พระรูปหนึ่งลงเขาไปแสดงธรรม ขณะที่พักในโรงเตี๊ยมก็เห็นพระพุทธรูปทองแดงองค์หนึ่ง ฝีมืองช่างละเอียดประณีตมาก เหมือนจริง และดูสงบนิ่งน่าเลื่อมใส พระรูปนี้พอใจยิ่งนัก จึงคิดจะอัญเชิญพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นไปประดิษฐานในวัด แล้วทำพิธีเบิกเนตรและกราบไหว้บูชา เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองออกว่าพระรูปนี้พอใจ จึงเปิดปากบอกราคาห้าพันหยวน โดยไม่ยอมลดให้แม้แต่หยวนเดียว พระรูปนี้หมดปัญญา จึงต้องกลับวัดมือเปล่า เมื่อกลับถึงวัด พระรูปนี้ได้นำเรื่องไปบอกเล่ากับลูกศิษย์ในสำนัก และพูดปิดท้ายว่า “เราต้องหาวิธีเช่าพระพุทธรูปนั้นมาในราคาห้าร้อยหยวนให้ได้” ศิษย์วัดทั้งหลายต่างถอนใจ ก่อนจะพึมพำว่า “จะเป็นไปได้ยังไง” “หลักการแห่งสวรรค์ยังคงอยู่ ต้องมีทางออกแน่นอน โลกมนุษย์ที่แสนกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย หุบเขาแห่งความโลภถมอย่างไรก็ไม่เต็ม เราเป็นพระที่มีเมตตาธรรม จะใช้วิธีโปรดสัตว์เพื่อให้เถ้าแก่ขายพระในราคาห้าร้อยหยวน” พระผู้เป็นต้นคิดตอบ “ท่านจะโปรดสัตว์อย่างไร” ศิษย์วัดคนหนึ่งถาม “เราจะทำให้เถ้าแก่เสียใจลงเรื่อย ๆ” หลังซักซ้อมกุศโลบายสำคัญกันเสร็จ ศิษย์วัดแต่ละคนก็ลงจากเขาไปต่อราคาพระพุทธรูปกับเถ้าแก่โรงเตี้ยมทุกวัน ศิษย์วัดคนแรกต่อราคาลงเป็นสี่พันห้าร้อยหยวน เมื่อไม่ได้ก็กลับขึ้นเขามาอย่างไม่แยแส วันต่อมา ศิษย์วัดคนที่สองลงเขาไปต่อราคากับเถ้าแก่อีก คราวนี้ให้ตาคาแค่สี่พันหยวน เมื่อไม่ได้ก็กลับขึ้นเขามาอย่างไม่ไยดี ศิษย์วัดคนต่อ ๆ มาก็ทำเช่นนี้อยู่เรื่อยๆ กระทั่งถึงวันที่เก้า ศิษย์วัดคนสุดท้ายลงจากเขาไปต่อราคาลงเหลือเพียงสองร้อยหยวน เถ้าแก่เห็นลูกค้ามาต่อราคาทุกวัน แต่ละวันราคาก็ลดลงไปเรื่อยๆ เขาจึงรู้สึกเสียดายมากที่ไม่ขายให้คนแรก ๆ ทุกวันเขาต้องนั่งเสียใจว่าน่าจะขายไปตั้งแต่เมื่อวาน เพราะราคาดีกว่าวันนี้ เขาด่าตัวเองที่โลภเกินไป ทำให้ราคาตกลงเรื่อยๆ จนถึงวันที่สิบ เขาก็ตั้งใจว่า ถ้าวันนี้มีคนมาต่อราคาอีก ไม่ว่าให้เท่าไหร่ก็จะรีบขายออกไป วันที่สิบ พระรูปนั้นลงเขามาด้วยตัวเอง บอกว่าจะซื้อพระพุทธรูปในราคาห้าร้อยหยวน เถ้าแก่โรงเตี๊ยมดีใจมากที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นจากสองร้อยเป็นห้าร้อย จึงบอกว่าจะแถมแท่นบูชาให้ด้วย แต่พระรูปนั้นปฏิเสธแท่นบูชา ท่านให้เหตุผลด้วยรอยยิ้มว่า “ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทุกเรื่องย่อมมีขอบเขตของมันอยู่ อาตมาขอจำกัดความต้องการของตัวเองไว้เพียงเท่านี้ อมิตาพุทธ”
ลดความต้องการอันไม่สิ้นสุด พระพุทธรูปราคาห้าพันหยวนในตอนแรก แต่สุดท้ายกลับขายได้ค่าห้าร้อยหยวน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเถ้าแก่โรงเตี๊ยมต้องการกำไรอย่างไม่สิ้นสุด เห็นพระรูปนั้นอยากได้มากจึงโก่งราคาไว้สูงลิ่ว นึกไม่ถึงว่าพระจะใช้กุศโลบายทำให้ราคาพระพุทธรูปตกลงมาอย่างน่าใจหาย จนกระทั่งแม้แต่ขายได้ห้าร้อยหยวนก็ยังดีใจแทบจะแถมแท่นบูชาให้ด้วย หากเถ้าแก่ค้ากำไรแต่พองามตั้งแต่แรก บอกขายในราคาที่พระรูปนั้นพอซื้อได้ บางทีอาจได้ราคาดีกว่าห้าร้อยหยวนก็เป็นได้
หากเราลดระดับความต้องการลงอีก ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย เรามีชีวิตอยู่ในโลกแห่งวัตถุนิยม จำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด การมุ่งแสวงหาความก้าวหน้าเป็นการแสดงออกถึงความกระตือรือร้นเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีกว่า แต่ขณะเดียวกัน ความคาดหวังที่สูงมากเกินไป กำทำให้เราเกิดความเครียดได้ง่าย
ความคาดหวังที่สูงเกินไปทำให้คนเราลืมเลือนความพอเหมาะพอดี ส่งผลให้เราละเลยความสุขที่มีอยู่แล้วในกำมือ ชีวิตกับความต้องการทางวัตถุควรเคลื่อนไปอย่างสอดคล้องกัน เราต้องรู้จักปรับใจให้เกิดความสมดุล ถ้าทำได้ หนทางแห่งความสุขที่แท้จริงก็อยู่แค่เอื้อม นักศึกษาคนหนึ่ง ฐานะยากจนมาก ไม่มีเงินพอซื้อหนังสือใหม่มาอ่านได้เลย เขาจึงต้องหาซื้อจากร้านหนังสือเก่า แต่ก็ยังอ่านหนังสือเหล่านั้นได้อย่างมีความสุข เขาบอกว่า “สำหรับผมแล้ว หนังสือเล่มไหนที่ผมยังไม่เคยอ่าน มันก็คือหนังสือใหม่ทั้งสิ้น” สำหรับนักศึกษาคนนี้ การไม่มีเงินซื้อหนังสือใหม่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีหนังสืออ่าน ถ้าเรารู้จักความพอดี รู้จักเลือกทำในสิ่งที่เหมาะสมกับฐานะของตนเอง รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้าของเราได้ตลอดไป ความปรารถนาไม่มีที่สิ้นสุด ความต้องการไร้ขอบเขต อย่ามัวแต่พร่ำบ่นว่าเรามีน้อยเกินไป แต่จงค่อยๆ ลดระดับความต้องการลงเรื่อยๆ เพียงเท่านี้ชีวิตก็มีความสุขได้ง่าย ๆ
|