป็นปลิดทิ้งก็ให้อาการทุเลาลงบ้างไม่มากก็น้อย และสุดท้ายนี้หนูขอให้บุญของหนูครั้งนี้ส่งถึงพ่อหลวงให้หายจากอาการประชวร เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้แก่ปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน
เด็กหญิง สุทธิดา มุ่งเกมกลาง ชั้น ม.3 ห้อง 1 โรงเรียน ณัฐญาศึกษา เขียน ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2555
ขนาดไม่ชอบยังเป็นแชมป์ตั้ง 3 ยก
วันที่ได้มาวันแรก ดิฉันไม่ค่อยอยากมาเท่าไร เพราะไม่ชอบให้มาบังคับทำนั่น ทำนี่ มันน่าเบื่อ ตอนเห็นวิทยากรก็รู้แล้วว่า ฉันต้องโดนบังคับอะไรบางอย่างแน่ แต่พอทำตามกลับรู้สึกสนุกจึงทำไปเรื่อย ๆ และวิทยากรก็ให้นั่งสมาธิ ตอนแรกก็คิดว่าเมื่อไรฉันจะได้ออกจากสมาธิสักที พอสักประเดี๋ยวกลับรู้สึกเพลินจึงทำสมาธิต่อ และวันแรกที่ฉันทำ ฉันก็ได้เป็นแชมป์แล้ว 3 ยก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอีกเลยเพราะนั่งทีไรปวดขา มีครั้งหนึ่งฉันสะดุ้งเพราะฉันคิดถึงปลาที่แม่ให้ฉันฆ่า ตอนนั้นฉันบอกกับปลาว่าเรายากจนเราจึงจำเป็นต้องฆ่าเจ้าและพอหลังจากนั้นก็ไม่คิดถึงอะไรอีกเลย และขอให้ทุกคนตั้งใจทำสมาธิน่ะ เพราะฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบนั่งสมาธิ ฉันยังเป็นแชมป์ได้ตั้ง 3 ยก ด.ญ. วรรณยุกตร์ ต้งตา โรงเรียน บ้านห้วยบง ชั้น ม.2 วันที่ 5 มิถุนายน 2555
รีบทำดีกับแม่ก่อนที่จะสายเกินไป ก่อนที่จะมาวัดประมาณ 3-4 วัน คนแถวบ้านของหนู เขาขี่รถจักรยานยนต์ล้มอาการหนัก แม่เห็นคนข้างบ้านเป็นอย่างนั้นแล้วก็มาบอกหนูว่า อย่าขี่รถเร็วเดี๋ยวก็ตายเหมือนเขาหรอก แล้วก็บอกหนูย้ำๆ หนูก็เกิดความโมโห หนูก็เลยเถียงแม่กลับไปว่าให้หนูตายก่อนค่อยด่า หนูโกรธให้แม่มากหนูก็เลยไม่ไปกินข้าว แม่ก็เรียกหนูลงไปกินข้าวข้างล่าง หนูก็มานอนคิดว่า ทำไมแม่ต้องมาด่าเรา จากวันนั้นมา หนูก็ไม่ค่อยคุยกับแม่เท่าไร
เมื่อได้มาปฏิบัติธรรม อาจารย์ก็สอนเรื่องพระคุณพ่อแม่ พอหนูฟังแล้วหนูก็เกิดความสำนึกผิดที่หนูได้เถียงแม่ในวันนั้น ถ้าหนูกลับไปบ้านแล้วหนูอยากกราบเท้าแม่ บอกแม่ว่าหนูขอโทษที่หนูเถียงแม่ ไม่เชื่อฟังแม่ ไม่รู้ว่าแม่เป็นห่วงหนูมากแค่ไหน หนูกลับบ้านไปจะไม่เถียงแม่ หนูอยากทำก่อนที่มันจะสายเกินไปสำหรับหนู หนูอยากบอกรักแม่ทุกวัน ถ้าหนูมีโอกาส หนูจะมาวัดวะภูแก้วอีก วัดที่ทำให้หนูสำนึกผิด ขอบพระคุณวัดวะภูแก้วและอาจารย์ทุกคนค่ะ เด็กหญิง พนิดา เล็งรายสงค์ โรงเรียนบ้านหนองตะครอง ชั้น/ห้อง ม.2/1 เขียนไว้วันที่ 5 มิถุนายน 2555 หนูผิดไปแล้ว ตอนอยู่บ้าน หนูเป็นคนชอบเที่ยวมาก แม่หนูทำงานซื้อของเก่าค่ะ ก่อนแม่ไปซื้อของเก่า แม่ก็เอาเงินไว้ให้หนูทุกวัน แม่บอกให้หนูทำงานบ้าน แต่หนูก็ไม่ค่อยอยากจะทำเพราะหนูกลับบ้านประมาณ 5-6 โมงเย็น และหนูชอบโกหกแม่ว่าไปทำรายงานกับเพื่อน แม่กลับมาแม่ก็เลยบอกว่าแม่ทำงานมาเหนื่อยๆ ควรจะทำงานบ้านรอแม่แล้ว หนูก็จะเถียงแม่ทุกครั้งและสุดท้ายหนูก็ทำให้แม่ร้องไห้ แม่ก็เลยบอกว่ากว่าแม่จะซื้อของเก่าเขาได้ แม่ต้องขอเขาเหมือนขอทาน ถึงของเก่าเขามีเขาก็ไม่ให้ กว่าจะหาเงินมาได้มันยากแค่ไหน แต่หนูก็สงสารแม่นิดหน่อย ตอนนี้หนูอยากขอโทษแม่มากค่ะเพราะหนูได้รู้แล้วว่าหนูผิดไปแล้ว ตั้งแต่หนูได้มาวัดวะภูแก้ว อาจารย์ได้เล่าพระคุณแม่ให้ฟัง หนูก็นั่งร้องไห้ แต่หนูได้รู้แล้วว่าแม่มีพระคุณมาก
เด็กหญิง สุภัสษร น้อยต้อน โรงเรียนบ้านหนองตะครอง ชั้น/ห้อง ม.2/1 เขียนไว้ ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2555
|
Last Updated on Thursday, 03 October 2013 07:48 |