วงเวียนแห่งกรรม |
Wednesday, 20 June 2012 03:22 | |||
วงเวียนแห่งกรรม
เรื่องมีอยู่ว่า มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มีหน้าที่การงานดี ฐานะการเงินอยู่ในขั้นร่ำรวย แต่กลับไร้วาสนาไม่มีแก้วตาดวงใจให้อุ้มชู ทั้งๆที่แต่งงานอยู่กินกันมาเนิ่นนานหลายปีไม่ว่าจะทำอย่างไร หรือปรึกษาแพทย์คนไหนก็ไม่ได้ผล จนทั้งสองเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง
วันหนึ่ง ทราบข่าวจากพรรคพวกคนรู้จักกันว่า มีเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งตั้งท้อง โดยที่ฝ่ายชายไม่ยอมรับผิดชอบก็เลยต้องการเอาเด็กออก เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี สามีภรรยาคู่นี้จึงรีบพากันไปพบเด็กสาวคนนั้น ด้วยตัดสินใจว่าเมื่ออุ้มลูกตนเองไม่ได้ก็อาศัยอุ้มบุญเถิด จึงเจรจาขอรับเด็กสาวผู้นั้นมาดูแลจนกว่าเธอจะคลอด โดยที่เธอจะต้องยกลูกให้เป็นสิทธิ์ขาดแก่พวกเขา แล้วทั้งสองฝ่ายก็ตกลงกันด้วยดีตามนั้น
พอถึงกำหนดคลอด ปรากฏว่าเธอคลอดลูกมาเป็นเด็กชาย ฝ่ายสามีภรรยาก็รีบจดทะเบียนเป็นบิดามารดาของเด็กทันที แล้วนำเด็กคนนี้มาเลี้ยงดูอย่างดี ด้วยความรักและทะนุถนอมเหมือนลูกในอก
เด็กชายคนนั้นเติบโตขึ้น ผิวพรรณต่างพ่อต่างแม่ไร้ซึ่งสง่าราศี ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง ไม่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เกเรไปวันๆ และมักไปมีเรื่องนอกบ้านเสมอ ร้อนถึงพ่อแม่ต้องเสียเงินเสียทองไปมากมายกับความประพฤติของลูกชายคนนี้ แต่ด้วยความรักลูกก็จำยอมต้องอดทนกันไป นับวันฐานะทางการเงินของสองสามีภรรยาแย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งเด็กหนุ่มอายุครบ 18 ปี ครอบครัวนี้ก็สิ้นเนื้อประดาตัว หนี้สินมากมาย จนถึงกับต้องขายบ้านขายช่องเพื่อล้างหนี้
ต่อมา ทั้งสองเดินทางไปพบพระรูปหนึ่งที่เก่งทางด้านวิปัสสนากรรมฐานตามคำแนะนำของคนรู้จัก เพราะอยากรู้เหลือเกินว่าเป็นเวรเป็นกรรมอะไร ชีวิตถึงตกต่ำเช่นนี้ ทั้งที่เคยอยู่ดีกินดีเจริญรุ่งเรืองมาตลอด พวกเขาพาลูกชายไปด้วย ครั้นแล้วเมื่อถึงวัด หลวงพ่อเห็นสองสามีภรรยาคู่นี้กับลูกชายก็รู้ทันทีว่า เคยสร้างเวรสร้างกรรมร่วมกันมาในอดีตชาติ ท่านจึงบอกให้เด็กหนุ่มผู้เป็นลูกออกไปข้างนอกก่อน แล้วจึงบอกกับสองสามีภรรยาอย่างตรงไปตรงมาว่า
เมื่อครั้งอดีตชาติ เด็กหนุ่มผู้นี้มีบุญเกิดมาเป็นเศรษฐีแต่กลับตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ทำบุญสุนทาน ไม่สวดมนต์ภาวนารักษาศีล อนึ่งลุ่มหลงในอบายมุขชอบเล่นการพนันดื่มเหล้าเมายาอยู่เป็นนิจ บุญที่มีติดตัวมาแต่ไม่เคยเติมจึงร่อยหรอหมดลง เศรษฐีนั้นเมื่อครั้นจะสิ้นอายุขัย ผลกรรมที่ทำไว้ ส่งผลให้เขาเป็นอัมพาต แม้แต่จะพูดจาสักเล็กน้อยก็ไม่อาจกระทำได้
ขณะเดียวกัน ทั้งสองสามีภรรยาคู่นี้ในอดีตชาติก็เป็นคู่กัน และเป็นคนใช้ของเศรษฐีผู้นี้ ซึ่งไม่มีลูกหลานสืบสกุล ในยามที่ต้องการใช้เงินก็หยิบฉวยเอาไปตามใจชอบคงจะคิดเอาเองว่า พวกตนสมควรได้โดยชอบธรรม ใช้ส่วนตัวบ้าง ทำบุญสุนทานบ้าง เลี้ยงดูเศรษฐีผู้เป็นนายบ้างฯลฯ เศรษฐีก็ได้แต่นอนดูด้วยความคับแค้นใจตลอดเวลาด้วยว่าตนถูกโกงจนหมดตัว แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้แม้ขณะจวนสิ้นใจ จิตก็ยังคิดแค้นอาฆาต ผูกพยาบาทว่าจะต้องเอาคืนจากสามีภรรยาคู่นี้ให้จงได้
ครั้นตายดับสิ้นภพสิ้นชาติกันไปแล้ว ในภพภูมิต่อมาทั้งสองสามีภรรยาก็เกิดมาเป็นคู่บุญคู่กรรมกันอีก แต่ผลกรรมและแรงอาฆาตแค้นจากชาติที่แล้วก็ทำให้เศรษฐีผู้เคยเป็นนายนั้นตามมาจองเวรทั้งสอง แม้ตามมาเกิดเป็นลูกเป็นหลานโดยเลือดเนื้อเชื้อไขไม่ได้ ก็ยังไปอาศัยท้องคนอื่นแทน และด้วยอำนาจวงล้อแห่งกรรม ทำให้สองสามีภรรยาต้องรับเอาเด็กคนนี้มาเลี้ยงดูจนถึงสิ้นเนื้อประดาตัวเพื่อชดใช้หนี้กรรมที่ได้กระทำต่อกันมาแต่อดีตชาติ
หลวงพ่อท่านว่า เมื่อเขาอาฆาตจองเวรและตามมาเอาคืนจนสาสมแก่ใจแล้ว เขาก็จะไปแล้ว ณ ตอนนี้ เขาก็สมใจพอใจแล้ว อีกไม่นานเขาก็จะไป เขาจะสิ้นอายุขัยในเร็วๆ นี้
สองสามีภรรยาได้ฟังดังนั้นก็ร่ำไห้ด้วยความเสียใจทั้งต่อกรรมที่พวกตนได้กระทำครั้งเก่าก่อน อีกทั้งยังไม่อยากต้องเสียเด็กคนนี้ไป ถึงแม้จะลำบากยากจนเพียงใดก็ยังรัก ห่วงใย และผูกพันกันอยู่มาก
หลังจากเด็กคนนี้ดับสิ้นอายุขัยจากไปแล้วดังที่หลวงพ่อท่านบอก ชีวิตความเป็นอยู่ของสามีภรรยาคู่นี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามกาลเวลา แต่ถึงกระนั้น แม้ชดใช้เวรกรรมแก่ลูกชายบุญธรรมไปแล้ว ก็ใช่ว่าพวกเขาจะสิ้นเวรหมดกรรมไป เขายังต้องรับกรรมที่ทำไว้ในส่วนอื่นๆ อีกต่อไป เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เรื่องกฎแห่งกรรมตามสนองนั้นเป็นเรื่องจริง อดีตคนเราสร้างเหตุอันใดไว้ ในปัจจุบันย่อมได้รับผลตามนั้นอย่างแน่นอน ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรมชั่ว เราต้องรับไว้เป็นมรดกและกรรมที่ก่อไว้ในปัจจุบัน ก็เป็นเหตุที่จะส่งผลสืบเนื่องต่อไปยังอนาคต
|