พ่อจ๋า…..หนูสำนึกผิดแล้ว หนูประทับใจที่นี้มากเพราะที่นี้ทำให้หนูกลับไปนึกถึงบุญคุณของพ่อ เพราะตั้งแต่แม่แยกทางจากพ่อมาหนูก็คิดว่า พ่อเขาไม่รักหนูเพราะเขาทำร้ายแม่และบางครั้งก็ตีหนูและน้องครอบครัวของเราทะเลาะกันบ่อยมาก ในตอนนั้นหนูคิดว่าหนูไม่ชอบพ่อ เกลียดพ่อ ไม่รักพ่อ เพราะตอนนั้นหนูโกรธพ่อมากจนเรา 3 คน ตัวหนู แม่ และน้อง ต้องหนีมาอยู่กับยาย แต่แม่ก็เคยบอกกับหนูเสมอว่า “อย่างไรเขาก็เป็นพ่อของเรา เป็นผู้ให้กำเนิดเรา” แต่หนูก็กลับไม่สนใจ จนมาถึงที่นี้หนูก็นึกได้ว่าที่พ่อตีหนูเพราะหนูทำผิด ว่าหนูก็ผิด แล้วก็ตีหนูหนักกว่าน้องทุกครั้งและหนูก็เถียงพ่อ ตอนนี้หนูรู้แล้วหนูคิดว่าหนูบาปมากเลย ตอนนี้หนูอยากกลับไปขอโทษพ่อ และหนูอยากบอกพ่อว่า “รักพ่อ” อยากบอกว่าลูกคนนี้สำนึกผิดแล้ว ถ้าหากไม่มีวันที่มาเข้าวัดนี้หนูก็คงคิดชั่วและเป็นบาปไปตลอดชีวิต ชื่อ นางสาวลักขณา อรุณวัฒนชัย โรงเรียนขามสะแกแสง ม.4/1 วันที่ 12 / 10 / 53
เด็กอาข่า เลิกนับถือผี มานับถือพระ ก่อนอื่นผมขอรายงานตัวก่อน ผมเป็นชาวเขาเผ่าอาข่า แต่เดิมผมไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ บ้านผมเขานับถือศาสนาผี แต่พอผมได้อายุ 13 ปี แม่กับพ่อไม่มีเงินส่งให้เรียนเลยส่งผมให้มาอยู่ที่นี้ ปัจจุบันผมอยู่วัดโนนเมือง ซึ่งมีพระครูศรีวรภรณ์ เป็นผู้ปกครอง ประสบการณ์ คือ หลวงพ่อเคยให้ผมไปปฏิบัติธรรมหลายสำนัก แต่สำนักอื่นๆ เขาไม่ได้ให้ความรู้เรื่องพุทธสาสนามากนัก ส่วนในเรื่องวินัย มีเรื่องพระพุทธศาสนา , พระพุทธเจ้า บ้าง บุญและบาปบ้าง และพระคุณพ่อแม่บ้าง แต่เป็นส่วนน้อย แต่สำนักวัดวะภูแก้ว ดีมาก สอนเรื่อง บุญ บาป เรื่องกรรม และ กฎแห่งกรรม พระคุณพ่อแม่ และ สมาธิภาวนามาก ผมดีใจมากที่ได้มาวัดนี้ ผมมีความเข้าใจ และ ได้ความรู้มาก ทำให้ผมรักแม่มากขึ้น กลับผมจะไปกราบเท้า พ่อกับแม่ ผมขอขอบคุณ พระ วิทยากร ทุกท่าน ที่สอนได้ เข้าใจในเรื่องต่างๆ ผมจะนำความรู้นี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของผมครับ และ ผมขอขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ได้ให้โอกาสโรงเรียนขามสะแกแสงได้มาอบรมในครั้งนี้ ชื่อ นายคงเดช ลาเชกู่ โรงเรียนขามสะแกแสง ม.4/4 12 / 10 / 2553
ส่งบุญให้พ่อ
ผมเคยมามาที่นี้ 2 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกผมมาที่นี้ตอน ม.1 ครั้งแรกที่ผม ผมมาแค่ 3 วัน 2 คืน ครั้งที่ 2 ผมมา 5วัน 4 คืน ครั้งที่ 2 ผมตั้งใจมา เพราะอยากบำเพ็ญกุศล เพราะว่าผมพึ่งรถล้มมา ผมคิดว่ามันคงเป็นกรรมเก่าของผม เพราะว่าผมชอบรังแกสัตว์ ผมชอบนำมดมาหักฟัน แล้วก็เอาใส่หู พอมันเป็นลมผมก็ค่อยเอาออกมา ผมคิดว่ามันคงจะเป็นผลกรรมของผม และอีกอย่าง พ่อผมก็ชอบฆ่าไก่เพื่อนำมาทำเป็นอาหาร แต่พ่อผมไม่ค่อยเข้าวัดผมจึงมาเพื่อทำบุญไปให้กับพ่อของผม และ หนังสือที่ ดร.ดาราวรรณ นำมาให้อ่านก็มีแต่หนังสือที่มีความรู้มาก และ การที่พวกเราได้นั่งสมาธิ เดินจงกลม ทำให้พวกเรามีจิตใจที่สงบ มีสติมากขึ้น และ อาจารย์ได้เปิด การคลอดลูก ผมดูแล้วรู้สึกสงสารแม่ กว่าจะคลอดเราได้ แสนลำบาก ทำให้ผมรู้สึกรักแม่มากขึ้น ชื่อ นายทินภัทร พรมโสภา โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต
ขอแบกทุกข์แทนตากับยาย ประสบการณ์ที่มาที่นี้นะหรือ วันแรกๆที่รู้ โอ้ พระเจ้า ไม่อยากมา นั่งสมาธิ สวดมนต์ เดินจงกรม อะไรเนี่ย ทรมานมาก แต่รู้ว่ามันดี มันได้บุญ เลยทำใจ ว่า มาเถอะ ทำบุญ ได้บุญมากน้อยยังไง ขอให้ตากับยาย เพราะตาเป็นอัมพาต เผื่อจะดีขึ้น ยายก็เจ็บเล็ก เจ็บน้อย ทำงานบ้านคนเดี่ยว แต่นี้ไม่ยอมช่วยสักอย่างเดี่ยว อารมณ์ดีถึงช่วยทำ พอมาถึงวันแรก นั่งนานมาก นึกถึงตายาย นึกเรื่องตั้งแต่เด็ก ร้องเลย นั่งอีกทีหนึ่ง ก็ร้องเพราะนึกถึงแมวที่เคยฆ่ามันตาย ลูกไก่ที่เหยียบมันตาย กระต่ายที่จับมันโยน คราวนี้ร้องหนักกว่าเดิม เพราะนึกถึงสิ่งที่ไม่ดีที่ทำกับตายายด้วย ข้าพเจ้าเป็นคนที่วันๆ ไม่เคยช่วยยายทำอะไร ยายทั้งต้องดูแลตา ตาก็ตัวหนัก ต้องยกตา เพราะเดินไม่ได้ ไอ้เราก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ช่วยอะไร เคยทำร้ายตัวเอง กรีดแขน เพราะอกหัก กินยาแก้แพ้เป็น สิบ ยี่สิบ เม็ด แต่ก็รอดมาได้ พอมาที่นี้พูดถึงบุญคุณ บาปบุญ สำนึก ยายตาลำบากเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก หกล้มเจ็บอะไรก็พาไปรักษา ดูแลอย่างดี แล้วดูอีนี้ทำ ทำร้ายตัวเองเพราะคนนอกครอบครัว ถึงวันนี้เขาก็ไม่ได้อยู่กับเราไปที่อื่นละเลยรู้ว่าเรามันโง่ โง่มาก ยายรู้เรื่องนี้ แต่ยายก็เรียกมาบอกว่าอย่าทำอีกนะ ยายดูไม่เสียใจอะไร แต่บางวันตกกลางคืนมา ยายอาบน้ำได้ยินเสียงสูดน้ำมูก ยายไม่ได้เป็นหวัด รู้เลย ยายร้องให้ รู้สึกผิด เรามันบาปหนา ตาก็เป็นห่วง เวลามีอะไรกินก็เรียกตลอด “มากินข้าวมา” เรียกอยู่นั้น บางทีก็ลำคาญตะโกนกลับ ไม่กินๆ แต่ก็ออกมากิน ตาให้เรากินก่อนไม่เคยบ่นอะไรเลย จะกินเดนก็กินได้ ข้าพเจ้าเลยตั้งใจ นั่งสมาธิ เผื่อท่านจะดีขึ้นได้ มาที่นี้ทำให้ข้าพเจ้าได้สำนึกบุญคุณ ตายาย ผู้มีพระคุณ เจ้ากรรมนายเวร บาปกรรมต่างๆ ข้าพเจ้าไม่กลัวหรอก ต่อจากนี้ข้าพเจ้าจะเป็นอะไรก็ช่าง แต่ขออยู่อย่าง ถ้าตากับยายข้าพเจ้าจะเป็นอะไร ข้าพเจ้าอยากจะเป็นแทน อยากจะรับกรรมนั้นแทน ข้าพเจ้าไม่อยากให้ตากับยายเป็นทุกข์ ข้าพเจ้าสัญญาว่า ว่ากลับไป จะกลับไปกราบตายายให้จงได้ สักครั้งหนึ่ง ในชีวิต ชื่อ นางสาวญาณิศา สัตยานุชิต โรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต ม.4/8
ศิษย์ได้ดี เพราะได้ครูดี ดิฉันได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ดาราวรรณ เด่นอุดม ครั้งแรก เมื่อครั้งไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน หลวงพ่อได้เปิดเทปรายการ คลับ เซเว้น ให้ผู้ปฏิบัติธรรมดูในคืนวันสุดท้ายของการอบรม ได้ดูครั้งแรกรู้สึกศรัทธา เป็นอย่างมาก และคิดว่าการปฏิบัติธรรมที่นี้น่าจะเป็นประโยชน์กับลูกศิษย์ดิฉัน ดังนั้นดิฉันจึงแนะนำให้พ่อกับแม่พาลูกเขามา ลูกศิษย์ และ เพื่อนของเขาตอบตกลงอย่างอิดออดแต่ก็ยอมมา ในตอนแรกดิฉันไม่ได้คิดว่าจะมาปฏิบัติธรรมกับเด็กๆ ด้วย แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะ แม่ของลูกศิษย์ไม่สามารถอยู่ร่วมการอบรมได้ ประกอบกับความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัวว่าที่นี้มีวิธีการสอนปฏิบัติธรรมอย่างไร จากวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ลูกศิษย์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น รู้สึกว่าอยากอ่านหนังสือ และ มีความตั้งใจในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น และ หวังว่าจะเป็นเหมือนเทียนที่อยู่ในใจของพวกเขา คอยส้องนำทางและคอยเตือนสติให้พวกเขาต่อไปในอนาคต
ส่วนตัวดิฉันเองก็ได้รับ ความรู้ ความเข้าใจ ในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ที่สำคัญคือทำให้เปลี่ยนทัศนคติที่ว่า สมาธิ คือ การนั่งบริกรรมหลับตา และ เดินจงกรม อย่างเดี่ยว แต่สมาธิสามารถอยู่กับเราได้ตลอดเวลา และ ธรรม ไม่ใช่เรื่องของคนแก่ หากแต่เป็นเครื่องเตือนสติ และ เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ให้เราได้ ในยามที่เราเกิดทุกข์ ธรรม เป็น เรื่องทันสมัยที่สุด และ จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย สุดท้าย ดิฉัน ขอขอบพระคุณองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ตรัสรู้ พระธรรม อันประเสร็จมาให้หมู่มวลมนุษยชาติ ขอขอบพระคุณหลวงปู่พุธ ฐานิโย ผู้มีเมตตาแก่เด็กๆ ทั้งหลาย ขอขอบพระคุณ ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม ที่มีเมตตาจิตอันสูงส่งเปิดโครงการอบรมที่ดีเพื่อสังคมแบบนี้ และ ต้องขอขอบ คุณตัวเองที่ให้โอกาสตัวเองได้มาปฏิบัติในสิ่งที่ดี เช่นเดี่ยวกัน
นส.ตวงพร ณชัชพงค์ 12 ต.ค. 53 (อบรมสมทบ)
คนไม่เอาไหน เปลี่ยนได้ใน 5 วัน ผมมาวันแรกๆ ผมก็ว่ามันน่าเบื่อ แต่พอผมอยู่ไป เรื่อย ๆ ผมก็รู้ว่า มันมีความสุขดี ตอนแรก ผมนั่งสมาธิไม่ได้เลย แต่พอยู่ไปผมก็นั่งได้นานขึ้น และ ก็ได้ขึ้นเรื่อย ๆ ใครจะไปคิดละนะว่าวันเวลาเพียง 5 วัน ทำให้ผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ จากผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เอาไหนเลย ทำให้ผมมีความรับผิดชอบได้ ตื่นตรงเวลา และ ทำให้ผมมีระเบียบวินัยมากขึ้น กว่าเก่ามาก จากคนที่ พ่อ แม่ พูดอะไรนิดหน่อย ผมก็ตวาดแม่ พอผมมาที่นี้เพียง 5 วัน ทำให้ผมรู้ว่าการด่าแม่เป็นบาปมาก ผมเลยรู้สึกตัวว่าเราต้องกลับตัวเป็นคนดีให้ได้ และ พอพิธีกรเปิดภาพตอนแม่คลอดลูกให้ดู ผมก็รู้สึกว่าผมมันไม่ใช่คนดีเลย แม่ยอมเจ็บเพื่อให้กำเนิดผม แต่พอผมเกิดแล้วก็มาทำอย่างนี้ แม่จะเสียใจมากแค่ไหน ผมก็เลยคิดได้ว่าผมจะต้องกลับตัวเป็นคนดี เพื่อให้แม่ภูมิใจ การมาแค่เพียง 5 วัน จะทำให้เป็นผมเป็นคน ดี ได้ขนาดนี้ การอบรมที่นี่ดีมาก เด็กชายชาลาวิทย์ บุญณรงค์ 12/10/53 (อบรมสมทบ)
|