Wednesday, 10 November 2010 05:15 |
ในการแสดงธรรมครั้งหนึ่ง พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้เล่าถึงเรื่องราวหนึ่งไว้ว่า... พ่อค้าวาณิชย์ฐานะร่ำรวยผู้หนึ่งมีภรรยาทั้งสิ้น 4 นาง ภรรยาคนแรกฉลาดปราดเปรียวน่ารัก คอยติดตามใกล้ชิดสามีตลอดเวลา ไม่เคยห่างแม้เพียงก้าวเดียว ภรรยาคนต่อมา พ่อค้าได้มาจากการช่วงชิง บังคับ เนื่องเพราะนางมีรูปโฉมงดงามยิ่ง ภรรยาคนที่สาม เป็นผู้คอยดูแลจัดการเรื่องราวความเป็นไปจุกจิกในชีวิตประจำวัน ทำให้สามีมีชีวิตที่สงบเรียบร้อย ส่วนภรรยาคนสุดท้าย ขยันขันแข็ง มุมานะทำงานอย่างหนัก จนทำให้พ่อค้าผู้เป็นสามีหลงลืมการดำรงอยู่ของนางไป ครั้งหนึ่ง พ่อค้าวาณิชย์จำเป็นต้องออกเดินทางไปไกลแสนไกล เขาจึงคิดที่จะให้ภรรยาคนใดคนหนึ่งติดตามไปดูแล เมื่อเขาเอ่ยปากต่อภรรยาทั้งสี่นาง ภรรยาคนแรกก็ชิงกล่าวว่า “ท่านเดินทางไปเองเถิด เพราะข้าไม่ต้องการไปด้วย” ภรรยาคนที่สองกล่าวว่า “เดิมทีข้าก็เป็นภรรยาท่านเพราะถูกช่วงชิง บังคับ มิได้เต็มใจแต่แรก ดังนั้นแน่นอนว่าข้าไม่ต้องการตามท่านไป” ภรรยาคนที่สามกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นภรรยาของท่าน แต่ข้าก็ไม่อยากทุกข์ทรมาน เดินทางออกไปนอนกลางดินกินกลางทราย ดังนั้นอย่างมากที่สุด ข้าสามารถเดินทางไปส่งท่านยังชานเมือง" ภรรยาคนสุดท้ายกล่าวว่า “ในเมื่อข้าเป็นภรรยาของท่าน ไม่ว่าท่านจะไปที่ใด ข้าล้วนต้องติดตามท่านไป” ดังนั้นพ่อค้าผู้ร่ำรวยจึงได้พาภรรยาคนที่สี่ออกเดินทางไปด้วยกัน ในตอนท้าย พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้เอ่ยกับเหล่าพระสาวกว่า “ทุกท่านทราบหรือไม่ว่า พ่อค้าวาณิชย์ผู้นี้คือใคร?” จากนั้นจึงกล่าวว่า “ย่อมคือตัวของท่านเอง” ภรรยาคนแรก หมายถึงร่างกายเลือดเนื้อ เมื่อคนเราตายไปร่างกายย่อมเน่าเปื่อยไม่อาจติดตามไปด้วย ภรรยาคนที่สอง หมายถึงทรัพย์สมบัติเงินทอง ซึ่งแต่เดิมเกิดมาล้วนไม่ได้มาด้วย แม้จะอยากได้จนต้องแย่งชิงมาเป็นของตน แต่เมื่อตายไปก็ไม่อาจนำไปด้วย ภรรยาคนที่สาม หมายถึงนางผู้เป็นภรรยาจริงๆ ยามมีชีวิต สามี-ภรรยาแม้ต่างพึ่งพาอาศัยกัน แต่เมื่อตายไปล้วนต้องพลัดพรากแยกย้ายไปตามเส้นทางของตน ส่วนภรรยาคนสุดท้ายหมายถึงกรรมดี-กรรมชั่วที่ตนได้กระทำไว้ คนทั่วไปมักจะลืมเลือนถึงการมีอยู่ของบาปบุญ ทั้งๆ ที่สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวที่จะติดตามคนเราไปในทุกที่ ปัญญาเซน : คนเราทุกคนเกิดมาล้วนตัวเปล่า ตายไปก็ล้วนไปตัวเปล่า มีเพียงกรรมเท่านั้นที่จะติดตามคนเราไปในทุกหนทุกแห่ง ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
|
Last Updated on Wednesday, 10 November 2010 05:18 |