Thursday, 27 February 2014 03:35 |
ได้มากกว่ามาแก้ 0 ผมเคยคิดว่าการมาวัดไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย แต่มันกลับไม่ใช่ มันคนละเรื่องเลย เมื่ออาจารย์บอกให้ผมมา ผมก็ไม่ อาจารย์ง้อแล้วง้ออีกผมก็ยังไม่มา จนมาวันหนึ่ง ผมติด 0 วิชาของอาจารย์ อาจารย์บอกผมว่า ใครที่ติด 0 ของครู ครูจะพามาวัดวะภูแก้ว ผมไม่อยากมาเลยแต่ก็ต้องมา เพื่อแก้ 0 ผมคิดว่า ผมคงปฏิบัติไม่ได้หรอก แต่ผมก็ทำได้ ซึ่งผมไม่คิดว่าผมจะทำได้ ผมดีใจมาก และไม่ใช่เพราะผมเท่านั้นที่ตั้งใจ มันยังมีอีก 400 กว่าชีวิต มาวันแรกมีเพื่อนบอกว่า เฮ้ย! กูอยากกลับบ้านวะ ผมก็บอกไปว่า มึงอย่าพึ่งท้อ หากมึงคิดจะหนี มึงจะแก้ 0 ได้อย่างไร ทุกคนจึงพากันผ่านการอบรมมาด้วยดี ความดีที่เราได้คือ บุญ และการฝึกจิต วัดวะภูแก้วเป็นสถานที่ฝึกพัฒนาจิตที่ดีอย่างที่เขาว่าจริงๆ ด้วย แล้วผมก็ทำได้ ผมกลับตัวกลับใจได้ ผมขอขอบคุณ ครู และวิทยากรทุกท่าน ที่ทำให้พวกผมมีวันนี้ ขอขอบคุณวัดวะภูแก้วที่ทำให้เราทุกคนได้สิ่งที่ดี และจิตใจที่ดีงาม
นายโกวิท จอสูงเนิน ร.ร.กุดจิกวิทยา ชั้น ม.3/1 วันที่ 28 มกราคม 2557
ถ้าหนีกลับถือว่าแพ้ ตอนแรกก็ไม่ได้อยากจะมาสักเท่าไรหรอกเพราะขึ้นชื่อว่า เข้าค่ายธรรมะ
ธรรมะเป็นสิ่งที่ดิฉันไม่ชอบเลย วันๆ ได้แต่สวดมนต์ ฉันเคยถามยายว่า “ยายๆ สวดมนต์ไปทำไม แล้วยายสวดมนต์นี่ สัตว์ ผี มันจะฟังรู้เรื่องหรือ” ยายบอกกลับว่าสวดเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อนโน้น ฉันเลยนึกเถียงในใจไปว่า เจ้ากรรมนายเวรจะมาหรือไง หรือมันส่งทาง facebook มาบอกน่ะ แต่ฉันก็ไม่กล้าพูด กลัวโดนด่า จากที่ฉันได้มาเข้าค่าย พอฉันมาวันแรก ฉันอยากหนีกลับบ้าน แต่กลับไม่ได้เพราะติดที่ว่ามาแก้ 0 ไง แต่ต้องทนเพราะอาจารย์บอกพ่อแม่ยังอดทนทำงานหนักเพราะอยากให้ลูกได้สบาย ฉันก็ต้องทนต่อไป คิดไว้ในใจว่ามาแก้ 0 มาแก้ 0 ถ้ากลับถือว่าเราแพ้
วันต่อมา ฉันคิดว่ามันก็สดใสดี ได้บุญด้วย แถมจิตใจสงบสดชื่น แจ่มใสดี ฉันเริ่มชอบแล้ว แล้วฉันก็คิดได้ว่าจะทำดีเพื่อพ่อแม่ ครูอาจารย์และทุก ๆ คน จะเป็นคนดีของชาติ และอดทนเพื่อตัวเราเอง
นางสาวภัทรวดี วิชาเกวียน ร.ร.กุดจิกวิทยา ชั้น ม.3/3 วันที่ 28 มกราคม 2557 ความรักที่ยิ่งใหญ่ เมื่อตอนฉันอายุ 12 ปี พ่อของหนูได้เสียชีวิตจากพวกเราไป ตอนนั้นทั้งหนู แม่และน้องต่างก็เสียใจมาก แต่แม่ของหนูก็มีความเข้มแข็งมาก เพราะแม่ต้องไปทำงานที่กรุงเทพฯ จากความรู้อันน้อยของแม่จึงต้องทำงานลำบาก แต่เพราะแม่นึกถึงลูกที่กำลังเรียนทั้งสองคน ท่านจึงต้องสู้ แม่เคยบอกหนูเสมอว่า ที่แม่ต้องทนลำบากทุกวันนี้ก็เพราะลูก ๆ ของแม่ แม่อยากเห็นลูกสบาย ไม่ต้องมาทนลำบากเหมือนแม่ อยากเห็นลูกมีเหมือนคนอื่น และตั้งแต่พ่อเสียไป แม่ก็ตามใจหนู ให้หนูใช้ความคิดเป็นของตนเอง หนูจึงเป็นคนเอาแต่ใจ พอแม่บอกอะไรก็ไม่ฟัง พอไม่ได้ดังใจก็โกรธ แต่ทุกครั้งที่หนูโกรธแม่ แม่ก็มาขอโทษหนูเสมอ
เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หนูต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะปวดท้อง และได้นอนพักตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ลุงก็ได้โทรไปบอกแม่ที่อยู่ กทมฯ ตอนนั้นเวลา 20.00 น. แม่ก็รีบซื้อตั๋วรถเพื่อมาดูแลหนูที่นอนป่วยอยู่ แม่นั่งเฝ้าหนูจนไม่ได้นอน แต่หนูก็ไม่เคยรับรู้เลยว่า ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เพียงใด จนมาอบรมคุณธรรมที่วัดวะภูแก้ว หนูยอมรับเลยว่าหนูไม่ค่อยได้ตั้งใจทำเท่าไร จิตใจไม่เคยสงบ แต่มีสิ่งหนึ่งที่หนูได้กลับไปบ้าน คือ ได้รู้ว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่เพียงใด และสิ่งที่หนูตั้งใจจะทำต่อจากนี้ไปคือจะทำความดี ทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณ และหนูอยากบอกกับแม่ว่า ..... “หนูรักแม่”
นางสาวนารีรัตน์ ตาบกระโทก ร.ร.นางรองพิทยาคม ชั้น ม.5/4 วันที่ 28 มกราคม 2557 แม่ทุกข์เพื่อลูก ก่อนที่หนูจะมาเข้าค่าย ชีวิตของหนู นิสัยของหนู ไม่ดีเท่าไร คิดว่าชีวิตก็ใช้ไปวัน ๆ คิดแต่จะสนุกกับโลกออนไลน์ กลัวว่าถ้าตายไปจะไม่สนุกแบบนี้ โดยลืมคิดถึงความดีที่เราต้องทำ ไปโรงเรียนก็ตั้งใจนะ แต่ก็มีบางทีที่ไม่ตั้งใจ คิดแค่ว่าพรุ่งนี้ค่อยตั้งใจก็ได้ พอถึงวันต่อไปก็ผลัดวันไปเรื่อยๆ จนติดเป็นนิสัย จะมาเร่งรีบอ่านหนังสือตอนสอบจนไม่มีเวลาให้พ่อแม่ นั่งจมอยู่กับกองหนังสือที่ระหว่างเรียนไม่เคยเอามาอ่านเลย พอแม่เรียกกินข้าวก็ตะคอกแม่ ทั้งที่แม่หวังดี ห่วงเรา อยากให้เรากินข้าวก่อน แต่หนูก็คิดว่า แม่มาขัดจังหวะการอ่านหนังสือของหนู เวลาหนูไปโรงเรียน หนูมีที่เรียนสบาย แต่แม่ทำงานท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนจัด แม่กลับมาแล้วต้องทำงานบ้านทุกอย่าง ทั้งที่หนูควรทำเอง แม่ทำทุกอย่างให้หนูสบาย แต่หนูทำทุกอย่างให้ตัวเองสบายบนความทุกข์ของแม่
ณ วัดวะภูแก้ว ได้ฟังบรรยายหลายเรื่อง เรื่องที่ทำให้หนูรู้สึกผิดที่สุด คือ เรื่องพระคุณพ่อแม่ ได้สำนึกผิด ว่าเราทำให้พ่อแม่เสียใจมากแค่ไหน ทำให้ท่านทรมานตั้งแต่เราเกิดแล้ว ยังต้องให้ท่านทรมานกายทรมานใจจะกระทั่งทุกวันนี้ ตอนนี้หนูสำนึกผิดแล้ว หนูตั้งใจไว้ว่า พอกลับบ้านไป หนูจะช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านทุกอย่างที่หนูทำได้ และจะตั้งใจเรียนให้สมกับที่แม่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ หนูสัญญาว่า หนูจะทำตัวให้ดีกว่าเดิม
นางสาวสุชันญา แดนสันเทียะ ร.ร.นางรองพิทยาคม ชั้น ม.5/1 วันที่ 28 มกราคม 2557 ทุกข์เพื่อสุข
คำแรกที่อยากจะกล่าวคือจะต้องยืมคำพูดของ ดร.ดาราวรรณ ว่า “ทุกข์เพื่อสุข” ตอนที่ทราบว่าจะต้องมาเข้าค่ายที่วัดวะภูแก้ว ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะเป็นคนที่ออกค่ายบ่อยมาก แต่พอพี่ของดิฉันพูดว่า “เขาให้ทำแต่สมาธิ เช้าก็สมาธิ เที่ยงก็สมาธิ เย็นก็สมาธิ” ดิฉันจึงคิดว่าจะทำได้หรือ เพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีสมาธิ บางครั้งก็ใจร้อนเกินไป พอมาถึงวันเข้าค่าย มาขึ้นรถที่โรงเรียน ความรู้สึกนั้นก็หายไป แต่พอมาถึงวัดก็รู้สึกอยากกลับบ้าน พอคิดไปคิดมาก็อยู่ๆ ไปเถอะ แค่ 5 วันเอง ไม่นานหรือก เพราะค่ายรด. ยังเข้ามาแล้วตั้ง 11 วัน 10 คืน เรายังอยู่ได้ พอคิดเช่นนั้นใจก็เป็นสุข และแล้วเวลาที่ต้องนั่งสมาธิก็มาถึง ครั้งแรกที่นั่ง รู้สึกว่ามันทรมานมาก ปวดขา ปวดหลังไปหมด แต่ก็ยังทนได้ พอครูบอกว่าใครจะถอนจิตก่อนก็ได้ ใครจะเดินจิตต่อก็ได้ ฉันตัดสินใจที่จะเดินจิตต่อไป และฉันก็นึกถึงคำที่ว่า “ทุกข์เพื่อสุข” หากเราไม่รู้จักคำว่า ทุกข์ที่สุด เมื่อยที่สุด ทรมานที่สุดเป็นอย่างไร เราก็จะไม่มีวันรู้ว่าความสุขที่จริงเป็นอย่างไร ฉันยึดคำเหล่านี้ตลอดเวลา มันถึงทำให้ฉันนั่งสมาธิได้นานๆ และก็ได้เป็นแชมป์อยู่หลายยก แต่ยกที่ไม่เมื่อยเลย คือยกสุดท้าย สัญญาใจ เป็นยกที่มีความสุขที่สุดได้รำลึกถึงพระคุณพ่อแม่ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ และการที่ได้มาเข้าค่ายในครั้งนี้ ฉันมีความสุข สบายกาย สบายใจมาก
สุดท้ายดิฉันขอกล่าวคำว่า ขอบคุณคณะครูโรงเรียนนางรองพิทยาคมที่จัดให้มีกิจกรรมดีๆ อย่างนี้ และขอขอบคุณคณะวิทยากรทุกท่านที่อบรมสั่งสอน ให้ความรู้ ฝึกความอดทนให้มีพลังกาย พลังจิตที่แข็งแรง และจะเก็บเอาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราและผู้อื่นให้มากที่สุด
นางสาวสุรดา เต้นปักษี ร.ร.นางรองพิทยาคม ชั้น ม.4/1 วันที่ 28 มกราคม 2557
|
Last Updated on Thursday, 27 February 2014 03:48 |