น้องโมกข์ ข้าพเจ้าภูมิใจที่ได้มาที่นี่เพราะว่ามันก็สนุกและได้เห็นสัตว์นานาชนิดพร้อมด้วยอาหาร บางครั้งก็ได้พระด้วย (รูปภาพหลวงพ่อพุธ) เป็นสิ่งที่ภูมิใจด้วย
ด.ช.ปาฏิโมกข์ เมตตาจิตร์ มาที่นี่รู้สึกว่ามีสมาธิมากขึ้นและมีเพื่อนใหม่ และมีอากาศที่ดี และได้ทักษะต่างๆ ได้รู้การอดทนในการทำสมาธิ อยู่ร่วมกับเพื่อน รู้จักพระคุณของแม่และพ่อ และได้รู้จักการอยู่แบบเรียบง่าย ด.ช.เกริกไกร ตอเสนา ไม่เห็นลำบากเลย
ความรู้สึกที่ได้มาก็รู้สึกดีเพราะมาเป็นครั้งแรก ตอนแรกก็คิดว่าจะต้องลำบากมากแน่ๆ แต่พอมาก็รู้สึกสบายใจ อากาศดี ได้ข้อคิดหลายๆ เรื่อง ได้ฝึกความอดทน ได้มีสมาธิมากขึ้น ได้รู้ถึงบาปบุญ การทำบุญ แล้วก็ทำให้รักแม่มากขึ้น ได้ใช้ชีวิตส่วนรวม การมีน้ำใจแล้วก็การตรงต่อเวลา ทำให้เรามีสติมีความอดทนมากขึ้น
จินนี่
โชคดีที่ไม่กลับไปก่อน ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ แต่คิดว่ามาส่งลูกชาย แฟน ให้ได้มาฟังธรรม ปฏิบัติธรรม ให้เป็นคนดี คิดว่ามาส่งเสร็จ ก็อาจจะขับรถกลับเอง หรือไม่ก็จะหาโรงแรมแถวใกล้ๆ วัดอยู่ เนื่องจากมีภาระหน้าที่ในเรื่องงาน คือ ต้องรับโทรศัพท์ตลอดเวลาเพราะเราเป็นพนักงานขายของทางโทรศัพท์ ถ้าไม่รับสายลูกค้าจะคิดว่าบริษัทนี้ปิดไปแล้ว หรือบริษัทนี้หลอกลวงเพราะเป็นการขายผ่านการโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต
แต่พอมาถึงวัดแล้ว วัดเข้ามาลึกมาก จะขับกลับออกไป คงลำบากและแฟนก็ไม่อยากให้ขับกลับไปคนเดียว เนื่องจากกลัวพวกกลุ่มพวกเสื้อแดงที่มีนัดหมายจะพาคนจากต่างจังหวัดเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อประท้วง ก่อนมา แฟนก็กังวล กลัวร้อน กลัวเรื่องที่อาบน้ำ ที่นอน ตัวเราซึ่งตอนแรกไม่ได้คิดจะมา (แต่เป็นคนจัดแจงให้ตัวเขาและลูกชายมาปฎิบัติ) ก็พูดออกไปว่า ทุกอย่างอยู่ที่ใจ จะมาสบายเหมือนอยู่บ้านเราคงจะไม่มี คิดในใจว่า เราต้องยอมลำบากก่อน เพื่อแลกกับสิ่งดีๆ ที่จะได้มาภายหลัง (หมดกิเลส มีแต่ความสุข) พอเริ่มมาปฏิบัติ ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนา ธรรมะ และได้ฝึกปฏิบัติ ส่วนตัวรู้สึกว่าได้ฟังข้อคิดคติธรรม และเรื่องราวต่างๆ มากมายที่เราไม่เคยฟัง เพิ่มพูนความเชื่อ ความศรัทธาของตนเองไปได้อีกมากเลย และทำให้เป็นกำลังใจในการไปฝึกปฏิบัติต่อ เพราะปกติอยู่บ้าน จะมีข้ออ้างต่างๆ เช่น วันนี้เหนื่อยมาก ทำงานมากแล้ว เราต้องไม่ตึงเกินไป เดี๋ยวร่างกายจะแย่ ไม่ได้อยู่เลี้ยงลูกนานๆ ฯลฯ นอกจากความรู้ ความคิดดีๆ ที่ได้จากท่านอาจารย์ ดร.ดาราวรรณและวิทยากรท่านอื่นๆ แล้ว ประทับใจโครงการนี้มากที่ได้ช่วยปลูกฝังขัดเกลาคุณธรรมให้เด็กไทย
โครงการนี้ได้ช่วยเติมเต็มความขาดหรือความพร่องของสังคมในอีกด้านที่สังคมส่วนมากมองข้ามหรือมองไม่เห็น คุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้สังคมไทยและสังคมโลกอยู่รอด แต่กระแสโลกหรือกระแสสังคมไทยมุ่งไปที่วัตถุมากเกินไป จนละเลยอีกด้านหนึ่งของชีวิต แล้วก่อให้เกิดปัญหา พอถึงเวลาก็ต้องพบกับความทุกข์ ถ้าโชคดีหรือมีกรรมดีอยู่บ้างก็พอจะแก้ไขได้ทัน แต่ถ้าโชคร้าย มาคิดถูกภายหลังอาจจะไม่ทันการณ์แล้ว
ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ ดร.ดาราวรรณ และทีมงาน ที่มีจิตกุศลและเสียสละเวลา แรงกาย แรงใจ ทรัพย์สินเงินทอง มาช่วยในการจัดกิจกรรมช่วยเด็กๆ และครอบครัวพาสังคมไทยให้ดีขึ้น ทุกกุศลต่างๆ ที่ทำด้วยเจตนาที่ดี และบริสุทธิ์ ผลของกรรมย่อมตอบสนองท่านอาจารย์ทุกท่าน ให้พบกับความสุข ความสำเร็จ สมตามปรารถนาแน่นอน
ขอกราบขอบพระคุณทุกท่านด้วย วราภรณ์ หาญวิทยานุกูล มืดมา สว่างไป
เราเดินเข้าวัดมาอย่างคนมืดมนมองไม่เห็นหนทางออกของชีวิต เมื่อผ่านการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิต วันนี้เราจึงเดินออกจากวัดด้วยความสว่าง วันนี้เรารู้แล้วว่า หากเรามีสติสัมปชัญญะ เราจะสามารถประคองชีวิตให้อยู่ได้อย่างสงบท่ามกลางความวุ่นวาย และอยู่อย่างสบายท่ามกลางความทุกข์
จากคนที่ปฏิเสธวัดปฏิเสธศาสนา วันนี้เราสามารถกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้อย่างสบายอกสบายใจ ด้วยความศรัทธาและไม่มีอะไรสงสัยติดค้างในใจ ศาสนาพุทธสอนให้เรารู้ว่าชีวิตเป็นเรื่องง่าย แค่ดำเนินชีวิตอย่างรู้ตัวทั่วพร้อม นั่นคือการมีสติและสัมปชัญญะ ซึ่งจะมีได้ต้องมีการฝึกจิต วิธีการฝึกจิตก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถของเรา แค่เราอดทน เพียรพยายามและทำอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีคุณค่ามหาศาล เพราะทำให้เกิดปัญญาสัมมาทิฐิ รู้ความจริงตามความเป็นจริง ไม่มีการปรุงแต่งให้ฟุ้งซ่านเกิดความวุ่นวายใจ คิดไม่ดี การพูดและกระทำไม่ดี เมื่อเห็นตามความเป็นจริง เราจึงจะเกิดปัญญา แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ขอบคุณดร.ดาราวรรณ เด่นอุดมและคณะวิทยากรครูอาจารย์ ขอบคุณหลวงพ่อพุธที่ทำให้มีวัดนี้ มีโครงการนี้ เพราะไม่งั้นเราคงวุ่นวายและทุกข์ไปอีกนาน
กฤติยา กาญจนเตมีย์ กำลังดี การที่ได้เข้ามาร่วมโครงการนี้ ก็เพราะได้พบอาจารย์ดาราวรรณจากรายการโทรทัศน์ ได้ฟังคำที่อาจารย์สอนแล้วรู้สึกอยากให้ลูกได้เข้ามาอบรม รู้จักกับธรรมะมากขึ้น มาฝึกฝนสมาธิให้นิ่ง ก็เริ่มค้นหาจนพบและติดต่อมาเข้าโครงการนี้เป็นครั้งแรก พอมาถึงวัดรู้ว่าที่นี่ร่มเย็นสบายน่าพักมาก แต่ไม่รู้หรอกว่าอบรมผู้ใหญ่ด้วย นึกว่าจัดอบรมเฉพาะเด็ก ก็ไม่ได้เตรียมตัวเพื่อมาอยู่วัด ส่วนลูกสาวก็ร้องไห้ ไม่มีเพื่อนอยู่ที่วัด ก็พอรู้ว่าที่นี่ให้ผู้อบรมด้วยก็ตัดสินใจพักกับลูกสาวเลย
เริ่มต้นการอบรมด้วยความรู้สึกเป็นมิตร สงบสุข และมีน้ำใจ มีรอยยิ้ม ทำให้พบความสุขตั้งแต่แรก ส่วนลำดับการอบรมก็ไม่เข้มงวดจนเกินไป และก็ไม่รู้สึกกดดันอะไรเลย ทำให้ปฏิบัติได้สบาย ๆ
ขั้นตอนการฝึกจิตนั้นก็รู้สึกดีมาก เบาสบายดี ไม่น่ากลัวเพราะไม่ถูกบีบบังคับมากจนเกินไป ทำให้ปรับตัวได้เร็วขึ้น
สุดท้ายก็อยากจะบอกว่า มาที่นี่พบแต่สิ่งดีๆ ทั้งนั้น ญาติธรรมก็น่ารัก วัดก็สงบ ร่มเย็น ไม่น่ากลัวอยู่แล้วรู้สึกอบอุ่นดีค่ะ
ชนะแล้ว มีโอกาสได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดวะภูแก้วด้วยความไม่ค่อยตั้งใจเท่าไรนัก แต่ด้วยเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี จึงยอมฝืนความรู้สึกตัวเอง (ปฏิบัติทั้งหมด 4 วัน 3 คืน) จนกระทั่งคืนสุดท้ายของการปฏิบัติ ก็ยังไม่รู้สึกว่าอะไรดีขึ้น ความจริงเริ่มท้อตั้งแต่วันแรกที่มาปฏิบัติแล้ว เพราะใจยังคิดถึงความสุข ความสบายในชีวิตประจำวันตัวเอง เกิดความทุรนทุราย อึดอัดทุกครั้งที่ทำวัตร สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทุกครั้งที่เกิดความรู้สึกไม่ดี ก็คิดต่ออีกว่า กิจกรรมต่อไปจะหาข้ออ้างไม่ไปทำแล้ว แต่ด้วยอะไรก็หาสาเหตุไม่ได้ พอถึงเวลาของกิจกรรมใดๆ ก็ตัดสินใจไปทำทุกครั้ง ทั้งๆที่ลังเล ใจหนึ่งก็อยากตามใจตัวเอง แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะไปทำ เป็นสิ่งที่ดี
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุผลให้เราเกิดความรู้สึกว่า “ทรมานเหลือเกิน กับการต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจตัว” เนื่องจากปกติเป็นคนที่ตามใจตัวเองมาตลอด ตามใจความรักสบายของตัวเอง ตามใจความสุขสนุกสนานไปตามกิเลส
จนวันสุดท้าย ตัดสินใจอธิษฐานขอกำลังใจจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยบุญอันน้อยนิดที่สะสมมาทั้งชีวิต...บังเกิดผล เป็นครั้งแรกของชีวิตในการนั่งสมาธิที่ไม่หลับ ตามดูจิตได้เป็นจังหวะ ไม่ปวดหลัง ไม่ปวดขา นั่งได้นาน 40 นาที โดยไม่ทรมานใดๆ ทั้งที่ปกตินั่งแค่ 5 นาที ก็ทุรนทุรายแล้ว ถึงแม้ใน 40 นาทีนี้ จะไม่สงบอะไรมากมาย แต่ก็เป็นกำลังใจและจุดเริ่มต้นให้พยายามปฏิบัติธรรม ต่อ ต่อไป
ขอขอบคุณ วิทยากรทุกท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดร.ดาราวรรณ ที่ได้กรุณาสละเวลาจัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ให้กับสังคม และได้อนุเคราะห์ตอบคำถามที่ดิฉันเกิดความลังเลสงสัย ไม่มั่นใจ ที่มีอยู่มากมายด้วยความเมตตาอย่างยิ่งค่ะ 6 เมษายน 2553 กนกกร จรัสวิทย์วิชัย ประทับใจวัดวะภูแก้ว
วัดวะภูแก้ว เป็นสถานที่ที่ข้าพเจ้าประทับใจ ดังนี้ • สงบ เหมาะแก่การภาวนา ที่พัก, ห้องน้ำ, อาหารทุกอย่างพร้อม สมบูรณ์ทุกอย่าง • ครูบาอาจารย์ ให้ความรู้ได้เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง มีเมตตาต่อลูกศิษย์ ทุกถ้วนหน้า • การปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ได้พบความเบากาย, เบาใจ และครองความเบากาย เบาใจได้เป็นเวลานานที่สุดเท่าที่เคยนั่งสมาธิมา • ขอกราบขอบพระคุณครูบาอาจารย์ทุกท่านที่ให้ความเมตตาชี้ทางปฏิบัติที่ลัด-สั้น เข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่ายที่สุด
นางรัตนา เกษวงศ์
พบแต่สิ่งดี ๆ มาที่นี่ได้สมาธิดีมาก สถานที่และอากาศดี และได้สมาธิในการฟังและอ่าน ได้พบกัลยาณมิตรหลายคน เจอคนในวงธรรมะ รู้สึกว่ายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน องค์บรรยายธรรมดีและเข้าใจง่าย กลับจากวัดวะภูแก้วแล้วจะนำธรรมไปใช้ที่บ้าน และจะทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
สมจิตร ตอเสนา
|