Home เรื่องเล่าตอนเข้าค่าย ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนนางรอง ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 8 - 12 พ.ย. 2556
ประสบการณ์ ของ นักเรียนจาก โรงเรียนนางรอง ที่เข้าค่ายอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ระหว่างวันที่ 8 - 12 พ.ย. 2556
Thursday, 26 December 2013 07:52

 

ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ  วัดวะภูแก้ว

 

 


จะหญิงหรือชายแม่ก็รัก

          ครอบครัวของข้าพเจ้ามี  5  คน  คือ  พ่อแม่  พี่  และน้อง  ข้าพเจ้าเป็นลูกคนที่ 2  ของครอบครัว  พอข้าพเจ้าอายุได้  6  ขวบ  แม่ก็ตั้งท้องน้องคนที่ 3  ตอนแรกข้าพเจ้าก็รู้สึกน้อยใจที่พ่อแม่ไม่รักจึงอยากมีน้องใหม่  แต่จริง ๆ  แล้ว  พ่อกับแม่  อยากได้ลูกผู้ชาย  แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้หญิง  ข้าพเจ้าจึงคิดน้อยใจพ่อแม่ที่ไม่รักข้าพเจ้าเพียงเพราะว่าเกิดเป็นผู้หญิง  ข้าพเจ้าก็เลยแอบไปร้องไห้อยู่หลังบ้าน  พ่อกับแม่ก็เรียกหา  แต่ด้วยความที่แม่กำลังท้องแก่ประมาณ  7 – 8  เดือน  แม่ก็เลยให้พ่อมาตามหา  พอพ่อเห็นว่าข้าพเจ้ากำลังนั่งร้องไห้อยู่  พ่อก็เลยเข้ามาถามว่าเป็นอะไร  ใครทำอะไร  ข้าพเจ้าก็ได้แต่ส่ายหน้า  บอกว่าไม่เป็นอะไร  พ่อก็เลยอุ้มไปหาแม่  แม่ก็เลยปลอบเมื่อข้าพเจ้าบอกสาเหตุที่ร้องไห้  แต่ถึงแม่จะปลอบ     ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่  เพราะใคร ๆ  ก็บอกว่าเวลาน้องออกมาแม่จะลืมข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า  ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้ใส่ใจอะไร  แต่ก็มีแอบร้องไห้อีก  จากนั้นใครพูดอะไร  ข้าพเจ้าก็จะไม่เชื่อหรือเชื่อก็แอบเก็บไว้ในใจไม่แสดงออกมา  เพราะแม่บอกว่า  แม่ไม่มีวันลืมลูกได้  ลูกของแม่แม่ก็รัก  แม่จะไม่มีวันทิ้งลูกของแม่เด็ดขาด  ข้าพเจ้าก็เชื่อแม่  จวบจนแม่คลอด  แม่ก็ให้ข้าพเจ้าอุ้มน้องเป็นคนแรก  ตอนนั้นข้าพเจ้าดีใจมากที่ได้เห็นน้องเป็นผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม  ข้าพเจ้าชอบหยิกแก้มน้อง  แม่ก็บอกว่าเดี๋ยวน้องไม่กินข้าว  ข้าพเจ้าก็ไม่ทำอีก  จนน้องโตมาเรื่อย ๆ  ได้เข้าอนุบาล  น้องเป็นคนสมาธิสั้น  สนใจในสิ่งใดไม่ได้นาน  แม่ก็พาไปหาหมอทุกเดือน  น้องอยากได้อะไร  อยากกินอะไร  แม่ก็ซื้อให้  แต่พอข้าพเจ้าขอบ้าง  แม่ก็บอกว่าแม่ไม่มีเงิน  ไม่ต้องซื้อหรอก  ความน้อยใจที่มันหายไปตั้งแต่น้องลืมตาดูโลกได้หวนคืนมาอีกครั้ง  ข้าพเจ้าก็แอบไปร้องไห้อีก  แล้วก็ไปถามแม่ว่าแม่รักใครมากกว่า  ระหว่างเด็กผู้ชาย  กับเด็กผู้หญิง  แม่บอกว่าถ้าเป็นลูกแม่  แม่รักทุกคน  แม่ได้ได้รักใครมากกว่าใคร  แม่รักลูกแม่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

  


          ข้าพเจ้าสอบเข้าโรงเรียนนางรองได้  ตอนนั้นแม่ดีใจมาก  พี่สาวของข้าพเจ้าก็สอบเข้าได้  แม่ก็บอกว่ามาเรียนอยู่โรงเรียนใหญ่ ๆ  ก็ขอให้ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด  อย่าหนีเรียน  อย่าเถลไถล  ข้าพเจ้าก็เชื่อฟัง  ด้วยความที่ข้าพเจ้า  เป็นคนที่ไม่โกรธใครง่าย ๆ  จึงทำให้มีเพื่อนมาก  เพื่อนแกล้งข้าพเจ้าก็ไม่โกรธ 

  


          วันหนึ่ง  ครูบอกว่าจะพานักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2  มาวัดวะภูแก้ว  ข้าพเจ้าก็ดีใจที่จะได้มาวัด  แต่พอครูบอกว่ามา  5  วัน  4  คืน  โอ้โห!  ทำไมนานจัง  แต่พอข้าพเจ้าได้เข้ามาข้าพเจ้าก็คิดว่า  ทำไมวัดนี้น่าอยู่  เงียบสงบ  สมกับเป็นวัดกรรมฐาน  สถานที่ปฏิบัติธรรม ตอนแรกข้าพเจ้าก็กลัวเพราะว่าเข้ามาก็เห็นเมรุเลย  แต่พอได้ปฏิบัติจริง ๆ  ข้าพเจ้าก็เข้าใจว่าการปฏิบัติจริง ๆ  แสนจะทรมาน  เมื่อยก็เมื่อย  เจ็บก็เจ็บ  และพอมาถึงวันที่  2, 3, 4  ข้าพเจ้านั่งร้องไห้เลยในวันที่  3,  4  เพราะครูพูดถึงพระคุณของพ่อ-แม่  ว่าพ่อแม่ลำบากขนาดไหนกว่าจะให้เราเกิดมาเป็นคนได้  แม่หนักขนาดไหน  กว่าจะอุ้มท้องครบ  9  เดือน  ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะไม่น้อยใจแม่อีกเพราะว่า  แม่รักลูกทุกคน  ไม่ว่าลูกจะเกิดมาเป็นอย่างไรก็ตาม  ข้าพเจ้าสัญญาว่าข้าพเจ้าจะรักแม่และพ่อ  จะดูแลท่าน  จนกว่าจะหมดลมหายใจในชีวิตนี้

  

เด็กหญิงอุมาพร  บุตรงาม  ชั้น ม.2/3
โรงเรียนนางรอง
วันที่  12 พฤศจิกายน  พ.ศ.2556

  


ดวงใจแม่

          ข้าพเจ้าเป็นลูกกำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก  ย่าเคยเล่าให้ฟังว่า เมื่อคลอดข้าพเจ้าได้  1  ปีกับอีก 11  เดือน  แม่ก็ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศเป็นเวลานานแสนนาน  ย่าเล่า  ตั้งแต่เล็กจนโตข้าพเจ้าถามหาแม่ทุก ๆ วัน  และวันที่แม่เดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ  คืนนั้นข้าพเจ้าร้องไห้จนถึงเช้า  ข้าพเจ้าถามย่าว่า  แม่รักข้าพเจ้าหรือเปล่า  ย่าก็ตอบว่า  “รักสิทำไมจะไม่รัก  ก็เราน่ะเป็นลูกคนเดียวของเขา” 

  


          จนกระทั่งวันที่  2  เมษายน  2552  ข้าพเจ้ายังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี  วันนั้นเป็นวันเกิดของข้าพเจ้าพอดีแม่ได้กลับมาหาข้าพเจ้าตลอด  10  ปี  ซึ่งข้าพเจ้าเฝ้ารอที่จะได้พบหน้าแม่  แต่พอข้าพเจ้าได้เห็นหน้าแม่จริง ๆ  แม่พูดว่า  “ขอแม่กอดสักทีได้หรือเปล่า”

  


          แต่ข้าพเจ้ากลับตอบว่า  “อย่ามายุ่งกับเรา  เราไม่มีแม่แบบนี้”  แล้วข้าพเจ้าก็เดินหนีไป  หลายครั้งที่แม่ชวนไปอยู่ด้วยแต่ข้าพเจ้าก็ไม่สนใจ  ไม่รู้อะไรดลใจให้เกลียดแม่อย่างนี้

  


          เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ  แม่ของข้าพเจ้าถูกด่าถูกว่าทำไมถึงทิ้งข้าพเจ้าไป  แม่โดนด่าสารพัด  ข้าพเจ้ากลับสงสารแม่  ไปหาแม่ทุกเดือนโดยที่ญาติพี่น้องของพ่อไม่รู้เพราะถ้ารู้แม่ต้องโดนด่าอีกแน่ ๆ  ญาติของพ่อเกลียดแม่ของข้าพเจ้า  แต่ในชีวิตข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าไม่เคยสนิทกับแม่  ไม่เคยที่จะทำอะไรให้แม่ภูมิใจเลยสักครั้ง

  


          เมื่อวันที่  12  สิงหาคม  2546  ที่ผ่านมา  ข้าพเจ้าได้กราบเท้าท่าน  ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาท่านไหล  แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เคยสนใจอะไร  แม่บอกว่า  “ถ้าวันไหนไม่มีแม่  เข้มแข็งนะ  อดทน  ตั้งใจเรียน”  ข้าพเจ้าจึงถามแม่ว่า  “แล้วแม่จะไปไหน”  คำตอบที่ข้าพเจ้าได้ยินคือ  “แม่ต้องกลับไปช่วยงานเพื่อนที่ต่างประเทศเหมือนเดิม  และยังไม่มีกำหนดข้าพเจ้า  ยังไม่สำนึกอีก

  


          จนกระทั่งได้มาอบรม  ณ  วัดวะภูแก้ว  ข้าพเจ้าจึงได้สำนึกและคิดถึงแม่  ข้าพเจ้าได้อยู่กับแม่ไม่ถึง  4  ปี  ด้วยซ้ำ  ท่านก็ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศอีก  ถ้าท่านต้องไปอีก  ข้าพเจ้าต้องขาดอีกนานเท่าใดกัน  ข้าพเจ้าเฝ้ารอมาตลอด  10  กว่าปี  ข้าพเจ้าไม่เคยทำอะไรให้แม่ภูมิใจเลยสักครั้ง  กลับไปข้าพเจ้าจะไปกราบเท้าท่าน  ขอโทษท่าน  และขอให้ท่านอยู่กับข้าพเจ้าแต่ถึงยังไงท่านก็เป็นแม่ของเรา  คงจะไม่มีใครแทนได้


          ตอนนั่งสมาธิ  ข้าพเจ้าเห็นภาพแม่โดนด่าสารพัด  มันทำให้คิดว่า  “ทำไมแม่ไม่ฆ่าเราตั้งแต่เล็ก ๆ  เป็นเพราะเรา  ทำให้แม่ต้องเจ็บขนาดนี้  ถ้าไม่มีเราแม่คงจะสบายกว่านี้”


          คำถามนี้ข้าพเจ้าเคยถามแม่  แม่ตอบว่า  “เพราะลูกเป็นลูกที่แม่รักมากที่สุด  แม่จะไม่มีทางทำร้ายดวงใจของแม่หรอก”

  

ด.ญ.ประภาวิณี  ตรีเมฆ  ชั้น ม.2/3 
โรงเรียนนางรอง
วันที่  12  พฤศจิกายน  พ.ศ.2556

  

  

ควรกราบไหว้พ่อแม่ทุกวัน

          ก่อนมาวัดวะภูแก้ว  หนูได้ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง  และได้ใช้คำพูดที่ไม่สมควรพูดออกไปอย่างไม่ทันคิด  (ขอไม่บอกเพราะเป็นประโยคที่รุนแรง)  พอพูดออกไปแม่ของหนูถึงกับต้องหยุดพูด  และแม่ก็เงียบไม่พูดกับหนูอีกเลยเป็นอาทิตย์  และหนูก็ไม่พูดกับแม่อีกเลยเหมือนกันตอนนั้น  หนูรู้สึกโกรธแม่มาก  พอหนูกำลังจะเข้านอนหนูก็เห็นแม่นั่งดื่มเหล้าคนเดียว  หนูก็ไม่สนใจ  พอหนูไปโรงเรียนคุณครูได้ประกาศบอกว่าจะได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วที่โคราช  หนูรู้สึกดีใจมาก  เพราะจะได้ไม่ต้องอยู่กับแม่

  


          พอถึงวันที่มาวัดหนูรู้สึกดีเพราะหนูชอบปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว  พอได้ฟังเรื่องต่าง ๆ  ที่ ดร.ดาราวรรณ  ได้เล่าให้ฟังหนูรู้สึกดีมากเพราะได้ข้อคิดมากมาย  และยังได้ฝึกสมาธิ  พอมาถึงวันที่  3-4  ดร.ดาราวรรณ  ได้เล่าเรื่องพระคุณของพ่อแม่ให้ฟัง  หนูก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่บาปมากและหนูก็ได้สำนึกแล้ว  ถ้าหนูกลับไปถึงบ้านสิ่งแรกที่หนูจะทำก็คือ  หนูจะเข้าไปกราบแม่  ขอโทษแม่  และจะสัญญาว่าจะไม่ทำตัวแบบนี้อีก  จะเป็นเด็กดีของพ่อแม่ตลอดไป

  


          ถ้าหนูไม่ได้มาที่วัดวะภูแก้วนี้  หนูคงจะเป็นคนที่บาป  และคงเป็นเด็กไม่ดีแน่เลย  หนูดีใจมากที่ได้มาพบกับ  ดร.ดาราวรรณ  เพราะท่านช่วยให้หนูสำนึกและกลับตัวกลับใจได้  สิ่งที่หนูได้รู้ก็คือ  พ่อแม่ของเราเป็นเสมือนพระอรหันต์และพระพรหมของลูก  เราควรเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง  เราควรกราบไหว้ทุกวันไม่ใช่จะมากราบไหว้เฉพาะวันพ่อวันแม่  หรือวันที่ท่านทั้งสองจากเราไปแล้ว  วันนี้อาจจะยังไม่สายที่เราจะทำดีเพื่อพ่อแม่  แต่บางทีวันข้างหน้าอาจจะสายก็ได้

  


ด.ญ.พิจิตรา  เอกอมร  ชั้น ม.2/3
โรงเรียนนางรอง
วันที่  12  พฤศจิกายน  พ.ศ.2556
  


 

บ้าเรียนจนลืมพ่อลืมแม่

          ดิฉันก็เคยคิดเหมือน ๆ  กันกับทุกคนที่มาเข้าค่ายว่าถูกบังคับให้มา  มาแล้วได้อะไร  แต่!  ทุกคนรู้ไหมคะ  ว่าถ้าคุณได้มาเห็นได้มาดู  ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง  คุณจะรู้เลยว่าคุณคิดผิด  เพราะสถานที่นี้  เป็นสถานที่ที่ทำให้ดิฉันสงบจิตของตนได้อย่างง่ายมาก  สามารถนั่งสมาธิได้นาน  วิทยากรก็สอนในสิ่งที่ดีและแปลกใหม่ให้ดิฉันทุก ๆ  วัน  ทำให้เกิดความคิด  เกิดความคำนึงในเหตุการณ์ในอดีตว่าเป็นอย่างไร  สมควรทำไหม  เพราะในอดีตดิฉันทำไม่ดีไว้กับบุคคล  2  คน  ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดดิฉันมา

  


          ในหลาย ๆ  ครั้ง  ดิฉันเคยทำทั้งในสิ่งที่ผิด  และในสิ่งที่ถูก  แต่สิ่งที่ดิฉันทำถูกนั้น  ดิฉันทำแค่ตามหน้าที่อย่างเช่น  กวาดบ้าน ทำงานบ้านต่าง ๆ  ตั้งใจเรียน  ทบทวนการเรียน  แต่!  สิ่งที่ผิดนั้น  ดิฉันก็รู้ตัวดีว่าทำผิดแต่ดิฉันไม่เคยแก้ไขมันเลย  ดิฉันเอาแต่สนใจอยู่กับการเรียน  เพราะต้องขยันเมื่อมาอยู่ห้อง 1  เลยทำให้ดิฉันลืมไปว่ายังมีบุคคลอีก  2  คน  ที่คอยสนับสนุน  ดิฉันในการเรียนจนกระทั่งสอบได้เกรดดี ๆ  ได้มาอยู่ห้อง 1  บุคคลทั้ง 2 คนนั้น  คือ  พ่อกับแม่  ดิฉันมักจะมองข้ามความสำคัญของพ่อแม่  ตั้งแต่ที่ดิฉันเรียนมาจนถึง ม.2  นี้  ดิฉันไม่มีเวลาอยู่กับพ่อแม่เลย  กลับมาจากโรงเรียนดิฉันก็ติดเรียนพิเศษ  วันหยุดเสาร์-อาทิตย์  ก็ต้องไปเรียนพิเศษ  ทำให้ฉันลืมพ่อแม่  ไม่ให้ความสำคัญ  ลืมพระคุณของท่าน

  


          แต่พอดิฉันได้มาที่วัดวะภูแก้ว  นั่งสมาธิสำรวมจิต  มา  2-3  วัน  ดิฉันก็คิดไตร่ตรองได้ว่าสิ่งที่ดิฉันทำในตอนนั้นกับพ่อแม่มันสมควรไหม  สมควรที่จะทำอย่างแบบนั้นต่อไปไหม  ที่ไม่ให้ความสำคัญแก่ท่าน  เมื่อคิดไตร่ตรองได้แล้ว  ดิฉันก็สัญญากับตนเองว่า  เมื่อกลับไปดิฉันจะไปกราบเท้าพ่อแม่  จะให้ความสนใจท่านมากขึ้น  และจะไม่มองข้ามความรักที่ท่านมอบให้  สุดท้ายนี้  ดิฉันจะสัญญาต่อหน้าท่านว่าจะเป็นลูกที่ดีของท่านตลอดไป

  


ด.ญ.ธันยภรณ์  เที่ยงนา  ชั้น ม.2/1
โรงเรียนนางรอง
วันที่  12  พฤศจิกายน  พ.ศ.2556

  

 

  

แม่ฉันก็รู้จักวัดวะภูแก้ว

          เมื่อที่คุณครูประกาศว่าจะพาไปปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้ว  ฉันก็งงว่าที่นี่คือที่ไหน  เพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน  ฉันจึงไปถามแม่ว่าวัดนี้อยู่ที่ไหน  ทีแรกฉันคิดว่าแม่คงจะไม่รู้เหมือนกัน  แต่ที่ไหนได้  แม่กลับรู้จักสถานที่แห่งนี้  และอยากให้ฉันมามาก  ท่านบอกว่าสถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม  ฉันก็ยังงงว่าแม่เคยไปตอนไหน  ทำไมถึงรู้จักสถานที่แห่งนี้  แต่แม่กลับบอกว่าแม่ไม่เคยไป  แต่ได้ฟังคำบอกเล่าจากเพื่อน ๆ  ของแม่ที่เขาเคยไปกัน  หลังจากนั้นฉันจึงเริ่มสนใจและอยากมา  เพราะแม่เล่าว่า  สถานที่แห่งนี้สามารถฝึกเด็กที่ดื้อ ๆ  ให้เปลี่ยนแปลงเป็นนิสัยใหม่ได้และดีกว่าเดิม  จึงอยากให้ฉันมา  เพราะนิสัยของฉันตอนนี้มักโมโหง่าย  พูดจาถกเถียงพ่อแม่อยู่บ่อย ๆ  เป็นคนขี้เกียจ  และยังมีอีกมากมาย

  


          จนกระทั่งมาถึงวันแรกของการเข้าค่ายอบรม  ครั้งแรกนั้นฉันยังรู้สึกเบื่อหน่าย  เมื่อย  ปวดไปหมด  ทั้งปวดหลังปวดขา  จนแทบทนไม่ได้  แต่ว่าในการปวดเมื่อยครั้งนี้ยังมีคุณประโยชน์  และมีคุณค่าแก่เราเพราะได้ฝึกสมาธิมากเลยทีเดียว  ได้ทั้งบุญและได้ทั้งสมาธิ  จนถึงวันสุดท้ายของการอบรม  ฉันรู้สึกไม่อยากกลับ  รู้สึกผูกพันกับที่นี่  และฉันยังเชื่อว่าหากเพื่อน ๆ  ได้มาที่นี่คงเป็นเหมือนฉันด้วย  อีกทั้งยังเชื่อว่าหลายคนที่มาที่นี่ได้รับความรู้ทั้ง  เรื่อง  บาปบุญคุณโทษ  ที่ตนได้กระทำมา  สิ่งที่สำคัญคือ  ที่นี่สอนให้รู้จักกับคำว่า  “สายเกินไป”  ซึ่งหลายคนคงผิดหวังกับคำนี้  และต่อจากนี้  คำว่าสายเกินไปสำหรับฉันนั้นจะไม่มีอีกแล้ว  เพราะฉันจะทำวันนี้และวันต่อๆ  ไปให้ดีที่สุด....

 


ด.ญ. ดาริกา  ด้วงตะกั่ว  ชั้น ม.2/11
โรงเรียนนางรอง
วันที่  12  พฤศจิกายน  พ.ศ.2556

  


 

Last Updated on Thursday, 26 December 2013 08:13
 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner