Friday, 08 August 2014 01:54 |
คิดถึงแม่ที่สุดในวันนี้ เมื่อก่อนหนูเป็นคนนิสัยไม่ดี เป็นคนขี้เกียจ เถียงแม่ เอาแต่ใจตัวเอง แม่สอนก็หาว่าแม่บ่น ว่าแม่อย่างนู้น ว่าแม่อย่างนี้ เถียงแม่ทุกอย่าง หนูชอบไปเที่ยวกับเพื่อนวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาจะไปก็ขอเงินแม่ แม่ก็บอกว่าจะไปทำไมวันหยุดแทนที่จะหยุดใช้เงิน แต่หนูก็ไม่สนใจคำที่แม่พูด หนูทำท่าทางไม่พอใจ ทำหน้าบูด แม่ก็ให้ หนูก็คิดว่าการทำแบบนี้มันได้ผลทุกรอบ หนูไม่เคยคิดถึงหัวอกของแม่ว่าแม่จะรู้สึกอย่างไร มีครั้งหนึ่ง หนูขอเงินแม่ไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ แม่บอกว่า เครื่องเก่าก็ยังใช้ได้ จะซื้อทำไม หนูก็เถียงแม่ว่า คนอื่นเขามีคนละ 2-3 เครื่องยังไม่เป็นอะไร ถ้าไม่ให้ก็ไม่เอา แล้วหนูก็เดินเข้าห้อง แล้วปิดประตูทันที หนูไม่ได้หันไปดูแม่ว่าแม่ทำหน้ายังไง อารมณ์ตอนนั้นหนูโกรธมาก พอหนูจะไปอาบน้ำ ประตูห้องน้ำก็ปิดอยู่ หนูเดินเข้าไปใกล้ ๆ กำลังจะเคาะประตู หนูก็ได้ยินเสียงสะอื้นของแม่ ตอนนั้นหนูก็งงว่าแม่จะร้องไห้ทำไม ทั้งๆ ที่หนูต้องเป็นคนร้องเพราะไม่ได้ของที่ต้องการ หนูก็ไม่สนใจแล้วเดินกลับห้อง หนูเถียงแม่อย่างนี้มานานตั้งแต่หนูจำความได้ จนหนูขึ้น ม.2 พอครูบอกว่าต้องมาปฏิบัติธรรมที่นี่วัดวะภูแก้ว หนูก็บ่นให้แม่ฟังว่า ไม่อยากไป ๆ แม่ก็เข้ามาปลอบว่า ไม่เป็นอะไรหรอก ไปกันตั้งหลายคน หนูก็เถียงแม่ว่า แม่ไม่ไป แม่ก็พูดได้สิ แล้วหนูก็เดินหนี จนมาปฏิบัติธรรมที่นี่วันแรก หนูเห็นเพื่อนคนอื่นร้องไห้เพราะคิดถึงแม่ แต่หนูไม่เคยร้อง ไม่เคยคิดถึงแม่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หนูคิดว่าแม่ไม่เคยรักหนู ไม่เคยสนใจหนู เพราะหนูเป็นลูกคนเล็ก เป็นคนที่ 3 ที่ใครๆ ก็บอกว่าหนูเป็นลูกเตลิด แม่จะเอาออกแล้ว แต่น้าหนูขอไว้ หนูถึงมีชีวิตมาจนถึงวันนี้ แต่พอ ดร.ดาราวรรณ มาบรรยายเรื่องพระคุณของแม่ให้ฟัง ก็ทำให้หนูรู้เลยว่าที่ผ่านมาหนูเลวมากแค่ไหน หนูทำให้แม่เสียใจ พอครูบอกว่าทำให้พ่อแม่ร้องไห้แล้วรู้สึกผิดบ้างไหม ภาพวันนั้นก็ลอยเข้ามาในสมอง ภาพวันที่หนูเถียงกับแม่จนทำให้แม่ร้องไห้ วันนั้นหนูเลวมาก หนูได้แต่ร้องไห้จนถึงตอนนี้ หนูคิดถึงแม่เหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาคงเป็นวันนี้ที่หนูคิดถึงแม่มากที่สุด หนูอยากกลับบ้านจนใจจะขาด อยากกลับไปกอดแม่ อยากกลับไปกราบแม่ อยากบอกแม่ว่าขอโทษ แล้วสุดท้ายอยากบอกแม่ว่ารักแม่ค่ะ เด็กหญิงเสาวลักษณ์ โนนขุนทด โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น/ห้อง ม.2/1 วันที่ 29 กรกฎาคม 2557
เด็กละพยศ แต่ก่อนข้าพเจ้าเป็นคนที่ขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจ อยากได้อะไรจะขอพ่อกับแม่จนได้ ถ้าไม่ได้จะชักดิ้นชักงอ ไม่พอใจก็จะเดินแรงๆ เข้าห้องไปร้องไห้ ปิดประตูห้องเสียงดังลั่นบ้าน แม่ของข้าพเจ้าก็จะบอกว่า “มึงอย่ามาทำนิสัยแบบนี้ มึงโตแล้ว อย่าทำนิสัยปัญญาอ่อน” ข้าพเจ้าก็จะร้องไห้และน้อยใจแม่ คิดว่าแม่ไม่รัก คิดว่าแม่รักแต่พี่ชายคนกลางคนเดียว บางทีข้าพเจ้าจะต่อยกำแพง บางทีคิดจะฆ่าตัวตาย เพราะแม่เคยบอกข้าพเจ้าว่า แม่เคยทำแท้งข้าพเจ้าเพราะคิดว่ามีลูกพอแล้ว ไม่อยากมีอีก แม่พยายามให้คนเฒ่า คนแก่ที่เชี่ยวชาญบีบท้อง แต่ข้าพเจ้าก็ดิ้น ไม่ยอมหลุดออกมา เพราะเหตุนี้ เวลาน้อยใจแม่ จึงคิดว่า “เราน่าจะตายๆ ไปซะก็ดี เพราะยังไงแม่ก็ไม่ต้องการให้เราเกิดอยู่แล้ว” บางทีข้าพเจ้าร้องไห้มาก ข้าพเจ้าก็จะแอบเห็นแม่ร้องไห้ เรื่องงานบ้าน ข้าพเจ้า ถ้าแม่อยู่บ้าน ข้าพเจ้าก็จะกวาดบ้านอย่างเดียว อย่างอื่นจะไม่ทำ ข้าพเจ้าเคยหนีไปเที่ยวกับแฟน คนที่หมู่บ้านเห็นเรา ก็มาบอกแม่ ข้าพเจ้าเสียใจมาก แม่จะไม่ให้ข้าพเจ้าเรียนต่อ แต่ข้าพเจ้าขอแม่ ข้าพเจ้าบอกแม่ว่าข้าพเจ้าจะไม่ทำอีกแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งที่ข้าพเจ้าทำให้พ่อ แม่ พี่ชาย เสียใจมากที่สุด แต่เมื่อข้าพเจ้าได้มาเข้าอบรมที่วัดวะภูแก้ว ดร.ดาราวรรณ ให้นั่งสมาธิ วิทยากร พูดถึงเรื่องพระคุณพ่อแม่ให้ฟัง ข้าพเจ้าก็สะเทือนใจ ร้องไห้ คิดเห็นตอนที่เราทำไม่ดีต่อพ่อแม่ ก้าวร้าว เอาแต่ใจ ดื้อกับพ่อแม่ ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกผิด และข้าพเจ้าอยากจะบอกพ่อกับแม่ว่าข้าพเจ้าจะเป็นเด็กดี จะตั้งใจเรียน ช่วยพ่อแม่ ทำงาน จะไม่ดื้อ ไม่ซน จะไม่รักคนอื่นมากกว่าพ่อกับแม่ ประสบการณ์อบรมครั้งนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้ถึง บาป-บุญ นรก-สวรรค์ การเพิ่มบุญ เติมพลังจิต นั่งสมาธิให้จดจ่อกับสมาธิและได้วิธีทำให้เรียนเก่ง การอบรมครั้งนี้เป็นผลดีต่อข้าพเจ้ามาก ข้าพเจ้าดีใจที่ได้มาอบรมครั้งนี้ และข้าพเจ้าสัญญาว่า ข้าพเจ้าจะกตัญญูต่อพ่อแม่และผู้ที่มีพระคุณ เด็กหญิงชรัดดา วงศ์พรทัต โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น/ห้อง ม.2/2 วันที่ 29 กรกฎาคม 2557
ความคิดเปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง ก่อนที่จะมาวัดวะภูแก้ว ฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน เป็นเด็กที่สอนยาก นั่งสมาธิก็ไม่เป็น เวลาครูให้นั่งที่โรงเรียน ฉันรู้สึกว่าฉันนั่งไม่ได้ เพราะเวลาที่ฉันนั่งสมาธิ ฉันจะปวดหัว ปวดเมื่อยขา และอาเจียนเมื่อออกจากสมาธิ ฉันเป็นเด็กที่ดื้อ พ่อกับแม่สอนก็ไม่ฟัง อยากได้นู่นได้นี่ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองจนจนโดนแม่กับพ่อด่าบ่อยๆ แล้วเวลาที่ฉันโดนด่า ฉันจะนำคำที่พ่อกับแม่ด่ามาคิดมาก เพราะโดนด่าแบบแรง ๆ ก็นึกที่จะโกรธแม่ เกลียดแม่ แล้วก็ชอบคิดว่าตัวเองไม่ผิดตลอด ทั้ง ๆ ที่ผิด ชอบเถียงพ่อเถียงแม่ ถ้าฉันโดนด่าฉันจะคิดสั้นอยากฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่บนโลกนี้เพราะคิดว่าพ่อกับแม่คงไม่รักฉันแล้ว คงรักแต่น้อง แล้วฉันก็เคยอิจฉาน้องที่น้องได้ดีกว่าฉันทุกอย่าง แต่ที่จริงแม่รักลูกเท่ากันทุกคน เพราะแม่ชอบกอดน้องอยู่บ่อย ไม่เคยกอดฉัน บอกรักน้องแต่ไม่บอกรักฉันเลยทำให้คิดมาก แต่พอฉันมาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว ความคิดของฉันก็เปลี่ยนไปจนหมดทุกอย่าง คือตอนแรกนั่งสมาธิไม่ได้ เป็นกังวลว่าตัวเองต้องนั่งไม่ได้แน่ ๆ เลย แล้วฉันก็นั่งยกที่ 4 ได้ โดยที่ไม่ปวดขา ปวดหัว เหมือนอย่างที่เคย จนฉันได้อยู่ในแชมป์ยกที่สี่แล้วได้ของรางวัลจากวัดวะภูแก้ว รางวัลคือหนังสือมนุษย์สมบัติ ฉันภูมิใจในตัวเองมากจนไม่คาดคิดว่าจะทำได้ เพราะฉันทำตามที่วิทยากรบอก ฉันเลยนั่งสมาธิได้ แล้วนั่งได้นาน ตอนที่อยู่วัด ฉันนึกว่าฉันอยากกลับบ้านแต่ความคิดก็เปลี่ยนไป ฉันอยู่วัดวะภูแก้ว จนฉันไม่อยากกลับ อยากอยู่ต่อแต่ก็อยากกลับเพราะคิดถึงพ่อกับแม่ ตอนที่อยู่วัดฉันได้ดูบันทึกกรรม ทำให้ฉันคิดว่าพ่อรักฉันมากหาเงินมาให้ลูกทั้งที่ตัวเองก็ไม่มี แล้วพ่อคงอยากเห็นฉันรับปริญญาเหมือนในบันทึกกรรม แล้วก็ให้ดูการทำคลอด ดูความรักที่แม่มีให้ต่อลูกจนทำให้ฉันน้ำตาไหลออกมาเพราะซาบซึ้งจนทำให้คิดถึงแม่ ดูการทำคลอดแล้วฉันก็เจ็บแทนแม่แล้ว คิดว่าแม่คงเจ็บมากและคงเหนื่อยมากที่เลี้ยงฉันมาทำให้สำนึกอยากตอบแทนบุญคุณแม่ และฉันก็อยากขอโทษแม่ที่คิดจะทำร้ายจิตใจ เคยคิดสั้นที่จะทำร้ายร่างกายเลือดเนื้อที่แม่มอบให้ โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าแม่รักฉันมากขนาดไหน ฉันคิดแต่ฉันต้องถูกและเอาแต่ใจตัวเอง ฉันอยากขอบคุณวิทยากรที่ให้ดูการทำคลอด สั่งสอนเกี่ยวกับแม่ สอนเรื่องนั่งสมาธิ ขอบคุณวิทยากรที่ดูแลเป็นอย่างดี ขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ทำให้ฉันสำนึกได้หลายอย่าง และขอบคุณโรงเรียนที่จัดให้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว มาครั้งนี้ฉันคงไม่ลืมเลย และถ้ามีโอกาสฉันจะมาอีก เด็กหญิงปาวีณา พรมวิโรจน์ โรงเรียนพงษ์ศิริวิทยา ชั้น/ห้อง ม.2/1 วันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ของดีต้องบอกต่อ หนูได้มาวัดวะภูแก้วปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว แรก ๆ หนูก็ไม่อยากมาที่นี่หรอกค่ะ พอมาวันแรกก็รู้สึกเบื่อๆ หงุดหงิด คิดถึงพ่อแม่มากๆ พอถึงวันสุดท้ายก็รู้สึกเหมือนว่าไม่อยากกลับเลย บรรยากาศที่นี่ช่างร่มเย็น น่าอยู่ เมื่อตอนนั่งสมาธิที่ศาลาปฏิบัติธรรม หนูรู้สึกว่าอึดอัดยังไงไม่รู้ค่ะ พอคณะวิทยากรพาไปทำวัตรเย็น นั่งสมาธิที่ลานธรรม หนูรู้สึกแตกต่างกันกับศาลาปฏิบัติธรรม เพราะลานธรรมเป็นที่ที่สงบร่มเย็น สวยงาม เหมือนกับว่าหนูได้ขึ้นสวรรค์เลย ถึงแม้ว่าคณะวิทยากรจะเคร่งครัดในระเบียบมาก แต่หนูไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ เพราะท่านก็คือคุณครูที่สอนเราให้รู้จักตรงต่อเวลา และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด คณะวิทยากรแต่ละคน ท่านก็บรรยายเรื่องต่างๆ อย่างเช่น ดร.ดาราวรรณ เด่นอุดม ท่านได้บอกเคล็ดรับเรียนเก่ง ซึ่งหนูจะปฏิบัติตามที่ท่านบอกอย่างแน่นอน เมื่อถึงวันสุดท้าย หนูจะนำความรู้ไปบอกคนในหมู่บ้าน ให้ได้รู้ถึงผลบุญผลบาปเพราะในหมู่บ้านหนูชอบหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ชอบดื่มของมึนเมา หนูจะบอกว่าตกนรกไปจะเป็นอย่างไร และสุดท้ายนี้ หนูก็ขอขอบคุณคณะครูทางโรงเรียนที่ได้พาหนูมาอบรมและได้รู้ว่าจิตหนูเป็นอย่างไร ทำให้หนูได้รู้ถึงความอดทน ต่อความปวดเมื่อยแขน ขา และก็ขอขอบคุณคณะวิทยากรทุกท่าน ที่ได้ให้ความรู้หนู จนวันนี้หนูได้ความรู้มากมายเลย ขอบคุณค่ะ เด็กหญิงลักษณา มินทร์จันทึก โรงเรียนบ้านห้วยบง ชั้น/ห้อง ม.2
วันที่ 29 กรกฎาคม 2557
|
Last Updated on Friday, 08 August 2014 03:01 |