Home ศาสนาไม่ใช่ไสยศาสตร์
ผู้มีศีลบริสุทธิ์ ระงับเวรภัย
Sunday, 03 May 2009 02:36

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่กระทำบาปทั้งปวงคือไม่ทำความชั่ว หมายถึงการเจตนางดเว้น ตามกฎของศีล ๕ ศีล ๘ ดังที่เราได้สมาทานมาแล้วนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราได้ตั้งใจละความชั่ว ละบาปด้วยเจตนา เราฝึกฝนอบรมเจตนาอันนี้จนคล่องตัว จนกลายเป็นสภาพความเป็นเอง ตอนแรกๆ เราอาจจะมีศีล ๕ ศีล ๘ ด้วยกิริยาที่อดๆ ทนๆ บางครั้งจิตใจเราอยากจะละเมิดศีลข้อนั้นๆ แต่ภายหลังเมื่อเรารักษาศีลจนคล่องตัว จนเป็นนิสัย จนเป็นอุปนิสัย จนกลายเป็นบารมี ศีลบารมีกลายสภาพความเป็นเองทุกสิ่งทุกอย่าง เจตนาก็มีศีล ไม่มีเจตนาก็มีศีล อันนั้นเรียกว่าเราละความชั่วตามกฎแห่งศีลได้โดยเด็ดขาด

เมื่อเรามีศีลสะอาดบริสุทธิ์ดีแล้ว ภัยเวรที่จะระแวง หวาดระแวงในเรื่องว่าจะมีคนอื่นมาประทุษร้ายหรือจะเกิดเหตุร้ายใดๆ แก่เรานั้น ย่อมเป็นอันหมดกังวล หมดสิ้นไปแล้ว เราจะอยู่ที่ไหนก็เป็นที่สบาย จะนั่งก็สบาย จะนอนก็สบาย จะเดินเหินไปมาทางไหนก็สบาย ไม่ต้องหวาดระแวงภัย เพราะเราไม่ได้สร้างเวรไว้กับใคร

ดังนั้น ศีล ๕ ประการนั้นจึงเป็นอุบายระงับเวร เป็นการตัดกรรมคือตัดการทำความชั่ว เป็นการตัดเวรคือการตัดความพยาบาทอาฆาตซึ่งเกิดจากการกระทำไม่ดีของเราอันเป็นเหตุประทุษร้ายต่อคนอื่น เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตของเราก็มีความสงบและภาคภูมิในความดีที่เราได้ละความชั่วโดยเด็ดขาดแล้ว แล้วจิตของเราก็ถึงพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้มีศีล เราก็มีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ ตามอย่างพระองค์ท่าน พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ไม่ต้องกล่าว เราก็ถึงพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว เพราะเราปฏิบัติตามแบบอย่างของพระองค์ท่าน

การล้ำลึกคุณของพระพุทธเจ้า
เพื่อจะเป็นการปลูกฝังความรู้สึกหรือเจตนางดเว้นจากบาปความชั่วจนถึงขั้นเป็นเองโดยอัตโนมัติ ท่านจึงมีวิธีให้ฝึกฝนอบรมสมาธิวิปัสสนา เพื่อสร้างสมรรถภาพทางจิตให้มีความเข้มแข็ง สร้างสติปัญญาให้ว่องไวรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ อันจะเป็นเหตุประทุษร้ายคุณงามความดีให้เสื่อมสูญ ดังนั้น เราจึงพากันมารำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า

อิติปิ แม้เพราะเหตุนี้
โส ภะคะวา พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
อะระหัง เป็นพระอรหันต์ผู้ไกลจากกิเลส ผู้หักกิเลสกงกรรมสังสารวัฏได้โดยเด็ดขาด
สัมมาสัมพุทโธ เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง โดยไม่มีครูสั่งสอน
วิชชาจะระณะสัมปันโน พร้อมด้วยวิชชา ความรู้แจ้งเห็นจริง และจรณะ การดำเนินข้อวัตรปฏิบัติที่ถูกต้อง

พระพุทธเจ้า

โลกะวิทู พระองค์เป็นผู้รู้แจ้งซึ่งโลก คือรู้ว่าโลกคือเบญจขันธ์ของเหล่านี้เราได้มาด้วยบุญ ดังนั้น เบญจขันธ์คือร่างกายของเรานี้ เรามีมือมีไว้สำหรับไหว้พระ เรามีมือไว้สำหรับทำประโยชน์ เรามีหู ตา จมูก ลิ้น กาย และใจ เอาไว้สร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดี ได้ชื่อว่าเป็นผู้ใช้โลกของตนให้คุ้มค่า การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่แสนยาก แสนลำบาก ต้องประกอบด้วยคุณธรรม คือ ศีล ๕ และกรรมบถ ๑๐ ในเมื่อได้มาแล้วเช่นนี้ เราก็ควรจะใช้โลกคือเบญจขันธ์ของเรานี้ให้เกิดประโยชน์โดยความเป็นธรรม อันนี้เป็นความรู้แจ้งโลกของพระพุทธเจ้า

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมาะสาระถิ พระพุทธเจ้าเป็นสารถีคือเป็นครูสอน เป็นผู้ฝึกอบรมอย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครจะยิ่งไปกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง พระองค์เป็นครูสอนเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดังนั้น เราปฏิญาณตนถึงพระองค์ท่านว่าจะรับเอาพระองค์ท่านเป็นครู เป็นผู้สั่งเป็นผู้สอน เราก็ต้องปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์โดยเคร่งครัด
พุทโธ พระองค์เป็นผู้รู้ พระองค์เป็นผู้ตื่น พระองค์เป็นผู้เบิกบาน
ภะคะวา เป็นผู้แจก ผู้จำแนก คือแจกคำสอนให้เป็นประโยชน์แก่ประชุมชน ชี้แนะแนวทางแห่งบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
นี่คือคุณของพระพุทธเจ้าที่เราสวดเราเจริญอยู่ทุกวันๆ และอีกข้อหนึ่งคือ สุคะโต เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ไหนก็ทำประโยชน์แก่ที่นั่น เมื่อเวลาอยู่ก็มีผู้ยินดี เสด็จหนีไปก็มีผู้อาลัยไยดีคิดถึง นี่เป็นคุณของพระพุทธเจ้าที่เราเจริญอยู่ทุกวันๆ

 

ค้นหา (พิมพ์คำที่ต้องการค้นหา แล้วกดปุ่ม Enter)

ร้านจักรวาลอ๊อกซิเย่น

Banner

น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

Banner

เข้า Facebook ศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ วัดวะภูแก้ว

Banner

แห่เทียนพรรษา 2558

Banner

ฐานิยปูชา 2556

Banner

www.thaniyo.net

Banner

ฐานิยปูชา 2555

Banner

เชิญชม วิดีโอ การแสดงธรรมของ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

วัดป่าสาลวัน

Banner

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

Banner

palungdham.com

Banner

ฐานิยปูชา 2553

Banner

สำรวจความคิดเห็น

เหตุผล สำคัญที่สุด ในการเข้ารับการอบรมพัฒนาจิต ที่วัดวะภูแก้ว ?
 

แบบสำรวจความคิดเห็น

วัดวะภูแก้วควรปรับปรุงเรื่องใดมากที่สุด
 

แบบสำรวจ

พระสงฆ์ในทัศนะของท่าน ?
 

โปรดแสดงความคิดเห็นของท่านได้ที่สมุดเยี่ยม

Banner