ปฏิบัติธรรม เพื่อปลุกจิตใต้สำนึกให้ตื่น Print
Thursday, 23 April 2009 14:00

สรุปได้ว่า เรามาปฏิบัติสมาธิเพื่ออะไร เรามาปฏิบัติสมาธิเพื่อปลุกจิตใต้สำนึกให้มันดีขึ้นมา คนเราทุกคนเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ มีอิทธิพล มีอำนาจอยู่ในตัวตั้งแต่เกิดมาแล้ว เพราะทุกคนเคยเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติ ไม่เว้นแม้แต่ท่านที่นั่งฟังเทศน์อยู่ในขณะนี้ ชาติก่อนอาจเคยเป็นฤษี บำเพ็ญตบะ ตั้งแต่ฌานสมาบัติ ดำดิน กินลม ล่องหน หายตัวได้ แต่สิ่งเหล่านี้มันจมอยู่ในจิตใต้สำนึก

ทีนี้เรามาปลุกจิตใต้สำนึกให้มันตื่นขึ้นด้วยวิธีการสวดมนต์มากๆ บริกรรมภาวนามากๆ กำหนดสติ รู้จิตมากๆ หรือการทำจิตให้มีสิ่งรู้ สติมีสิ่งระลึก แม้แต่การศึกษาเล่าเรียน เวลาเรียนเรากำหนดสติรู้จิตของเราไว้ สายตาจดจ้องมองอาจารย์ผู้บรรยาย ส่งจิตไปรวมไว้ที่ตัวอาจารย์ แยกแยะให้ถูก ก็ได้ชื่อว่า เป็นอุบายปลุกจิตสำนึกให้ตื่นขึ้นมา

หลักปฏิบัติศีล ๕ เพื่อละกิเลส
ทีนี้ เราจะละบาป ก็ศีล ๕ จะละกิเลส ก็ศีล ๕ ข้อ เราจะเอาดีกับพระพุทธเจ้าก็พึงตั้งใจในศีล ๕ ข้อ บทสวดมนต์ที่เป็นจุดยืนก็คือ อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน เมตตาพรหมวิหาร หลักปฏิบัติเพื่อละบาปก็ศีล ๕ มีศีล ๕ บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ก็ได้ชื่อว่าบำเพ็ญบุญกุศล

กำหนดสติให้รู้ตัวตลอดเวลา
เมื่อเรามาฝึกฝนจิตของเรานั้น ฝึกสติลูกเดียว ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด ให้มีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา นอนลงไป จิตมันคิดอะไร ปล่อยให้มันคิดไป แต่กำหนดตามรู้จนกว่าจะนอนหลับ ถ้าเราปฏิบัติต่อเนื่องกันทุกๆ วัน จิตใต้สำนึกเราจะค่อยตื่นมา ทีละน้อย ทีละน้อย ชัดเจนขึ้น

ถ้าเรามีสติจดจ้องอยู่ที่จิต เราจะขยับไปไหน สติทำหน้าที่ยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม พูด คิด สติคอยเฝ้าดูดังนี้ เรียกว่า จิตใต้สำนึกของเรามันตื่น เริ่มตื่นขึ้นมาแล้ว แล้วทีนี้ฤทธิ์ อิทธิพลอำนาจที่มีอยู่กับตน มันก็จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับจิตใต้สำนึก