พระพุทธคุณ ๓ Print
Sunday, 03 May 2009 02:38

พระคุณอันยิ่งใหญ่ที่มีในพระพุทธเจ้า มีอยู่ ๓ ประการ

๑.พระพุทธเจ้าเป็นผู้รู้ดี รู้ชอบด้วยพระองค์เอง รู้อะไร รู้อริยสัจสี่ คือ รู้ทุกข์ซึ่งเกิดขึ้นที่จิต รู้สมุทัยคือตัวกิเลสอันเป็นเหตุทะเยอทะยานใช้กิเลสผิดลู่ผิดทางทำให้เกิดทุกข์ รู้นิโรธคือความปกติของจิตได้แก่การดับกิเลส รู้มรรคคือปฏิปทาทางปฏิบัติให้ถึงซึ่งความพ้นทุกข์ รู้แล้วพระองค์ก็ไม่ได้ตระหนี่ถี่เหนียวความรู้ของพระองค์ ยังอุตส่าห์มาแจกให้พวกเราได้ประพฤติปฏิบัติตาม นี่เป็นคุณของพระพุทธเจ้าประการแรก

คุณประการที่ ๒ พระองค์เป็นผู้มีความบริสุทธิ์สะอาดทั้งกาย วาจา และใจ กิเลสน้อยใหญ่ไม่มีในจิตในใจของพระองค์ ราคะ โทสะ โมหะ แม้เล็กน้อยเท่าธุลี ก็ไม่มีในจิตในใจของพระองค์แล้ว พระองค์จึงถึงความเป็นผู้บริสุทธิ์สะอาดโดยสิ้นเชิง
เมื่อพระองค์พร้อมด้วยพระคุณ ๒ ประการดังที่กล่าวมาแล้วนั้น พระองค์ก็มิได้นิ่งนอนใจ แม้ว่าพระองค์จะหวงเอาไว้เป็นสมบัติส่วนพระองค์ก็ไม่มีใครไปว่าพระองค์ได้ แต่พระองค์ก็ยังสู้เสียสละ ยอมทุกข์ยากลำบากเหน็ดเหนื่อยเที่ยวแสดงพระธรรมเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ในคามนิคมต่างๆ ทั่วประเทศอินเดีย จนกระทั่งปลูกฝังพระพุทธศาสนาให้เป็นหลักฐานมั่นคงลงในชมพูทวีป ได้เป็นมรดกตกทอดมาถึงเราในปัจจุบัน อันนี้เป็นพระคุณที่สาม พระมหากรุณาคุณ

ภาวนาสร้างคุณธรรมของพระพุทธเจ้าไว้ในจิต
ท่านทั้งหลายดีใจ ภูมิใจหรือเปล่า ที่เกิดมาเป็นมนุษย์สมบูรณ์ด้วยอวัยวะ ร่างกายสมบูรณ์ สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี แล้วก็มาพบพระพุทธศาสนา คือคำสอนของพระพุทธเจ้า

แม้ว่าพระองค์ปรินิพพานไปแล้วนานแสนนาน แต่ก็ยังทรงอยู่โดยพระคุณ พุทธธรรมยังแผ่คลุมโลกอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น พุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เป็นคุณธรรม เราทุกคนสามารถที่จะสร้างคุณธรรมนี้ให้เกิดขึ้นในจิตของเราได้ โดยวิธีการฝึกสมาธิวิปัสสนา

ดังนั้น ณ โอกาสต่อไปนี้ ขอเชิญท่านพุทธบริษัททั้งหลายโปรดเตรียมนั่งสมาธิ โดยน้อมจิตน้อมใจรำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าย่อๆ ว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆๆๆ แล้วสำรวมจิตสำรวมใจนึกว่า พระพุทธเจ้าก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี มีพร้อมอยู่ที่จิตของเราแล้ว แล้วก็สำรวมจิตนึกบริกรรมภาวนาพุทโธๆ ไว้ในจิต