Thursday, 26 December 2013 07:31 |
ไม่มีฉันคนเดิมอีกแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนดิฉันมาที่นี่แล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน ดิฉันกลับจากที่นี่ไปครั้งใด ดิฉันก็ปฏิบัติดีต่อบิดามารดาอยู่พักหนึ่ง แต่พอผ่านไป ดิฉันก็กลับมาเป็นคนเดิม คนที่เถียงพ่อกับแม่ ขี้เกียจ เอาแต่ใจของตนเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ ทำตัวไม่ดีสารพัด ถึงขนาดตัดพ่อตัดแม่ของตน ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับแม่กับพ่อเลย ทุกครั้งที่ดิฉันโกรธพ่อกับแม่ ท่านจะเป็นคนมาพูดมาง้อก่อนทุกครั้งที่ดิฉันทำไปทั้งหมด ดิฉันไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ เพราะพอทำไปแล้ว ดิฉันโกรธพ่อกับแม่ ท่านจะเป็นคนมาพูด มาง้อก่อนทุกครั้งที่ดิฉันทำไปทั้งหมด ดิฉันไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ ดิฉันก็มานอนร้องไห้ทุกคืน ดิฉันคิดเสมอว่าพ่อแม่ไม่ได้รักดิฉัน เกลียดดิฉัน ไม่รักฉันเลย เพราะก่อนที่ฉันจะเป็นคนก้าวร้าวอย่างนี้เพราะดิฉันมีอดีตที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ดิฉันโดนแม่ไล่ออกจากบ้านตั้งแต่อยู่ ป.3, ป.4 ดิฉันถูกไล่ออกจากบ้านเป็นประจำทั้ง ๆ ไม่ได้ทำอะไรผิด ดิฉันต้องทนหนาวอยู่นอกบ้านหรือไม่ป้าก็จะไปรับมานอนด้วยเสมอ และนี่แหละคือต้นเหตุที่ทำให้ดิฉันเป็นคนแบบนี้ แต่พอมาเข้าค่ายครั้งที่ 3 นี้ ดิฉันก็ได้รู้ว่าที่ดิฉันทำไปมันมีแต่ “บาป” มีแต่ความคิดผิด ๆ ผิดมาก ๆ กลับไปคราวนี้ดิฉันจะเปลี่ยนทุกอย่าง จะเป็นลูกกตัญญู เป็นคนดีต่อไปตลอด จะไม่กลับหวนมาเป็นลูกอกตัญญูอีก อะไรที่หนูไม่เคยทำให้พ่อแม่มีความสุข หนูจะรีบทำ ต่อไปนี้ไอ้คนเดิมมันหายไปแล้ว มีแต่คนใหม่คนนี้คนที่พร้อมจะแทนคุณบิดามารดาไปตลอดชีวิต
นางสาวปิยวรรณ ภูมิโคกรักษ์ ชั้น ม.4/13 เลขที่ 17 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
ผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างผมเสมอ พอได้ยินชื่อวัดวะภูแก้ว ผมก็ไม่อยากมาแล้ว เพราะผมคิดว่ามันน่าเบื่อ ไม่สนุกสนาน คงมีแต่คนแก่ที่เข้าวัด แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งบังคับแกมขอร้องให้ผมมา ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ผมนั่นเอง ก่อนมาวัดผมนั่งเสียใจทุกวัน เพราะผมเลิกกับแฟน ผมเสียใจมากเพราะขึ้นชื่อว่าความรักมักจะทำให้คนเรามักจะต้องเสียใจเสมอเหมือนกับคำที่พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งครับที่นั่งเสียใจเพราะความรัก เสียใจจนร้องไห้แทบทุกวัน แต่ทุกครั้งที่ร้องไห้ก็จะมีแม่นี่แหละที่คอยมาปลอบใจว่า “ไม่เป็นไร เขาไม่รักก็ไม่ต้องยื้อเขาไว้ ปล่อยเขาไป เราคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน คงเป็นคนที่ทำเวรกรรมร่วมกันมาเฉย ๆ ถือว่าชดใช้กรรมให้เขาไปเถอะ” นี่แหละครับทำให้ผมหยุดร้องไห้คำพูดของคนคนหนึ่งที่ผมเรียกว่าแม่ คนที่สอนให้ผมรู้เรื่องชีวิต คนที่ทำให้ผมคิดและเข้าใจทุกอย่าง
ผมเคยคิดว่าการมาปฏิบัติธรรมครั้งนี้ คงไม่พอที่จะให้ผมทำใจได้ แต่แม่บอกว่า ธรรมะอาจที่ทำให้ลืมคนบางคนได้นะ เมื่อผมได้ฟังจึงตกลงและเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดี๋ยวนั้นเพราะต้องมาวัดพรุ่งนี้ ตอนแรกก็คิดว่ามาวัดเพื่ออะไร มาแล้วได้อะไร คงไม่ทำให้ลืมใครสักคนได้หรอก แต่เพราะคำพูดของแม่ ผมเลยมา พอมาถึงผมก็เห็นบรรยากาศที่น่าร่มรื่น เย็นสบาย ผมจึงเข้าใจว่านี่เองสินะที่เรียกว่า วัดสถานที่ปฏิบัติธรรม
เมื่อเริ่มปฏิบัติธรรมได้ฟังที่ท่านวิทยากรและพระสงฆ์ทุกองค์ได้เทศน์ให้ฟัง ก็ทำให้ผมเข้าใจว่าความรักจากคนอื่นใดก็ไม่เท่าแม่ของเรา ผมตั้งใจปฏิบัติธรรมตามความสามารถของผมจนถึงวันสุดท้าย ผมรู้สึกว่ามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน แต่มันก็ทำให้ผมดีใจเพราะผมอยากกลับไปกราบเท้าแม่และพ่อที่ผมแสนคิดถึง ผมอยากจะไปกอดแม่ผู้หญิงคนที่ไม่เคยทิ้งผมไปไหน คนที่คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ และต้องขอขอบคุณคณะครูอาจารย์ และท่านวิทยากรที่ช่วยมาสั่งสอน ผมให้เข้าใจหลักธรรมและสอนให้รู้ถึงพระคุณของแม่ วัดวะภูแก้วนี้เปรียบเสมือนแสงส่องนำทางชีวิตสำหรับคนไม่รู้หนทางแก้ไขปัญหา และที่ขาดมิได้คือต้องกราบขอบคุณหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ที่ตั้งสถานปฏิบัติธรรมดี ๆ แบบนี้ครับ
นายสุรศักดิ์ คูณขุนทด ชั้น ม.4/1 เลขที่ 8 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
ลูกคือความหวังของพ่อแม่ ดิฉันไม่ได้อยากจะมาเข้าค่ายครั้งนี้เลย แต่แม่ก็บอกให้มาเถอะลูกเผื่อจะได้อะไรกลับไป พอขึ้นรถมาโรงเรียนดิฉันรู้สึกว่ารออาจารย์พามาวัดวะภูแก้วนานเกินไป จึงมีความคิดที่จะกลับ แต่เพื่อนก็รั้งไว้ ดิฉันเป็นลูกที่เรียกว่าโคตรเลวเลยก็ได้ ทำให้พ่อแม่เสียใจไม่รู้กี่หน ทำให้พ่อแม่ร้องไห้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ดิฉันทำตัวเหลวแหลกกินเหล้า เที่ยวกลางคืน (แต่ก็ไม่ได้ไปมั่วสุมกับผู้ชาย) วันนั้นแม่รู้ว่าดิฉันกินเหล้า แม่ถามดิฉัน แล้วแม่ก็ร้องไห้ถามว่าทำไมทำตัวแบบนี้ ดิฉันก็ไม่รู้สึกอะไรแค่เดินหนี เข้าห้องไปก็เท่านั้น บางคืนอยากเที่ยวแต่แม่ไม่ให้ไป ดิฉันก็กระโดดหน้าต่างห้องหนีออกไป พ่อแม่รู้ท่านเสียใจมากไม่พูดไม่จากับดิฉัน ดิฉันก็รู้สึกเฉย ๆ
จนได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว คุณครูดาราวรรณท่านพูดเรื่องพระคุณพ่อแม่ เปิดเทปเสียงให้ฟัง จนดิฉันรู้สึกผิดสำนึกได้ ว่าดิฉันได้กระทำผิดอย่างมาก ได้รู้ว่าคนที่รักคนที่ห่วงใยคอยดูแลเราไม่ทอดทิ้งเราก็คือพ่อแม่ ไม่ใช่แฟนอย่างที่ดิฉันคิด ดิฉันได้คิดขึ้นมาทันทีว่า แค่คำพูดของแฟนเพียงไม่กี่คำ ทำให้ดิฉันร้องไห้ แล้วทีคำพูดของเราที่ทำให้แม่ร้องไห้ ทำไมดิฉันถึงไม่เสียใจไม่ร้องไห้ ดิฉันเป็นลูกที่เลวมาก แต่การมาวัดวะภูแก้วครั้งนี้ทำให้ฉันคิดที่จะทำตัวใหม่กลับตัวใหม่ ให้ความสำคัญกับพ่อแม่ให้มาก จะตั้งใจเรียนหนังสือ จะเลิกอบายมุขทุกชนิดเลิกเที่ยวเตร่ เพราะพ่อแม่ตั้งความหวังไว้กับดิฉันมาก พ่อแม่อยากให้ดิฉันมีงานทำดี ๆ ไม่อยากให้ลำบากเหมือนท่าน อยากเห็นดิฉันรับปริญญา ฉันตั้งใจจะทำให้ได้ กลับไปจะกอดแม่ให้อุ่นเลย แม้จะไม่กล้ากราบเพราะอาย แต่จะกอดทั้งวันเลย การมาวัดวะภูแก้วได้อะไรกลับไปที่คุ้มมาก ได้ฝึกสมาธิ ได้ความรู้มากมาย ดิฉันรู้สึกว่าเหมือนโตขึ้นมากเพราะดิฉันเริ่มคิดเป็น ถ้ามีโอกาสอีกครั้งดิฉันจะมาและตั้งใจให้มากกว่าเดิม
นางสาววิภาวดี ทองคลี่ ชั้น ม.4/3 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
ผู้ที่สร้างเราให้เป็นคน เมื่อก่อนหนูเกลียดแม่ที่คลอดหนูออกมา แต่หนูไม่เคยสัมผัสไออุ่นของแม่เลย แม่ไม่เคยเลี้ยงหนูเลย เรื่องมีอยู่ว่าแม่คลอดหนูก่อนกำหนดตอนท้องได้เพียงแค่ 7 เดือน ทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แม่พยายามเอาหนูออกเพราะไม่รู้ว่าพ่อหนูคือใคร แม่ถึงนำหนูมาให้แม่บุญธรรมและพ่อบุญธรรมเลี้ยง เนื่องจากท่านไม่สามารถมีลูกได้ พ่อแม่บุญธรรมเลี้ยงหนูรักหนูเหมือนลูกของท่าน ท่านอบรมสั่งสอนให้หนูเป็นคนดี อยากได้อะไรก็ซื้อให้ได้ทุกอย่าง แต่ฐานะของพ่อแม่บุญธรรมนั้นไม่ค่อยดีนักต้องหาเช้ากินค่ำ ถ้าไม่ทำก็ไม่มีกิน จึงทำให้หนูเป็นเด็กที่ขยันอดทน ทำงานทุกอย่างที่ทำได้ เมื่อหนูโตแม่ก็พาไปทำงานก่อสร้างตอนปิดเทอม พ่อก็ทำงานอยู่คนละที่ พ่อแม่ยอมเหนื่อยยากลำบากเพื่อให้หนูมีอนาคตที่ดี ตอนนี้หนูจึงไม่โกรธไม่เกลียดแม่ที่คลอดหนูออกมาแล้ว หนูก็ดีใจที่มาอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม หนูโชคดีที่ได้เกิดมา หนูจะเป็นคนดีขยันอดทนตลอดไป เมื่อได้มาเข้าค่ายพัฒนาจิตที่วัดวะภูแก้วทำให้หนูสำนึกดี ๆ มากมาย ดร.ดาราวรรณบอกว่า ทุกข์เพื่อสุข ถึงแม้ว่าพ่อแม่ท่านไม่ได้เลี้ยงเราแต่ท่านก็รักเรามากมาย ไม่ว่าใครที่มีพระคุณแก่เรา เราต้องทดแทนคุณท่านด้วย การทำความดีถวายท่าน เชื่อฟัง และเคารพท่านสุดหัวใจ เพราะท่านทำให้คนคนนี้เป็นคน นางสาวสุกัญญา เพียซ้าย ชั้น ม.4/5 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
คิดอะได้หลายอย่าง
ก่อนที่หนูจะมาอบรม หนูได้ทะเลาะกับพ่อแม่ เถียง ด่าท่าน โกรธที่ท่านมาสั่งสอนและตักเตือน หนูโกรธพ่อแม่เป็นอาทิตย์ ตอนนั้น หนูโกรธพ่อมากที่พ่อด่าหนูไล่ส่งหนู บอกให้หนูลาออกจากโรงเรียนเสีย ถ้ายังทำตัวแบบนี้ ตอนนั้น หนูรู้สึกเสียใจมาก หนูรู้สึกว่าหนูทำให้พ่อแม่ลำบากใจมากกับหนู ตอนนั้น หนูคิดว่าหนูจะออกจากบ้านและเลิกเรียน เผื่ออะไรจะดีขึ้นกว่านี้ และพ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องลำบากใจกับหนู ไม่ต้องมาคิดมากกับเรื่องของหนู ดังนั้น พอที่หนู รู้ว่าจะได้มาอบรมที่วัดวะภูแก้ว หนูจึงดีใจมากที่หนูจะได้หนีจากพ่อแม่ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น หนูรู้สึกลำบากใจมากเมื่ออยู่ใกล้ท่าน
พอมาถึงที่วัด หนูก็ไม่คิดมาก มันทำให้หนูลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่พอหนูได้ดูวิดีโอ และฟังบรรยายเกี่ยวกับพระคุณพ่อแม่ หนูก็รู้สึกอยากนั่งสมาธิ ตั้งใจนั่งให้ได้นานที่สุด พอนั่งก็นึกถึงได้ภาพเหตุการณ์ที่หนูได้ทำกับพ่อแม่ หนูก็รู้สึกว่าตัวเองผิดมาก ๆ ๆ หนูตั้งใจไว้ว่าถ้ากลับบ้านไปหนูจะไปกราบเท้าพ่อกับแม่ขอขมากับสิ่งที่หนูทำลงไปกับท่าน เพราะสิ่งที่ท่านบอกนั้น เพราะท่านหวังดีต่อเรามาก
การมาวัดวะภูแก้วครั้งนี้ทำให้หนูคิดอะไร ๆ ได้หลายอย่าง และรู้ว่าตัวเองนั้นควรทำอะไรต่อไปจากนี้ และปฏิบัติตัวต่อพ่อแม่อย่างไรให้ท่านมีความสุข
นางสาววราภรณ์ เถียรสูงเนิน ชั้น ม.4/5 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
ออกจากความืดมน เมื่อก่อนดิฉันได้ขึ้นชื่อว่า เกเรมากในหมู่บรรดาผู้หญิงในหมู่บ้าน ทั้งกินเหล้าสูบบุหรี่ มีอะไรลองหมด เรียกว่าแฟชั่นไหนดังก็มักจะอยู่บนเรือนร่างของดิฉันหมด ชอบเที่ยวกลางคืน ไปแล้วก็มักไม่กลับบ้าน ไปโรงเรียนก็หนีเรียนไปทำอย่างอื่น ผิดกฎโรงเรียน มีเรื่องทะเลาะวิวาททุกวัน ทำให้เป็นที่กล่าวขานว่าดิฉันไม่รักดี จนทุกคนเอือมระอากับพฤติกรรม ดิฉันทำให้พ่อแม่ ตา ยาย เสียใจ เวลาท่านสอนดิฉันก็เถียงแบบไม่มีเหตุผล ทำให้ท่านเสียน้ำตาทุกวัน ก่อนจะมาเข้าค่ายนี้ ดิฉันคิดว่าไม่อยากมาหรอกเสียเวลาเที่ยว อยู่บ้านสบายใจกว่า ยายฉันมาขอร้องให้ไปเข้าค่าย เพื่อน ๆ ฉัน ก็ต่างชักชวน ฉันจึงกล้าตัดสินใจมา แต่วันแรกที่มา ฉันรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ น่ารำคาญ เมื่อยก็เมื่อย เหนื่อยก็เหนื่อย ไม่รู้จะมาทำไม
วันที่สอง ตอนนั่งสมาธิบนหน้าผาดิฉันก็แอบนอนหลับ ไม่สนใจอะไร และตกกลางคืนก็วางแผนกับเพื่อนว่าจะหนีกลับบ้าน แต่เพื่อนยื้อไว้ให้อยู่ต่อ
วันที่สาม ดิฉันได้ฟังได้ดูอะไรหลายอย่าง ทำให้ชวนกลับมาคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เราทำดี ให้พ่อแม่สบายใจแล้วหรือ? จากที่นั่งสมาธิไม่ได้ ดิฉันนั่งสมาธิจนติดแชมป์ด้วย ด้วยคำบริกรรมว่า “อยากกลับบ้าน”
วันที่สี่ ดิฉันได้ดูวิดีโอคลอดลูก ทำให้กลับมาคิดว่าตอนที่แม่ออกเรามาก็ทรมานแล้ว ตอนนี้เราโตยังจะมาทำให้ท่านเสียน้ำตาอีก เรานี้มันไม่ดีทำให้พ่อแม่ เหมือนตายทั้งเป็น นึกไปก็สงสารพ่อแม่
วันสุดท้าย เขาให้เขียนสัญญาใจ ดิฉันจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อพ่อแม่กลับไปนี้จะเป็นคนใหม่ จะตั้งใจใหม่ ลด ละ เลิก ทุกสิ่งที่ไม่ดี
ขอขอบคุณ คุณ ดร.ดาราวรรณ และคณะวิทยากร ที่คอยอบรมพวกเราให้ตั้งใจทำในสิ่งที่ดี ให้แนวคิดในการเรียนไปปฏิบัติ คอยตักเตือนให้เราไม่เถลไถล ดึงพวกเราออกมาจากความมืดมน ทำให้พบความสว่าง การมาเข้าค่ายในครั้งนี้ดิฉันได้เข้าใจอะไรหลายอย่างมาก กลับไปจากค่ายนี้ ดิฉันจะเป็นคนดี ตามที่ท่านอบรมพวกเรา ดิฉันขอฝากคำพูดไว้
“เกิดมาทั้งทีเอาดีให้ได้ จะตายทั้งทีฝากดีเอาไว้” นางสาวสุณิสา ควรขุนทด ชั้น ม.4/3 โรงเรียนมัธยมด่านขุนทด วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2556
|
Last Updated on Thursday, 26 December 2013 07:49 |