Home หลวงพ่อพุธ ศีล ๕ คืออุบายสร้างความรัก
จิตอรหันต์ – จิตปุถุชน PDF Print E-mail
Monday, 21 September 2009 07:15

จิตอรหันต์ – จิตปุถุชน

 คัดจากฐานิยปูชา ๒๕๔๑
โดย
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

 

           พระอรหันต์ก็ยังร้องไห้ได้ การร้องไห้มันเป็นกิริยาของกายต่างหาก ตัวร้องไห้มันก็ร้องไป ตัวที่นิ่งเฉยอยู่มันก็นิ่ง... พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระปุถุชนโศกเศร้าเสียใจ พระอรหันต์ได้ธรรมสังเวช ธรรมสังเวชนี่แหละมันทำให้น้ำตาไหล ไม่ใช่ว่าพอสำเร็จอรหันต์แล้วมันจะไม่มีอะไร มันก็เหมือนกับปุถุชนธรรมดานี่แหละแต่สิ่งที่ทำให้ท่านเกิดกิเลสเมื่อก่อนนี้มันหมดไป ความตื้นตัน ความปีติต่างๆ มันเป็นองค์ประกอบของสมาธิ มันก็ต้องมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา


           “หลวงปู่โกรธเป็นไหม”

           “โกรธเป็น แต่ไม่เอา”  อันนี้คือคำตอบของหลวงปู่ดูลย์ ก็มันแสดงความรู้สึกขึ้นมาเฉยๆว่า โกรธ แล้วท่านก็ไม่เอา


           หลวงพ่อก็เคยร้องไห้มาแล้ว ไปสวดมนต์ในวัง พอไปถึงแก่งคอย ก็ไปนึกถึงว่าพ่อตายอยู่ตรงนั้น ไหนจะลองกำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลให้พ่อสักหน่อย พอกำหนดไปพั๊บ มองไปข้างหน้าสายตามันพร่า แล้วก็เห็นตาแก่คนหนึ่งแบกเด็กน้อยลอยผ่านหน้าไป ทีนี้พอลับสายตาไปจิตก็มานึกว่า พ่อแบกเรามาตั้งแต่เด็ก แล้วมันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที คนที่นั่งมาในรถเขาก็ถามว่า หลวงพ่อเป็นอะไรๆ ก็โบกมือ เฉยๆเดี๋ยวก็รู้ พออาการอย่างนั้นมันหายไป ก็เล่าให้เขาฟัง

 


           ปีติมันเกิดจากกายต่างหาก อย่างสมมติว่าเรามีเรื่องขำ เราหัวเราะเสียจนไส้ขดไส้แข็ง เราเมื่อยเกือบตาย เราไม่อยากหัวเราะแต่มันก็อดไม่ได้ นั่นคือความเป็นเองของร่างกาย อันนี้มันได้หลักมาว่า ภายในตัวของเรานี่สมองเป็นผู้สั่งการ กองบัญชาการในสมองที่มันสั่งออกมานี่ ให้ร่างกายมันเตี้ย ให้ร่างกายมันโต ให้ร่างกายมันสูงโย่ง อันนี้เป็นเรื่องของสมองทั้งนั้น คำสั่งของสมองอันนี้หรือจิตดวงนี้ ตามหลักของการสะกดจิตเขาเรียกว่า จิตอิสระ จิตอิสระดวงนี้จะคอยบังคับดูแลและใช้เครื่องจักรกลไกต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานให้แก่เราอย่างตรงไปตรงมา

 


          อาการปีตินี่เป็นอาการที่จิตดื่มรสพระสัทธรรม มันเหมือนกับว่าเราอยากได้อะไรมากๆ พอได้สมประสงค์ก็เกิดปีติเหมือนกัน แต่ทีนี้สมมติว่าผู้ที่เป็นพระอรหันต์จริงๆ นี่ เวลาท่านกำหนดจิตรู้อารมณ์ จิตมันก็ปรุงแต่งเหมือนคนธรรมดา ทีนี้ภายในสมาธิ มันก็เกิดนิมิตขึ้นมา ถ้าท่านรู้เรื่องอดีตชาติ ท่านก็แสดงอาการร้องไห้ ร้องไห้ในสมาธิ แต่ร้องไห้น้ำตาไม่ออก อย่างคนที่จิตยังไม่พ้นกิเลส พอได้นิมิตว่าชาติก่อนเราได้ไปเกิดเป็นอันนั้นๆ ได้ไปทะเลาะตบต่อยตีกันที่ตรงนั้น พอรู้สึกอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมากระโดดขโมงโฉงเฉง ทีนี้ความรู้ของพระอรหันต์นี่ท่านรู้ว่าชาตินั้นท่านเป็นอย่างนั้น ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนนั้นคนนี้ มันก็แสดงอาการโกรธเคียดขึ้นมา แต่ความโกรธความเคียดกับจิตของท่านมันแยกกันไปคนละส่วน เหมือนๆ กับบางครั้งที่จิตของเรามีอารมณ์เกิดขึ้นๆๆ แต่มันเป็นกลางเฉย สิ่งรู้เป็นแต่เพียงอารมณ์จิต แล้วตัวเองไม่ได้ไปสวมสอดเข้าในเรื่องนั้น มันแยกเป็นคนละส่วน ทีนี้ผู้ที่รู้ยังไม่ถึงแก่นพอรู้เข้ามาพั๊บ ก็สำคัญว่าตัวเองอยู่ในปัจจุบันนั้น

 Mountain


           เช่นอย่างพระองค์หนึ่ง เป็นหัวหน้าพระ ๓๐ รูป อุบาสิกาคนหนึ่งเป็นอุปัฏฐากอยู่ ภายหลังอุบาสิกาฟังเทศน์ฟังธรรมจากพระเหล่านั้นแล้วได้สำเร็จโสดาบัน พอสำเร็จโสดาบัน ท่านก็ตรวจสอบดูพระว่าท่านองค์ไหนได้บรรลุคุณธรรมหรือเปล่า ก็รู้ว่ายังไม่บรรลุ ขัดข้องเรื่องอะไร ขัดข้องเรื่องรสอาหาร บางท่านชอบเผ็ดชอบมันอะไรไม่ได้ตามใจ ก็ไปข้องอยู่ที่ตรงนั้น ภายหลังมาเมื่อท่านรู้แล้วว่าองค์ไหนชอบอะไร ทำให้ถูกใจหมด พอนึกขึ้นมาตอนกลางคืนอยากฉันสิ่งนั้น ตื่นเช้าก็มาแล้ว หนักๆเข้าพระอาย พากันไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ถามว่าทำไมทิ้งอุบาสิกามาเสียเล่า พระก็ทูลว่าอยู่ด้วยไม่ได้หรอก คิดอะไรก็รู้หมด...อาย พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าเขาเป็นมารดาของเธอมาหลายภพหลายชาติแล้ว มาชาตินี้แหละเขาจะช่วยให้ท่านสำเร็จพระนิพพาน กลับไปอยู่กับเขา พระทั้งนั้นก็กลับไปอยู่กับอุบาสิกา พอกลับมา ก็ต้องมาสำรวมจิตสำรวมใจไม่ให้ยินดียินร้ายในรสอาหาร พิจารณาปัจจเวกขณะขจัดความชอบหรือไม่ชอบ ทำจิตให้เป็นกลาง แล้วลูกน้องได้สำเร็จพระโสดาบัน อุบาสิกาได้สำเร็จพระสกทาคามีไปๆ มาๆ พระทั้งหลายได้สำเร็จพระอรหันต์ อาจารย์ใหญ่ได้เพียงพระโสดาบัน อุบาสิกาก็พิจารณาดูว่าพระเราสำเร็จแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่นี่สำเร็จหรือยัง... ยังไม่สำเร็จ อยู่มาวันหนึ่ง ภูมิจิตเริ่มจะก้าวหน้า จะได้บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไประลึกขึ้นมาได้ว่า ชาติหนึ่ง ภพหนึ่ง อุบาสิกาคนนี้เป็นภรรยาของท่าน ไปคบกับโจร พอท่านไปรู้อย่างนั้นเข้า ท่านก็โกรธขึ้นมาอย่างแรง โกรธชนิดที่ว่าจิตกับอารมณ์แยกกันไม่ออก อุบาสิกาก็ส่งกระแสจิตไปเตือนว่า นึกต่อไปอีกชาติพระคุณเจ้า พอระลึกไปอีกชาติหนึ่งไปรู้ว่าชาตินั้นท่านผู้นี้ถูกโจรจับ มันจะฆ่า อุบาสิกานี่ก็เป็นภรรยาของโจร พอโจรมันจะฆ่า ภรรยาก็ขอร้องว่าอย่าไปฆ่าเขา เขาไม่มีความผิด แล้วก็ถูกปลดปล่อยไป ในเมื่อรู้อย่างนั้นก็มานึกถึงบุญคุณเขา ความโกรธมันก็ระงับลง ในที่สุดก็ได้สำเร็จพระอรหันต์

 


           เพราะฉะนั้น เราโกรธด่าตีกันธรรมดา ๆ นี่ไม่สำคัญหรอก โกรธในสมาธินี่มันร้ายแรงที่สุด ดีไม่ดีระงับไม่อยู่กรรมฐานแตก


           เรื่องอสีติมหาสาวก ๘๐ รูปนี่ หลวงพ่อเรียนนักธรรมโทอ่านไปๆๆ   ร้องไห้ไป มันเกิดปีติ เช่นอย่างบางท่านนั่งทอหูกอยู่กำหนดสติรู้เรื่อยไป   พอทอหูกจบสำเร็จอรหันต์ก็มี   พระเถระบางท่านนั่งเทศน์สอนลูกศิษย์  พอเอวังลงไปสำเร็จอรหันต์ก็มี เพราะฉะนั้น การเทศน์การแสดงธรรมนี่ เราจึงถือว่าเราไม่ได้สอนคนอื่นแต่เรามานั่งให้คนอื่นสอบไล่เรา แล้วเราก็สอนเราเอง ถ้าไปคิดว่าเทศน์สอนคนอื่นแล้ว หลวงพ่อเทศน์ไม่เป็น ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอนเขา เขาเก่งกว่าเราเสียอีก


 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner