Home วัคซีนชีวิต ฉีดได้ที่ วัดวะภูแก้ว
คำถามสามวันสุดท้าย PDF Print E-mail
Thursday, 03 December 2009 09:07


          "ถ้าอีก 3 วันโลกจะแตก จะทำอย่างไรดีกับเวลาที่เหลืออยู่ ?"


          ไหน ๆ ก็ลือกันให้แซดแล้วว่าโลกจะแตกภายในปีนั้นปีนี้ น่าจะลองถามตัวเองด้วยประโยคข้างบนดูบ้าง เผื่อว่าหากโลกจะต้องแตกจริง ๆ จะได้รู้ว่าควรทำอะไรบ้าง ไม่ต้องแตกตื่นลนลานจนลืมตัว


          โจทย์ข้อนี้จะตอบเล่น ๆ ดูก็ได้ แต่ถ้าใส่ใจใคร่ครวญก่อนตอบ ก็น่าจะได้ประโยชน์กับตัวเองไม่มากก็น้อย


          คำถามนี้เคยเอาไปถามหนุ่ม ๆ สาว ๆ หลายคน จำนวนมากบอกว่าจะเร่งทำบุญ กลับไปหาพ่อแม่ ร่ำลาญาติมิตร ขอขมาลาโทษ ที่ตอบว่าจะเสพสุขให้เต็มที่ รีบหาคู่ อยู่กับคนรัก ก็มีไม่น้อย


          แม้จะแตกต่างกันไปบ้าง แต่อย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ทุกคนอยากทำอะไรต่ออะไรตั้งหลายอย่าง จนไม่มีทางจะทำให้ครบหรือเสร็จได้ภายใน 3 วัน


          บางคนก็เลือกทำไม่กี่อย่าง แต่ก็ขัดแย้งกันเอง เช่น อยากเข้าวัดปฏิบัติธรรมด้วย อยากหาเมียด้วย ขืนทำทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะทำพร้อม ๆ กัน หรือสลับคนละวัน ก็คงจะได้ผล คือ "เบลอร์"

waterfalls

          อันที่จริงเวลาแค่ 3 วัน อย่าว่าแต่ทำ 2 อย่างที่ว่าเลย แค่อย่างเดียว ก็ทำได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทั้งคู่


          คุณล่ะ ตอบได้แล้วยังว่าจะทำอะไรบ้าง ลองเขียนรายการสิ่งที่อยากทำ ภายใน 5-10 นาที คุณอาจพบว่าสิ่งที่อยากทำในวาระสุดท้ายของโลก(และชีวิตของคุณ)นั้นมีมากมาย ไม่ต่างจากหนุ่มสาวข้างบน


          และถึงแม้ในที่สุดคุณตัดสินใจเลือกทำสิ่งสำคัญที่สุดเพียง 2-3 อย่าง เวลา 3 วันก็อาจไม่พอสำหรับการทำทุกอย่างให้เสร็จดังใจ

 


สรุปก็คือ เวลา 3 วันนั้น
น้อยเกินไปที่จะทำอะไรให้ครบถ้วนได้

แต่จริงหรือที่ว่า เวลา 3 วันนั้นน้อยเกินไป !


          ในชีวิตจริง เวลา 3 วันต้องถือว่ามากทีเดียว มีกี่คนในโลกนี้ที่รู้ตัวล่วงหน้าถึง 3 วันว่าวาระสุดท้ายของตนกำลังจะมาถึง ยิ่งคนที่รู้และมีโอกาสใช้เวลาที่เหลือน้อยนั้น ให้คุ้มค่า ยิ่งมีน้อยลงไปอีก


          นักโทษประหารอาจเดาไว้ว่าตัวเองมีเวลาหลงเหลืออยู่ในโลกนี้อีกนานเท่าใด แต่ก็ไม่มีเสรีภาพจะทำสิ่งที่ต้องการแล้ว


          ผู้ป่วยมะเร็งระดับ 3 อาจรู้ว่าตนเองจะต้องตายในเร็ววัน แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้


          ทุกคนได้แต่คาดเดา ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีใครในโลกนี้ที่รู้ล่วงหน้าว่าตัวเองจะตายเมื่อไร อย่าว่าแต่เวลา 3 วันเลย หากรู้ล่วงหน้าแค่ 1 ชั่วโมง ก็นับว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้ว มีหลายคนขอเวลาน้อยกว่านั้นอีก แต่ก็ยังถูกปฏิเสธ


          หลังจากที่ลงทุนไปหลายหมื่นล้านบาท เสียเวลาไปนับสิบปี นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวล่วงหน้าได้แม้เพียงแค่ 1 นาที เพราะฉะนั้นจะไม่ดีกว่าหรือหากเราขนเอาสิ่งที่อยากทำในช่วง 3 วันสุดท้าย มาทำเสียแต่วันนี้


          "วันนี้" คือห้วงเวลาที่เราเป็นเจ้าของ ส่วน"พรุ่งนี้" ไม่มีใครรู้ว่าตัวจะได้เห็นหรือไม่ ที่แน่ ๆ ก็คือหากเราเริ่มเสียแต่วันนี้ เราอาจมีเวลามากกว่า 3 วันที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่อยากทำ

park


          ปัญหาก็คือ จะเอาสิ่งที่อยากทำในช่วง 3 วันสุดท้ายนั้น มาทำเสียแต่วันนี้ได้อย่างไร เพราะทุกวันนี้ ก็มีอะไรต่ออะไรต้องทำมากมาย จนแทบหาเวลาว่างไม่ได้อยู่แล้ว


          มาถึงตรงนี้หลายคนก็พบว่า ที่ตัวเองมีภารกิจที่จะต้องทำมากมายในช่วง 3 วันสุดท้ายก็เพราะไม่มีเวลาว่างพอที่จะทำในขณะนี้นั่นเอง


          น่าคิดว่าชีวิตของเราวุ่นขนาดนั้นเชียวหรือ?


          ใครก็ตามที่ตัดสินใจเลือกจะทำอะไรในช่วง 3 วันสุดท้ายของชีวิต สิ่งนั้นจะต้องสำคัญมาก ๆ ต่อตัวเขา ยิ่งตัดให้เหลือเพียงแค่ 2-3 อย่าง มันก็ยิ่งสำคัญเหลือจะกล่าว ถ้าเช่นนั้น เป็นไปได้อย่างไรว่า เราไม่มีเวลาให้กับสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราเลย ?


          เราเคยลองเทียบเคียงหรือไม่ว่า สิ่งที่เราอยากทำในช่วง 3 วันสุดท้าย กับสิ่งที่เรากำลังทำอย่างวุ่นวายอยู่ในเวลานี้ อะไรสำคัญกว่ากัน


          หลายคนพบว่า "งาน" อย่างแรกนั้นสำคัญกว่า "งาน" อย่างหลังมากจนบางทีเทียบกันไม่ได้


          คำถามก็คือ อะไรทำให้เราละเลย "งาน" อย่างแรกไป คำตอบที่มักจะได้ก็คือ งานอย่างหลังนั้น "เร่งด่วน" กว่า หาไม่ก็เพราะถูกปัจจัยภายในและภายนอกพัดพาไป


          ในชีวิตของเรานั้น มีงานหรือกิจกรรมอยู่ 4 ประเภทใหญ่ ๆ


          ประเภทแรกคือ งานด่วนและสำคัญ


          ประเภทที่ 2 งานด่วนและไม่สำคัญ


          ประเภทที่ 3 งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ


          และประเภทสุดท้าย งานไม่ด่วนแต่สำคัญ


          คนจำนวนไม่น้อยวัน ๆ หมดไปกับงานประเภทแรก และก็มีมากทีเดียวที่สิ้นเปลืองเวลาไปกับงานประเภทที่ 2 และ 3

waterfalls

          คน 2 กลุ่มที่ว่าแม้จะมีบุคลิก นิสัยและจุดมุ่งหมายในชีวิตต่างกัน แต่ก็เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ชีวิตไม่มีเวลาให้กับงานประเภทที่ 4 งานไม่ด่วนแต่สำคัญ


          งานด่วนและสำคัญ หมายถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น เพื่อนร่วมงานขัดแย้งกัน ต้องเข้าไปไกล่เกลี่ย เส้นตายกำลังจะมาถึง ต้องรีบปั่นงานให้ทัน สุขภาพทรุดโทรมจนล้มป่วย ต้องพักงานไปหาหมอ คอมพิวเตอร์เกิดเสียต้องเอาไปซ่อม มิเช่นนั้นทำงานต่อไม่ได้ รวมไปถึงการทำงานเลี้ยงตัวและครอบครัว


          งานด่วนและไม่สำคัญ เช่น ต้องรีบเลิกงานเพื่อไปดูฟุตบอลโลกให้ทัน รีบไปซื้อของราคาถูกก่อนหมดเขต ค่ำนี้ต้องไปงานเลี้ยงรุ่นประจำปี


          งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ เช่น โทรศัพท์คุยเล่นกับเพื่อน ดูโทรทัศน์คลายเครียด ตอบจดหมายเพื่อนที่เพิ่งมาถึงเมื่อวาน


          งานไม่ด่วนแต่สำคัญ เช่น การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนความรู้ การวางแผนงาน แต่เนิ่น ๆ การให้เวลากับครอบครัว การฝึกสมาธิภาวนา


          ข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน คำว่า "สำคัญ" ในที่นี้หมายถึงความสำคัญต่อชีวิต โดยมุ่ง คุณค่าแท้ ยิ่งกว่า คุณค่าเทียม


          สำหรับสาวรุ่น การได้เป็นเจ้าของกระเป๋าหลุยส์วิตตองนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเธอ แต่ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต


          ลองพิจารณาดูอาจจะพบว่า งานประเภทสุดท้ายนั้นมักจะถูกละเลยไป ทั้ง ๆ ที่สำคัญ แต่เนื่องจาก "ไม่ด่วน" ก็เลยถูกผลัดไปวันพรุ่งนี้


          ครั้นวันพรุ่งนี้มาถึง ก็มีงานด่วน (ทั้งสำคัญและไม่สำคัญ) โผล่เข้ามาจึงต้องผลัดไปวันมะรืน โดยลืมไปว่า วันมะรืนมีนัดกับรายการชิงชนะเลิศฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหน้าจอโทรทัศน์ เป็นอันต้องเลื่อนต่อไปอีก เป็นเช่นนี้วันแล้ววันเล่า จนลืมไปก็มี มานึกขึ้นได้ก็ตอนมันกลายมาเป็นปัญหาที่ต้องรีบสะสาง เช่น ล้มป่วยเพราะไม่ยอมออกกำลังกายสักที หรือไม่ลูกก็ติดคุกข้อหาเสพยาบ้าไปแล้ว เพราะพ่อไม่มีเวลาให้ลูกเลย


อะไรต่ออะไรที่เราอยากทำ
ช่วง 3 วันสุดท้ายก่อนโลกแตก
มักอยู่ในงานประเภทที่ 4 นี้แหละ

park

          งานประเภทนี้แหละที่ใคร ๆ มักจะนึกถึงในยามท้าย ๆ ของชีวิต เช่น เป็นโรคหัวใจแล้วถึงค่อยนึกเสียดายที่ไม่ยอมวิ่งจ๊อกกิ้งตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นไม้ใกล้ฝั่งแล้วจึงค่อยนึกถึงการทำสมาธิภาวนา แต่บ่อยครั้งแม้ยังไม่ทันแก่ แต่ก็สายไปแล้ว ผู้เป็นลูกบ่อยครั้งมานั่งเสียใจที่ไม่มีเวลาอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ยามท่านมีชีวิตอยู่ เนื่องจากเอาแต่ทำมาหากิน จนช่วงเวลาอันสำคัญได้ผ่านเลยไปไม่หวนกลับ


          เราแต่ละคนมีเวลาสำหรับสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต(หรืองานประเภทที่ 4)เสมอ แต่มันจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเราได้ ต่อเมื่อเราต้องยอมทิ้งบางอย่างไป หรือทำบางอย่างให้น้อยลง


          บางอย่างที่ว่าก็คือ งานด่วนและไม่สำคัญ กับ งานไม่ด่วนและไม่สำคัญ


          อย่าให้ความด่วนของงานอย่างแรก(ที่ไม่สำคัญ)มารุกล้ำแย่งชิงเวลาของเราไปมากนัก


          ขณะเดียวกันก็อย่าให้เสน่ห์ของงานอย่างหลัก(ไม่ด่วนและไม่สำคัญ)มาหลอกล่อเราจนเกินไป ทำใจแข็ง เมินมันไปเสียบ้าง ชีวิตไม่สึกกร่อนดอก


          แม้แต่ งานด่วนและสำคัญ ก็เช่นกัน ลดลงเสียบ้าง ชีวิตจะเป็นสุขขึ้นมาก ขืนเอาแต่ทำงานประเภทนี้ ทั้งวันทั้งคืน ไม่นานคงเป็นโรคเครียด ความดันสูง ท้องผูก กระเพาะเป็นแผล งานประเภทนี้ทำให้คนตายมาเยอะแล้ว


          แต่จะลดมันได้อย่างไร ? คุณคงถามในใจ ในเมื่อมันทั้งด่วนทั้งสำคัญ

 

waterfalls

          ลดได้แน่หากเราหันมาให้ความสำคัญกับ งานที่ไม่ด่วนแต่สำคัญ ลองสืบสาวดูจะพบว่า ที่ งานด่วนและสำคัญ รุมเร้าเรารอบตัว ก็เพราะเราละเลยงานประเภทที่ 4


          งานประเภทหลังนี้ในแง่หนึ่งก็คือ การป้องกันปัญหา ถ้าเราให้เวลากับการป้องกันปัญหาแล้ว ปัญหาก็มีให้แก้น้อยลง งานประเภทแรกล้วนเป็นงานประเภทแก้ปัญหาเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นก็เพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับการป้องกันมาตั้งแต่แรก

 


การหมั่นออกกำลังกาย ทำสมาธิภาวนา
ให้เวลากับครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน
สิ่งเหล่านี้ถ้าเราทำวันละนิดละหน่อย แต่ต่อเนื่อง
จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ได้มากมาย
ทำให้งานด่วนและสำคัญพลอยลดลงด้วย


          ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องคุณภาพชีวิต คุณภาพคน และคุณภาพความสัมพันธ์ ซึ่งต้องอาศัยเวลาเช่นเดียวกับการเติบโตของต้นไม้


          หากเราลำดับความสำคัญของงานต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างถูกต้อง และให้เวลากับงานเหล่านั้นอย่างสอดคล้องกับความสำคัญของมัน เราก็จะไม่วิตกกังวลกับอนาคต เพราะได้ทำสิ่งที่สมควรทำครบถ้วนแล้ว เรียกว่าเป็นผู้พร้อมทุกขณะ โลกจะแตกหรือไม่ในปี 2012 กลายเป็นเรื่องขี้ประติ๋วไปเลย

park

          ครั้งหนึ่ง เคยมีคนถามนักพรตผู้หนึ่งด้วยคำถามคล้าย ๆ กันนี้ ว่า "ท่านครับ ท่านคิดว่าท่านจะทำอะไรบ้าง หากจะต้องตายภายใน 3 วัน ?"


          "เราก็ทำอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนั่นแหละ" ท่านตอบ

          คุณล่ะ พร้อมจะตอบ
          อย่างนักพรตท่านนี้แล้วหรือยัง?

จากหนังสือ "จิตแจ่มใส ดอกไม้บาน" งานเขียนโดย....พระไพศาล วิสาโล


 

Last Updated on Thursday, 03 December 2009 09:36
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner