การบวชต้องมีจุดหมาย Print
Sunday, 03 May 2009 02:41

การบวชนี่ต้องมีความหมาย ต้องมีจุดหมายปลายทาง บวชตามประเพณี บวชหนีสงสาร บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกแต่เล่น นี่เขาเรียกว่าบวชไม่รู้จักหน้าที่ของตน บวชต้องมี สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานัสสะ สัจฉิกะระนัตถายะ บวชมาแล้วต้องรู้จักทำให้แจ้งในธรรมะคำสอนที่พระองค์ทรงประกาศ ทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ถึงแม้ว่าไม่ถึงพระนิพพาน ก็มีความพากเพียรพยายามปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จึงจะสมศักดิ์ศรีของผู้ที่บวชมาในพระพุทธศาสนา

บวชมามากเท่าไร มีจำนวนมากๆ ก็ยิ่งเพิ่มคนขี้เกียจเข้ามาทุกทีๆ จนผลสุดท้ายวัดก็เลยจะเป็นแหล่งเพาะคนขี้เกียจ รู้ไหม ไม่อายชาวโลกเขาบ้างเลย ชาวบ้านนั่นบ้านเขาอยู่ไกลๆ เขาก็ยังอุตส่าห์เดินมา นั่งรถมา เพื่อทำวัตรสวดมนต์ร่วมกับเรา พวกเราพอได้ยินเสียงระฆังตีเง็งๆๆ ชักผ้ามาคลุมศีรษะ “ตีโคตรพ่อโคตรแม่มันอะไรหนักหนา” อย่าให้มันเป็นอย่างนั้นหมู่ทั้งหลาย ตกนรกตายนะ นี่เตือนนะ เตือน

เวลานี้เราอย่าไปเข้าใจ อย่าไปภูมิใจ ผมมาอยู่นี่ ๑๐ ปี ไม่เคยมีพระองค์ใดมาปรึกษาภูมิจิต ภูมิใจอันละเอียด เมื่อวานนี้แม่ค้าเย็บปักถักร้อยยังมาเล่าเรื่องภูมิจิต ภูมิใจให้ฟังว่า ทำไมมันเป็นอย่างนี้หลวงพ่อ แม้แต่หยดน้ำลงมา ก็ยังเอามาพิจารณา ทำอะไรมีแต่พิจารณา พิจารณาเองของมันโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวนี้เลยสบาย ไม่ต้องนึกถึงอะไรทั้งนั้น จิตมันพิจารณาของมันอยู่ตลอดเวลา พิจารณาเป็นธรรมอยู่ตลอดเวลา นี่ชาวบ้านเขาก็ยังมีปัญหามาถาม

อย่าเป็นกรรมฐานนอกครู
ไอ้เรานี่ พอปฏิบัติหน่อยๆ ชักจะเก่งๆ ขึ้นมาเสียแล้ว อย่าเพิ่งเก่งไวหลาย อย่าเพิ่งอยากดังไวหลาย สมัยนี้เรากำลังพากันแข่งกันดัง ดังเพราะอาศัยบารมีของครูบาอาจารย์คุ้ม บารมีของครูบาอาจารย์คุ้มเราอยู่ เข้าไปในกรุงเทพฯ ญาติโยมถามว่าเป็นลูกศิษย์ใคร ลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เหยียบรอยก็ไม่ถูกหลวงปู่มั่น ยังอุตส่าห์ไปอ้างว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เดี๋ยวนี้พวกเรามักอ้างแต่ครูบาอาจารย์ บางทีก็ไปนึกตำหนิพระอยู่ในวัดบ้านวัดช่องเขา พวกเขาไม่ใช่กรรมฐาน ไม่ใช่นักปฏิบัติ ส่วนเรานี่ไปเที่ยวอ้างแต่ครูบาอาจารย์ ทีนี้ถ้าเผื่อว่าบารมีของครูบาอาจารย์เสื่อมหมดแล้ว เราไม่สร้างบารมีของเราเพิ่มเติมเอาไว้นี่ ต่อไปเราก็จะต้องแข่งกันดับ เวลานี้กำลังแข่งกันดัง ต่อไปกำลังจะแข่งกันดับ ความเป็นอยู่ของพระเณรฝ่ายปฏิบัติ เวลานี้แม้แต่ชาวบ้านเขาก็เป็นห่วง เป็นห่วงเสียดายที่เรามีครูบาอาจารย์ดีๆ วางรากฐานเอาไว้แล้ว แต่เราไม่สามารถที่จะยึดหลักปฏิบัติของครูบาอาจารย์เอาไว้ได้

สิ่งใดที่ครูบาอาจารย์ของเราทดสอบมาแล้วในวิธีการภาวนา ท่านทดสอบมาแล้วเห็นว่าไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ท่านเลิกละไปหมดแล้ว เช่นอย่างการทำจิตไปติดต่อกับวิญญาณเป็นต้น ท่านก็ทดลองมาแล้ว ทำไปทำมาวิญญาณมันจะเข้ามาขี่ในหัวจิตหัวใจเอาไปเป็นบริวาร นั่น ผีมันจะเอาไปเป็นบริวาร ท่านรู้สึกตัว ท่านก็เลิกหมดแล้ว ไอ้เรายังอุตส่าห์เอาวิญญาณมาเข้าทรง เชิญวิญญาณองค์โน้นบ้าง เชิญวิญญาณองค์นี้บ้าง มาทรง มาให้แสดงธรรมให้ฟัง จารีตประเพณีของพระพุทธศาสนาไม่เคยมีหรอกเอาผีมาเทศน์ให้คนฟัง มีแต่คนเทศน์ให้ผีฟัง เพราะฉะนั้นใครอย่าไปริ

 

พยายามทำจิตทำใจให้มันยินดีในปัจจัยสี่ตามมีตามได้ เราบวชมาแล้วเราจะหวังอะไร จะบวชมาเพื่อหวังหาเงินหาทองไปแต่งลูกแต่งเมียอย่างนั้นหรือ หน้าไม่อาย พิจารณาดูให้ดีๆ ซิ ทีจะมาทำวัตรสวดมนต์บนศาลานี่ ทำไมไม่เห็นทะเลาะแย่งกันขึ้นมา ทีเขาถือกระดาษจะนิมนต์พระ ชื่อผมมีไหม เข้าไปดู ชื่อไม่มี หน้าเศร้า สวดมนต์ทำวัตรบนศาลาไม่มีใครให้ค่าจ้างรางวัลนี่เนาะ ไม่รู้จะไปสวดหัวมันทำไม สวดแล้วก็ไม่มีประโยชน์นี่ ไปสวดมนต์ในบ้านยังได้กินกัน แล้วยังได้สตางค์ใช้ด้วย ดีกว่าเนาะ ถ้าจะเอายังนั้นก็ดี ทีนี้ถ้ามันลืมบทสวดมนต์แล้ว จะหากินที่ไหน